เฮดโฟนของผมเชื่อมต่อกับอนาคตได้! My Headphones Can Connect to the Future - ตอนที่ 136
ตอนที่ 136 วางแผนที่จะตาย
“เราจะไปที่ไหน?”
ซูฟ่านถาม
“ไปที่บ้านฉันเถอะ ช่วงนี้คนทํางานล่วงเวลาเยอะมาก ฉันไม่อยากให้พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เรากําลังทําอยู่”
ฉินเสี่ยวหยุนกล่าว
รถแล่นไปถึงประตูคฤหาสน์ส่วนตัวของฉินเสี่ยวหยุน
ยังมีเวลาอีกสามชั่วโมงก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะเปิด
ทุกอย่างที่ควรเตรียมพร้อมแล้ว และฉินเสี่ยวหยุนกับซูฟ่านก็ไม่รีบร้อน
เหตุผลที่เขารีบออกมาก็เพราะว่าซูฟ่านไม่ต้องการฟังคําพูดของแม่ของเขา
“ดูเหมือนแม่ของคุณจะชอบฉันมากนะ”
ฉินเสี่ยวหยุนหยิบแก้วน้ําแล้วยื่นให้ซูฟ่านด้วยรอยยิ้ม
ซูฟ่านยักไหล่
“ใคร ๆ ก็ชอบผู้หญิงสวย ๆ แน่นอนที่แม่ของผมจะชอบพวกคุณทุกคน”
“แต่คุณไม่ชอบ”
ฉินเสี่ยวหยุนยังคงยิ้ม
มันเป็นการพูดติดตลก แต่ฟังดูเหมือนเป็นการตัดพ้อ
ซูฟ่านไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อฉินเสี่ยวหยุนอย่างไร และโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นราวกับตัวช่วยชีวิต
ซูฟ่านรับโทรศัพท์และเดินไปที่ห้องครัวที่ติดตั้งฉนวนป้องกันเสียงรบกวน
เมื่อรับโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีคุณซู ผมชื่อหวังเฉิงหู ผมเป็นคนของประธานชูครับ”
ซูฟ่านขมวดคิ้ว ลูกน้องของชูเทียนฉี?
เขาไม่เคยได้ยินชื่อคนนี้มาก่อน
“คุณมีธุระอะไร”
ซูฟ่านถาม
“เมื่อเร็ว ๆ นี้เราพบว่าแม่ของคุณกลับมาที่เมืองหลวงและติดต่อคุณ”
“ประธานชูจึงสั่งให้เราแอบปกป้องความปลอดภัยของแม่คุณ”
“เมื่อครู่เราพบว่ามีคนแอบตามแม่ของคุณไปที่โรงพยาบาลกองทัพอากาศ..”
หวังเฉิงหูอธิบาย
หลังจากที่ซูฟ่านกลับไป หลี่หงสี่ก็คิดไปเยี่ยมครอบครัวของหลินมู่เฉิง
นั่นเป็นผลให้เธอถูกติดตามขณะกําลังเดินทาง และคนที่ตามมาก็ดึงดูดความสนใจของลูกน้องของชูเทียนฉี
เมื่อคาดเดาว่าแม่ของซูฟ่านไม่รู้เรื่องคนที่แอบติดตาม คนของชูเทียนฉีก็จับกลุ่มคนพวกนั้นได้
ซูฟ่านรู้สึกตึงเครียด
ชูเทียนฉีเฝ้าติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเขาจริง ๆ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องพูดเรื่องนี้
โชคดีที่ลูกน้องของชูเทียนฉีกําลังเฝ้าดูอยู่ ไม่เช่นนั้นแม่ของเขาและครอบครัวของหลินมู่เฉิงจะต้องอันตรายแน่
คนเหล่านี้เป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดของฉัน!
ซูฟ่านรู้สึกโกรธทันที
เขาอยากรู้ว่าใครกล้าพอที่จะจ้องเล่นงานแม่ของเขา?
อาจจะเป็นคนของเฉียนคุนหยาง?
มันเป็นไปไม่ได้ เฉียนคุนหยางอาจไม่มีดีแต่ไม่ได้โง่เขลาและเขาไม่มีความสามารถพอจะทําอะไรถ้าไม่มีเฉียนซินฟาช่วย
นอกจากนี้ คน ๆ นั้นยังคงถูกสอบปากคําที่สํานักงานตํารวจ เขาจะมาสร้างปัญหาได้อย่างไร?
“ใครส่งมันมา?”
ซูฟ่านถามไปตรง ๆ
“เราตรวจสอบแล้ว อีกฝ่ายคือคนของฉินเสี่ยวหยาง”
“ฉินเสี่ยวหยาง?”
ซูฟ่านรู้สึกประหลาดใจ
“ใช่ คุณซู เราอยากจะถามว่าคุณอยากจะจัดการกับคนเหล่านี้และฉินเสี่ยวหยางอย่างไร?”
หวังเฉิงหูถามความคิดเห็นจากซูฟ่าน เพราะนี่เป็นญาติของเขาที่ได้รับภัยคุกคาม
ถ้าตามปกติชูเทียนฉีจะไปคุยกับคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างฉินเสี่ยวหยาง
ถ้าเขาต้องการที่จะจัดการกับอีกฝ่าย เขาเพียงแค่ต้องไปคุยกับตระกูลฉินเพื่อตัดสินบทลงโทษแก่ฉินเสี่ยวหยาง
หลังจากนั้นเขาก็จะรอดูว่าฉินเสี่ยวหยางจะถูกครอบครัวไล่ออกไปยังไง
แต่ซูฟ่านอาจไม่พอใจกับผลลัพธ์นั้น
ดังนั้นชูเทียนฉีจึงเคารพการตัดสินใจของซูฟ่านและให้ซูฟ่านเลือกด้วยตัวเอง
ซูฟ่านขมวดคิ้ว
“คุณสามารถจัดการกับคนที่คุณจับมาได้ สําหรับฉินเสี่ยวหยางฉันจะจัดการเอง”
พูดเสร็จก็วางสายไป
ซูฟ่านยืนถือโทรศัพท์อยู่กับที่
หลินจูก็เดินเข้ามาในครัวพอดี
เธอตกใจเมื่อเห็นสีหน้าของซูฟ่าน
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
หลินจูเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก”
“จริงเหรอ เมื่อกี้คุณดูน่ากลัวนะ…”
หลินจูกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับซูฟ่าน
ซูฟ่านส่ายหัว
“ไม่เป็นไร”
พูดจบเขาก็ออกจากครัวไป
ฉินเสี่ยวหยุนกําลังนั่งอยู่บนโซฟากําลังยุ่งกับงานของตัวเองอยู่ในโน้ตบุ๊ค
“ฉันจะออกไปข้างนอก”
“ออกไปไหน หุ้น Yida จะเริ่มในอีกสองชั่วโมงนะ”
ฉินเสี่ยวหยุนขมวดคิ้วถาม
เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับซูฟ่าน
“แม่บอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรีบกลับน่ะ”
“รีบเหรอ? คุณแม่สบายดีไหม?”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ถ้าตลาดเปิดเร็วๆนี้ คุณก็ทําเองได้เลย”
ซูฟ่านโกหกฉินเสี่ยวหยุน
เขาจะไม่ไปหาหลี่หงสี่
แต่เขาต้องการล้างแค้นกับฉินเสี่ยวหยาง
มันกล้าคิดเล่นงานแม่ของเขา…
หลังจากแก้ปัญหาของเฉียนคุนหยางแล้ว ฉินเสี่ยวหยางก็รีบมาหาเรื่องใส่ตัว
ยิ่งซูฟ่านคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ฉินเสี่ยวหยางไม่รู้ว่าแผนการแก้แค้นที่สมบูรณ์แบบของตัวเองคือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมของเขา
หากมีคนอื่นคอยติดตามครอบครัวของเขา ซูฟ่านจะแยกแยะอย่างรอบคอบว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอันตรายหรือไม่
แต่สําหรับฉินเสี่ยวหยาง ซูฟ่านไม่จําเป็นต้องแยกแยะ
เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายคนนี้จะคิดเรื่องดี!
ซูฟ่านขับรถและไปที่โรงพยาบาลกลางของเมืองหลวง
เขาติดต่อเจ้าหน้าที่เพียงระหว่างทาง
เวลาสองทุ่ม ซูฟ่านมาที่โรงพยาบาลกลาง
ไฟสว่างทั่วทั้งโรงพยาบาล
ซูฟ่านยืนอยู่ที่ประตูแผนกผู้ปวยในและเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ
ไม่กี่นาทีต่อมาซูฟ่านก็เห็นเจ้าหน้าที่เพียงเข้ามาหา
เขาพูดคุยกับแผนกต้อนรับเกี่ยวกับหมายเลขวอร์ดของฉินเสี่ยวหยาง
ซูฟ่านขึ้นไปที่ชั้นห้า สําหรับหอผู้ป่วยวีไอพี
มีแพทย์และผู้ป่วยเดินไปมาอยู่ในทางเดิน
แต่ช่วงนี้คนไม่เยอะ
เมื่อเขาออกจากลิฟต์ ซูฟ่านก็เห็นบอดี้การ์ดสองคนที่ดูแลวอร์ด VIP ที่ปลายทางเดินทางด้านซ้าย
ด้านข้างมีเก้าอี้อีกสี่ตัว
มีบอดี้การ์ดทั้งหมดหกคน
ซูฟ่านไม่กลัวและเดินไปที่วอร์ดด้านในสุด
เมื่อเห็นใครบางคนกําลังมา บอดี้การ์ดก็มองอย่างตั้งใจ หลังจากที่ได้เห็นซูฟ่านทุกคนก็ตื่นตัว
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่เคยเห็นซูฟ่านเพราะบอดี้การ์ดทุกคนที่ติดตามฉินเสี่ยวหยางไปรอบก่อนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากซูฟ่าน
บอดี้การ์ดของฉินเสี่ยวหยางทั้งหมดจึงต้องเปลี่ยนใหม่
แต่คนเหล่านี้ก็ได้เห็นภาพของซูฟ่านก่อนเข้ารับตําแหน่งแล้ว
พวกเขาถูกบอกให้ระวังซูฟ่าน
เมื่อซูฟ่านเดินไปที่ประตูของวอร์ด เขาก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนหยุดหน้าประตู
จากนั้นบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่ข้างๆก็ยืนขึ้นล้อมรอบซูฟ่าน
แม้ว่าพวกเขาจะมีพวกเยอะกว่าแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะประมาท เพราะพวกเขารู้ว่าซูฟ่านอันตรายแค่ไหน
ทุกคนต่างวางมือไว้ใต้รักแร้โดยไม่รู้ตัว
พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาต้องต่อสู้จริง ๆ การจะจัดการกับซูฟ่านด้วยทักษะหมัดและลูกเตะของพวกเขาจะไร้ประโยชน์
สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถใช้ได้คือปืนในมือ
แต่นี่เป็นโรงพยาบาลที่มีคนเข้า ๆ ออก ๆ
นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่วอร์ดวีไอพี
คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยคนใหญ่คนโต
ถึงมีปืนแต่ไม่กล้าเหนี่ยวไก
แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถให้ซูฟ่านเข้าไปในวอร์ดได้
“ทําไม? ฉินเสี่ยวหยางไม่กล้าเห็นหน้าฉันหรือไง?”
ซูฟ่านถาม