เฮดโฟนของผมเชื่อมต่อกับอนาคตได้! My Headphones Can Connect to the Future - ตอนที่ 123
ตอนที่ 123 จุดเริ่มต้นของแผนร้าย
แน่นอนว่าฉินเสี่ยวหยางไม่รู้ว่าการเปลี่ยนฝั่งอย่างกะทันหันของ Xinfa Group เป็นเพราะซูฟ่าน
เขาไม่รู้ว่าซูฟ่านมี “เบื้องหลัง”
อย่างไรก็ตามในวันที่เขาถูกซูฟ่านทําร้ายอีกครั้ง ฉินเสี่ยวหยางก็ตรวจสอบข้อมูลของซูฟ่านด้วยความโกรธเคือง
แต่สิ่งที่แปลกก็คือข้อมูลสําคัญของซูฟ่านได้รับการเข้ารหัสไว้แล้ว
ดูเหมือนว่ามีคนทําเอาไว้เพื่อปกป้องซูฟ่าน
ฉินเสี่ยวหยางกังวลเกี่ยวกับเรื่องของซูฟ่านดังนั้นเขาจึงใช้กลอุบายมากมายเพื่อสืบหาเรื่องของซูฟ่าน
แต่อุปสรรคต่อการสืบสวนของฉินเสี่ยวหยางไม่ได้มาจากชูเทียนฉีเท่านั้น แต่ยังมาจากฉันเสี่ยวหยุนด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ฉินเสี่ยวหยางจะถูกทุบตีแต่ตระกูลฉินก็ไม่ได้ถามอะไรเขา
แม้ว่าเขาจะถูกขู่โดยฉินเสี่ยวหยุนแต่เขาก็ไม่กล้าบอกครอบครัวของเขาว่าใครทุบตีเขา
แต่แปลกที่ทางบ้านก็ไม่ถาม
เหตุผลที่ตระกูลฉินไม่ถามก็เพราะฉินเจียนกั่วไม่ใช่คนโง่
เขารู้ว่าฉินเสี่ยวหยางเป็นคนแบบไหน
เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวของเขา ฉินเสี่ยวหยุนและหลินจูนั้นดีแค่ไหน
ฉินเสี่ยวหยางได้ทําสิ่งชั่วร้ายมากมายเพื่อขัดขวางแผนของฉินเสี่ยวหยุนซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
ฉินเจียนกั่วเดาว่าฉินเสี่ยวหยางคงทําอะไรที่ไม่สุภาพต่อหลินจู
จากนั้นฉินเสี่ยวหยุนจึงส่งคนไปทุบตีฉินเสี่ยวหยาง
หรือไม่ฉินเสี่ยวหยางที่เคยชินกับการทําตัวกร่างอยู่ข้างนอกก็ได้รับการดูแลจากผู้อื่น
แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรฉินเจียนกั่วก็จะหลับตาข้างหนึ่งให้มันผ่านไป
ตราบใดที่ฉินเสี่ยวหยางไม่มาร้องไห้กับเขา เขาก็จะทําเป็นไม่รับรู้
แม้ว่าซื้อซิ่วเหลียน (แม่ของฉินเสี่ยวหยางที่แต่เดิมผมเข้าใจผิดแล้วใช้ชื่อเป็น ฉินซิ่วเหลียน) จะทะเลาะกับเขา ฉินเจียนคิ้วก็ไม่ยอมประนีประนอม
ฉินเสี่ยวหยางหยิ่งเกินไปและเป็นการดีแล้วที่จะได้รับบทเรียนเสียบ้าง
นี่เป็นโชคดีที่ฉินเสี่ยวหยุนชนะการเดิมพัน
มิฉะนั้นเขาเกรงว่ามันจะไม่ง่ายที่จะเมินเฉยต่อฉินเสี่ยวหยาง
ยิ่งฉินเสี่ยวหยางคิดถึงความเจ็บปวดที่ซูฟ่านทําให้ตัวเอง ฉินเสี่ยวหยางก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับไอ้เวรซูฟ่านมาให้ฉัน”
ฉินเสี่ยวหยางพูดกับเลขาของเขา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เลขาก็นําเอกสารทั้งหมดที่มีให้ฉินเสี่ยวหยาง
หลังจากเห็นข้อมูล สีหน้าของฉินเสี่ยวหยางก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
นักศึกษาของมหาวิทยาลัยธุรกิจม่อตู
ภูมิหลังของครอบครัวก็ธรรมดามาก…
ฉินเสี่ยวหยางต้องการแก้แค้นซูฟ่านทันที แต่อาการบาดเจ็บของเขาไม่หาย และเขาก็ไม่สามารถหุนหันพลันแล่นได้
เมื่อเห็นข้อมูลธนาคารของซูฟ่าน ฉินเสี่ยวหยางก็ขมวดคิ้ว
บัญชีของซูฟ่านถูกล็อครหัสและเขาไม่เห็นข้อมูลการไหลของเงินทุน นับประสาอะไรกับยอดคงเหลือของอีกฝ่าย
ฉินเสี่ยวหยางเดาว่าฉินเสี่ยวหยุนคงทําทั้งหมดนี้
อย่างไรก็ตามฉินเสี่ยวหยางยังเห็นว่าซูฟ่านใช้เงินจํานวนหนึ่งเพื่อซื้อ บริษัทจัดเลี้ยงเจียงคู่กรุ๊ป เมื่อไม่กี่วันก่อน
อย่างไรก็ตามบริษัทนี้มีหนี้มากกว่า 200 ล้าน ซึ่งต้องเคลียร์ก่อนโอน
ฉินเสี่ยวหยางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าซูฟ่านสามารถซื้อเจียงได้อย่างไร
เขาเดาได้ด้วยซ้ําว่าสิ่งนี้อาจจะมอบให้ซูฟ่านโดยฉินเสี่ยวหยุน
เพราะเขาเห็นว่าฉินเสี่ยวหยุนและซูฟ่านเปิดห้องกันในวันนั้น ดังนั้นเขาจึงคิดว่าซูฟ่านและฉินเสี่ยวหยุนมีความสัมพันธ์บางอย่างกัน
เพราะจากภูมิหลังของซูฟ่านมันเป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อร้านอาหารราคาแพงเช่นนี้
คําตอบเดียวที่ควรจะเป็นคือฉินเสี่ยวหยุนช่วยซูฟ่านซื้อบริษัทจัดเลี้ยงแห่งนี้
แต่นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉินเสี่ยวหยาง
ฉินเสี่ยวหยางไม่ต้องการกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่แน่นอน
ตอนนี้เขาโกรธมากขึ้น โกรธที่ว่าฉินเสี่ยวหยุนบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้มอบหุ้นของ Pinfeng ให้กับซูฟ่าน
เป็นไปได้ไหมที่ฉินเสี่ยวหยุนผู้ที่ซึ่งอ้างว่าไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อนครั้งนี้จะจริงจังจริง ๆ
เขารู้สึกเสมอว่าฉินเสี่ยวหยุนมีเหตุผลมากพอที่จะไม่สามารถตกหลุมรักได้
ส่วนซูฟ่านนั้นอาจเป็นเพียงการแก้เหงามากกว่า
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แล้ว
ยิ่งเขาโกรธมากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีแผนร้ายในหัวมากขึ้นเท่านั้น
ฉินเสี่ยวหยางยังคงดูข้อมูลเกี่ยวกับซูฟ่านต่อไป
ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าแม่ของซูฟ่านที่ทํางานต่างประเทศอยู่ได้กลับมายังเมืองหลวงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปากของเขา
อีกด้านหนึ่ง ในบ้านพักของฉินเสี่ยวหยุน
หลินจู ฉินเสี่ยวหยุน และซูฟ่านต่างก็นั่งทานอาหารที่โต๊ะอาหาร
“หลินจูฉันคิดว่าเธอมีโอกาสที่จะตกอยู่ในอันตรายถ้าเธออยู่คนเดียว ให้ฉันแนะนําผู้คุ้มกันให้เธอก็ได้นะ”
ฉินเสี่ยวหยุนพูดขึ้นอย่างกระทันหัน
อันที่จริงผู้คุ้มกันสามารถป้องกันการล่วงละเมิดของฉินเสี่ยวหยางได้ดี
หลินจูคิดอยู่ครู่หนึ่งและถอนหายใจ
อันที่จริง ก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอมีผู้คุ้มกันผู้หญิงที่คอยติดตามเธอ แต่ด้วย เหตุผลทางร่างกายผู้คุ้มกันหญิงจึงไปฝึกฝนเพิ่มเติม
หลินจูคิดถึงและพอใจมากกับบอดี้การ์ดของเธอ
เธอรักษาสัญญาและรอให้ผู้คุ้มกันเธอกลับมา
เมื่อต้นปีนี้หลินจูได้รับข่าวว่าผู้คุ้มกันของเธอไม่ได้รับการรักษาและเสียชีวิตไปแล้ว
นี่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าของเธอเช่นกัน
เมื่อพูดถึงบอดี้การ์ด ใบหน้าของหลินจูก็ดูแย่ลงเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอารมณ์เสีย เธอต้องการบอดี้การ์ดมาอยู่เคียงข้างเธอจริง ๆ
ที่จริงแล้วถ้าเธอต้องการบอดี้การ์ด ตระกูลหลินสามารถส่งใครซักคนมาได้ แต่หลินจูไม่ต้องการ
เธอไม่สามารถรับรองได้ว่าผู้คุ้มกันที่ส่งมาจากตระกูลหลินจะคอยจับตาดูพฤติกรรมของเธอหรือเปล่า
ตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอได้รับการดูแลจากครอบครัวมามากพอแล้ว
“ทําไม ยังกังวลเรื่องพี่ชั่วจิงอยู่เหรอ”
แน่นอนว่าฉินเสี่ยวหยุนต้องรู้เรื่องบอดี้การ์ดคนเก่าของหลินจู
การถามเช่นนี้ก็ช่วยให้หลินจูเปิดใจได้เช่นกัน
หลินจูพยักหน้า
“ฉันยังนึกถึงสัญญาที่ให้ไว้พี่ฮั่วจิงจนถึงตอนนี้”
“แต่ฉันก็รู้เช่นกันว่าพี่ฮั่วจิงตายแล้วและไม่สามารถกลับมาหาฉันได้ ดังนั้นสัญญาของเราจะถือเป็นโมฆะ”
ท้ายที่สุดบอดี้การ์ดดคนนี้ก็อยู่กับหลินจูมานานมากแล้ว และด้วยนิสัยของหลินจูเธอผิดคําสัญญาหรือลืมเรื่องนี้ไปไม่ได้จริง ๆ
ดังนั้นทุกครั้งที่เธอพูดถึงเรื่องนี้น้ําเสียงของเธอก็จะดูเศร้ามาก
ฉันเสียวหยุนถอนหายใจ
“ฉันรู้ว่าคุณคิดถึงแต่มันต้องมีการเริ่มต้นใหม่เสมอ ถ้าเธอตกอยู่ในอันตรายพี่ชั่วจิงคงจะไม่สบายใจแน่ใช่ไหมล่ะ”
หลินจูเงียบเมื่อได้ยินคําพูดของฉินเสี่ยวหยุน
จากนั้นเธอก็พยักหน้าและสัญญากับฉินเสี่ยวหยุนว่าจะหาบอดี้การ์ด
“เอาล่ะ ฉันจะขอให้ใครสักคนแนะนําบอดี้การ์ดหญิงที่ไว้ใจได้ จากนั้นให้ซูฟ่านช่วยเลือก”
หลังจากพูดเสร็จ ตาของฉินเสี่ยวหยุนและหลินจูก็จ้องไปที่ซูฟ่าน
ในปัจจุบัน ในการรับรู้ของฉินเสี่ยวหยุนและหลินจู ไม่มีใครมีฝีมือสูงกว่าซูฟ่าน
ซูฟ่านพยักหน้าหลังจากกินอาหารชิ้นสุดท้ายในชามหมด
“แน่นอน”
เขาพูดด้วยยิ้ม
การสัมภาษณ์บอดี้การ์ดของหลินจูมีกําหนดอยู่ในวันถัดไป
ซูฟ่านพักอยู่ที่วิลล่าของฉินเสี่ยวหยุนคืนนี้
เขามีห้องแยกต่างหาก
ฉินเสี่ยวหยุนเคาะประตู แต่ซูฟ่านไม่กล้าเปิดประตูเพื่อหลีกหนีจากสถานการณ์ชวนหวิว
วันรุ่งขึ้นซูฟ่านติดตามฉินเสี่ยวหยุนไปที่บริษัท
เนื่องจากเป็นหน้าที่ของหลินจูที่ต้องเลือกผู้คุ้มกันเอง หลินจูจึงมาด้วย
ประมาณเก้านาฬิกา ผู้คุ้มกันที่มีกําหนดมาสัมภาษณ์เมื่อวานนี้ก็มาถึงทีละคน
มีทั้งหมดสามคนเป็นผู้หญิงทั้งหมด
คนแรกชื่อลี่ฟางหรือที่รู้จักในชื่อคนของตระกูลเทควันโด
ส่วนสูง 178 น้ําหนัก 70 กก.
คนที่สองคือหวางหลิงและข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเธอชนะการแข่งขันชกมวยหญิงติดต่อกันสี่ควอเตอร์
ส่วนสูง 175 น้ําหนัก 75 กก.
คนที่สามชื่อโจวฉิงยู
ไม่มีไฮไลท์และไม่มีประสบการณ์การทํางาน
อายุเพียง 20 ปีเท่านั้น
เธอสูง 177 หนัก 67 กก.
ซูฟ่านขมวดคิ้ว ทําไมคนแบบนั้นถึงถูกแนะนําด้วย?