แกร่งสุดด้วยอาชีพผสาน ในโลกที่มีมอนสเตอร์ออกมากินคนยามค่ำคืน - ตอนที่ 9 ใครจะรู้ว่าสองหัวดีกว่าหัวเ
- Home
- แกร่งสุดด้วยอาชีพผสาน ในโลกที่มีมอนสเตอร์ออกมากินคนยามค่ำคืน
- ตอนที่ 9 ใครจะรู้ว่าสองหัวดีกว่าหัวเ
หลังจากการเตรียมตัวร่วมชั่วโมงของทัตและพิมได้จบลง ค่ำคืนก็เริ่มต้นขึ้นในเวลาเดียวกัน
“พร้อมนะพิม”
“อื้ม!?”
หลังทัตเอ่ยถามความพรั่งพร้อมในการออกศึกแก่พิมเธอก็พยักหน้ารับและตอบกลับอย่างกระตือรือร้น
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังอยู่ในห้องของทัตบริเวณประตูและกำลังเงี่ยหูฟังเสียงด้านนอกห้องเพื่อดูลาดเลาของมอนสเตอร์
ทัตในตอนนี้สวมถุงมือสนับเหล็กรวมถึงสนับศอกและเข่าซึ่งเป็นของที่พิมซื้อมาให้ ส่วนพิมนั้นสวมสนับศอกและเข่าแบบเดียวกันแต่สะพายดาบคาตานะสีดำลายดอกซากุระสีชมพูสลับแดง ส่วนของที่เหลือนอกจากนี้ทั้งหมดอยู่ในช่องเก็บของต่างมิติของทัต
ไม่มีเสียงอะไรเลยแฮะ…
ทัตรู้แบบนั้นจึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกไปให้เห็นทางเดิน หลังยืนยันได้ว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ ทัตก็ร่ายสกิล ‘พรางกาย LV-1’ ให้กับตัวเองและพิมก่อนที่จะออกจากห้อง
“วันนี้คิดว่าเราจะไปได้ถึงไหนเหรอ?” พิมเอ่ยถามในระหว่างที่เดินลงบันได อาจเป็นเพราะสถานที่เลยทำให้ทัตนึกถึงเรื่องอันตรายเมื่อวานจึงเกร็ง ๆ และระวังตัวมากไปหน่อย
“ฉันไม่อยากจะหวังมากเกินไป… ก่อนอื่นเริ่มจากกำจัดมอนสเตอร์รอบ ๆ อาคารนี้ให้หมดก่อนดีไหม?”
“นั่นสินะ” พิมพยักหน้ารับงก ๆ
“แล้วอีกอย่าง… เลเวลของเธอยังน้อยอยู่ เราเน้นไปที่การเก็บเลเวลจากมอนสเตอร์ที่เลเวลต่ำ ๆ ก่อนดีกว่า” ทัตเสนอแบบนั้นพร้อมกับชี้นิ้วประกอบท่าทาง
“จะว่าไปก็จริงแฮะ”
พิมได้ยินแล้วก็เพิ่งตระหนักเรื่องสำคัญได้ เพราะสถานการณ์อันสมจริงเธอเลยลืมพื้นฐานเรื่องง่าย ๆ อย่างเลเวลไป พอมาถึงจุดนี้ แม้จะไม่อยากคิดว่ามันเหมือนกับเกมแต่ก็ต้องพยายามคิดให้ได้แบบนั้นเพราะระบบของโลกนี้มันเป็นอย่างนั้น
“หยุดก่อน”
ทัตยื่นมือบังให้พิมหยุดเท้าหลังสังเกตเห็นว่าทางเดินชั้นสองมีมอนสเตอร์อยู่
ลักษณะของมันคือกบผิวสีเขียวดูชุ่มชื้นและแน่นอนว่าขนาดของมันใหญ่กว่ากบทั่วไป ส่วนสูงของมันเท่ากับมนุษย์ แต่เพราะความกว้างของทั้งตัวเลยรู้สึกเหมือนมันตัวใหญ่กว่ามนุษย์ นอกเหนือไปจากขนาดที่ไม่ธรรมดาแล้ว ก็คือด้านหลังของมันมีกระดองสีน้ำตาลอยู่แทนแผ่นหลังมันวาวตามปกติ
วันนี้ไม่ใช่ผึ้งแต่เป็นกบแฮะ…
แสดงว่ามอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวจะเป็นแบบสุ่มงั้นสินะ
ทัตยืนยันเรื่องนั้นแล้วก็ต้องจดบันทึกข้อมูลนี้ลงในสมองไว้เป็นข้อมูลสำคัญอันดับต้น ๆ เพราะมันหมายความว่าเขาจะไม่อาจคาดเดารูปแบบของมอนสเตอร์ที่จะปรากฏในแต่ละวันและในแต่ละสถานที่ได้เลย
ส่วนเรื่องเลเวลของเจ้ากบตัวนี้นั้น…
กบกระดองแข็ง (LV-16)
ประเภท : Common
อืม… ถือว่าสูงเอาเรื่องเลยแฮะ
แม้เลเวลของมันจะไม่ใช่คู่มือของทัต แต่ผลต่างก็ยังไม่ได้มากพอให้ไว้วางใจได้ และสำหรับพิมที่ยังเลเวล 1 อยู่นั้นถือว่ามันอันตรายมาก ทัตถึงไม่อยากให้พิมสู้ แต่เขาก็ต้องคิดข้ออ้างดี ๆ เอาไว้ด้วย
สักพักทัตก็คิดออก รวมถึงมีเรื่องที่อยากจะพิสูจน์อยู่ด้วย
“พิม… ฉันอยากรู้ว่าค่าประสบการณ์จะแชร์กันรึเปล่าน่ะ เพราะงั้นเธอไปโจมตีเปิดใส่มันแค่ครั้งเดียว แล้วเดี๋ยวฉันจะลองเป็นคนจัดการมันเอง”
“หืม… เอาเถอะ อย่างนั้นก็ได้”
พิมได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วจ้องจี่หาทัตสักพักหนึ่งเหมือนแคลงใจที่ถูกกีดกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดื้อดึง
ทั้งสองคนเดินย่องเข้าไปใกล้เจ้ากบกระดองได้โดยที่มันไม่รู้ตัว ดูเหมือนสกิลพรางกายจะใช้ได้ผลดีมากอย่างที่ทัตคาดหวัง แต่ข้อเสียของมันก็คือคูลดาวน์ที่มีระยะเวลานานนี่แหล่ะ
เพราะแบบนั้นถ้าโจมตีเจ้ากบนี่ไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกไปอย่างน้อย 10 นาทีเลยทีเดียว
“เอาเลยพิม!”
“อื้ม!”
ทว่าทั้งสองคนไม่ได้กลัวเรื่องนั้นเลยสักนิด
พอพิมได้สัญญาณจากทัต มือที่จับด้ามดาบอันสะพายอยู่ที่หลังก็ชักปลายคมมันออกมาในทันที ก่อนจะวาดดาบไปด้านหลังแล้วฟันเจ้ากบจากด้านหน้า พริบตานั้นสายตาของเจ้ากบกระดองก็หันมาโฟกัสที่พิมในทันที นั่นคือสิ่งยืนยันว่าสกิลพรางกายที่คลุมร่างของพิมอยู่หายไปแล้ว
อย่างไรก็ดี… ดูเหมือนการโจมตีของนักดาบเลเวล 1 อย่างพิมจะไม่สามารถสร้างความเสียหายอะไรกับมันได้เลย แต่ข่าวดีก็คือ นั่นเป็นแค่การโจมตีล่อเท่านั้น
“มองไปทางไหนฟะ!”
อีกคนที่สกิลยังไม่หายไป… ทัตออกแรงถีบพื้นเพื่อส่งตัวไปพร้อม ๆ กับเหวี่ยงหมัดขวาฮุคตรงเข้าใส่กลางลำตัวของกบ หมัดของทัตฝังเข้าไปในร่างนุ่ม ๆ บดอวัยวะภายในของมันจนแหลก เจ้ากบกระดองยักษ์ถึงกรีดร้องเสียงหลงก่อนจะถูกแรงส่งของหมัดทัตอัดเข้าใส่ระยะประชิดจนกระเด็นกลิ้งไปหลายต่อหลายตลบ จนสุดท้ายก็ไปกระแทกเข้ากับปลายสุดของทางเดินนู่นเลย
“พลังนาย… เยอะขึ้นป่ะเนี่ย?”
พิมอ้าปากค้างไปแวบนึง เพราะกบมันกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตรเลยหากนับจากความยาวของทางเดิน
“ก็นะ…” ทัตยักไหล่และกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างภูมิใจ (และโอ้อวด)
แต่จะว่าไป พอ ‘ความสามารถทางกาย’ พ้น 20 แต้มแล้วรู้สึกพละกำลังจะเพิ่มขึ้นเยอะจนเห็นได้ชัดเลยแฮะ
ทัตกระโดดโหยง ๆ เหมือนวอร์มอัพ เลยทำให้รู้ว่าการออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้กระโดดได้สูงเกือบครึ่งเมตรเลยทีเดียว
มันส์ล่ะทีนี้
ทัตรู้แบบนั้นแล้วยิ่งรู้สึกว่าอยากลองของ เขาถึงถีบพื้นพุ่งเข้าไปหาเจ้ากบที่นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงหัวบันไดหนีไฟ ย่นระยะทางหลายสิบเมตรในเวลาไม่กี่วินาที แล้วทัตที่ลอยอยู่เหนือกบยักษ์ก็พลิกตัวกลางอากาศสร้างแรงเหวี่ยงก่อนจะเตะสับร่างของเจ้ากบยักษ์ลงไปกับพื้นอย่างรุนแรงจนร่างของมันทะลุลงไปจนถึงชั้นสองเลยทีเดียว
ฟู่…
ทัตถอนหายใจหลังร่างของกบกระดองสลายเป็นธุลี
ชัยชนะที่ได้มาง่าย ๆ แม้จะน่าผิดหวังเพราะขาดความท้าทาย แต่พอคิดว่ามันเป็นเพราะความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นก็รู้สึกพอใจและโล่งอกขึ้นมาอยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ดี ตอนนี้ทัตมีเรื่องที่ต้องเช็คก่อน เขาจึงหันไปถามพิมที่กำลังวิ่งเตาะแตะเข้ามาหาเขาก่อนสิ่งอื่นใด
“เป็นไง? เลเวลอัพไหม”
“ใช่ ทีเดียว 5 เวลเลยล่ะ!”
“โห”
ได้ยินแบบนั้นทัตก็ดีใจตามพิมที่ยิ้มแฉ่งออกมาตามไปด้วย
ทางฉันเองก็เลเวลอัพเวลนึงเหมือนกัน
แต่แบบนี้ก็ชัดแล้วล่ะนะ… ดูเหมือนแค่มีส่วนร่วมกับการต่อสู้แค่ครั้งเดียวก็จะได้รับค่าประสบการณ์จากพวกมันด้วยแล้ว
แต่เพราะไม่มีค่าประสบการณ์ให้ดูเลยไม่รู้ว่าค่าประสบการณ์ที่ได้รับมันหารสองแล้วแบ่งกันหรือได้ไปเต็ม ๆ ทั้งสองคน
แต่ก็ช่างมันเถอะนะ
ทัตยักไหล่ เพราะยังไงตอนนี้ก็ต้องมุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งของทั้งทีมไว้ก่อนอยู่แล้ว มันจึงไม่สำคัญเลยว่าใครจะได้ค่าประสบการณ์มากน้อยเท่าไหร่ เพราะอย่างไรโดยภาพรวมที่ทั้งเขาและพิมจะต้องแข็งแกร่งขึ้นไปพร้อม ๆ กันมันก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี
เอาล่ะ… วันนี้คงมันส์แน่!
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้นฉันกับพิมก็ลุยกันต่อยาว ๆ
พวกเราลงไปยังชั้นสองของหอ ตรงนั้นเองก็มีกบอยู่อีกสองตัว แน่นอนว่าพวกเราจัดการพวกมันได้ แม้จะไม่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลย
พอลงไปชั้นหนึ่งของตึก วันนี้เองก็มีคนหลบอยู่ในห้องสันทนาการเหมือนเดิม แต่พวกเราไม่สนใจและออกไปสำรวจรอบ ๆ หอ
วันนี้จำนวนมอนสเตอร์ในตึกมีน้อยมาก น่าจะเป็นเพราะไม่มีมอนสเตอร์ประเภทบอสอยู่เหมือนเมื่อวานล่ะมั้งนะ
พวกเราเลยสำรวจรอบ ๆ หอได้สะดวก… ใช้เวลาไปชั่วโมงเดียวก็กวาดล้างพวกมอนสเตอร์แถวนี้ได้หมดเลย
และเพราะมันเร็วกว่าที่คิด ก็เลยต้องวางแผนว่าจะไปล่าพวกมอนสเตอร์กันต่อที่ไหนดี?
เพราะถ้าจะให้พูดตรง ๆ… พอนึกย้อนกลับไปวันแรกที่เกิดเรื่อง
แค่ออกไปตรงถนนหลักก็โคตรจะอันตรายแล้ว… มีทั้งมังกร ทั้งไซคลอปส์ ซึ่งเราในตอนนี้ยังสู้พวกมันไม่ได้แน่ มันเสี่ยงเกินไป
ด้วยเหตุนั้น วันนี้ก็เลยจะสำรวจแค่โซนหลังโรงเรียนพอ
และนั่นแหล่ะคือเหตุผล… ที่ตอนนี้ฉันกับพิมกำลังจะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีลักษณะเหมือนกับตั๊กแตนแต่เดินแค่สองขาแบบมนุษย์ แถมในมือยังมีอาวุธครบมืออยู่อีกที่ตรงถนนหลังโรงเรียน
ชื่อของพวกมันคือ ‘นักรบตั๊กแตน’ เลเวลเฉลี่ยอยู่ที่ 25… สองตัวใช้ดาบ สองตัวใช้หอกและอีกตัวใช้ดาบมือเดียวกับโล่ รวมทั้งสิ้น 5 ตัว
พวกเดินเตร็ดเตร่เหมือนกับลาดตระเวนอยู่รอบ ๆ โดยที่ไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นอยู่ในละแวกนี้เลย
ถ้าจะหาเป้าหมาย… เจ้าพวกนี้นี่แหล่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว
ทัตประเมินสถานการณ์ในขณะที่กำลังซ่อนอยู่มุมมืดของตึกโดยมีพิมยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วย ทั่วทั้งท้องถนนยังเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ส่วนใหญ่ถูกทำลายจนเป็นของใช้การไม่ได้ และต้องขอบคุณเรื่องนั้นเลยทำให้ถนนที่กำลังจะกลายเป็นสนามรบไม่ได้เป็นพื้นที่โล่งไปเสียทีเดียว
ก่อนที่จะเปิดเผยตัว… ทัตเริ่มร่ายเวทสายฟ้าแล้วยื่นมือออกไปนอกมุมตึก
ด้วยผลของสกิล ‘พรางกาย’ แม้แต่ตอนที่กำลังร่ายเวทอยู่ก็ยังสามารถปกปิดตัวตนได้ นั่นจึงทำให้ได้เปรียบอย่างมากสำหรับทัตในตอนนี้ที่การร่ายเวทยังต้องใช้เวลานาน
“แผนเดิมเลยนะ… ฉันจะยิงสายฟ้าใส่พวกมันสามตัวที่อยู่เป็นกระจุก พอพวกมันสตั้นไปแล้วก็อาศัยจังหวะนั้นฆ่ามันให้หมดเลย”
“เข้าใจแล้ว”
ทัตทวนแผนอีกครั้ง พิมก็พยักหน้ารับอย่างจริงจังและว่าง่ายเหมือนทุกที
สาม… สอง… การร่ายเวทมาถึงจุดอิ่มตัวในเวลาไม่นาน พริบตานั้นสายฟ้าฟาดก็พุ่งเข้าใส่โดยเล็งที่จุดกึ่งกลางระหว่างตั๊กแตนสามตัวที่อยู่หน้าสุดคือตัวที่ถือดาบ หอก และดาบโล่
แต่คิดตามปกติ… สกิล ‘เวทยิง’ นั้นเป็นสกิลที่ซื่อตรงอันประกอบด้วยหลักการสามอย่างคือ เลือกธาตุ -> ชาร์จพลังจนเต็ม -> เลือกเป้าหมายแล้วก็ยิง
ดังนั้นหากเล็งไปที่ไหน จุดที่จะโดนสายฟ้าช็อตก็มีแค่จุดนั้นเท่านั้น การที่ทัตเล็งไปยังตำแหน่งตรงกลางระหว่างเจ้าตั๊กแตนร่างคนสามตัวที่เป็นพื้นถนนว่าง ๆ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้พวกตั๊กแตนที่อยู่รอบ ๆ โดนช็อตไปด้วย
แต่ว่า…
ตู้ม!!!!!
ก๊าซซซซซ!!!!!!!!
ทว่าในพริบตาที่สายฟ้าฟาดลงตรงจุดกึ่งกลางระหว่างตั๊กแตนสามตัวที่ทัตเล็งเอาไว้ พริบตานั้นสายฟ้ากลับระเบิดออกเป็นวงกว้างส่งกระแสไฟฟ้าช็อตไปทั่วทั้งบริเวณนั้น พาลทำให้รถยนต์ที่อยู่ใกล้เคียงส่งสัญญาณนิรภัยออกมาเพราะทำงานผิดพลาดจากการลัดวงจรไปด้วยเลยทีเดียว
และสาเหตุที่ทำให้สายฟ้าที่ทัตปล่อยออกไปไม่ธรรมดา ก็เป็นเพราะสกิลที่ทัตได้รับมาใหม่ตอนที่อาชีพ ‘Mage’ เลื่อนเป็นเลเวล 10 ที่มีชื่อว่า ‘ดัดแปลงเวท’ นั่นเอง
มันคือสกิลที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะของเวทมนตร์ต่าง ๆ ทั้งจากสกิล ‘เวทยิง’ และ ‘เวทเกราะ’ ให้แสดงผลลัพธ์ออกมาอย่างที่ต้องการ อย่างเช่นการเปลี่ยนสายฟ้าที่ยิงไปกระทบแล้วช็อตเป้าหมายให้กลายเป็นระเบิดสายฟ้าที่จะช็อตร่างของศัตรูในรัศมี 5 เมตรอย่างที่ทัตทำเป็นต้น
“ตอนนี้แหล่ะ!”
ทัตตะโกนให้สัญญาณ ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็ถีบพื้นออกจากมุมตึกพุ่งเข้าหาเจ้ามอนสเตอร์ที่ถูกช็อตอยู่ในทันที
ทางทัตใช้การกระโดดเป็นตัวช่วยส่งให้พุ่งตัวออกไปถึงเจ้าตัวถือดาบที่อยู่หน้าสุดก่อนแล้วจัดการดรอปคิ๊กใส่หน้าของมันเต็ม ๆ จนกระเด็นไปกระแทกเข้ากับรถยนต์ที่อยู่ใกล้ ๆ
พอเท้าลงพื้นแล้วทัตก็หมุนตัวเตะใส่ตัวถือหอกอีกตัวที่กลางลำตัวของมันจนกระอัก ก่อนที่ร่างของมันจะกระเด็นไปหลายตลบเสียไกล
ส่วนพิมที่ตามมาทีหลังกระโดดขึ้นบนรถยนต์แต่ละคัน ไม่ได้มาตามท้องถนนเพราะเห็นว่าทางตรงคือทางที่เร็วที่สุด เธอกระโดดข้ามหลังคารถแบบคันต่อคันไปจนถึงจุดที่เจ้าตั๊กแตนถือดาบโล่มันอยู่เบื้องล่าง
“ย้ากกก!!!”
พิมที่อยู่เหนือหัวของมันหมุนตัวฟันสะพายแล่งมันลงไป ฝากแผลฉกรรจ์ให้กับมันก่อนที่จะลงพื้นอย่างสวยงามไปพร้อม ๆ กับสะบัดดาบหนึ่งทีให้เลือดไม่ติดคมดาบ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ทัตกระโดดถีบพื้นถอยหลังกลับไปหาพิมจนแผ่นหลังของทั้งสองคนแตะกัน
“ตัวเดิมต่อเลย!”
“อื้ม!”
ทัตสั่งการณ์สั้น ๆ ให้พิม เธอได้ยินดังนั้นก็ถีบพื้นทำตามแผนในทันที เธอจึงเข้าประชิดตัวของเจ้าตั๊กแตนถือดาบโล่อีกครั้ง ก่อนจะแทงใส่ที่หัวของมันที่เป็นจุดตายหวังปิดฉาก ทว่าในจังหวะนั้นผลของเวทสายฟ้าก็หมดลงพอดี มันเลยยกโล่กลมที่ทำจากเหล็กขึ้นมากันส่วนหัวของตัวเองได้ทัน
ไม่เพียงเท่านั้นมันยังใช้ส่วนนูนของโล่เบี่ยงวิถีดาบของพิมออกไปด้านข้างอย่างชาญฉลาด และเพราะแบบนั้นพิมถึงถูกแรงส่งออกไปด้านข้างจนกลายเป็นโอกาสให้เจ้าตั๊กแตนที่มีดาบอยู่อีกมือโจมตีสวนกลับ
แต่ในจังหวะที่พิมเหมือนจะเสียหลักและกำลังจะถูกดาบฟาดใส่จากด้านข้างจนลำตัวของพิมขาดสะบั้น เธอกลับย่อตัวหลบด้วยปฏิกิริยาอันสุดยอดจนคมดาบของมันเฉี่ยวผ่านผมของเธอไปนิดเดียวเท่านั้น แถมพิมยังไม่ปล่อยจังหวะที่ตัวเองก้มตัวลงให้สูญเปล่า
ในจังหวะที่ย่อตัวลงเธอก็พลิกตัวหมุนไปด้วยโดยใช้เท้าซ้ายเป็นจุดหมุนแล้วเฉือนขาสองข้างของเจ้าตั๊กแตนจนมันเสียหลัก แล้วก็อาศัยจังหวะที่มันกำลังล้มลงฟันเสยจากปลายคางขึ้นไปจนหัวของมันถูกแบ่งออกเป็นสองซีก
การเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วแถมยังซับซ้อนและแม่นยำจนไม่น่าจะมีเด็กสาว ม.ปลาย ที่ไหนทำได้นั้นน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าอะไร ก็จริงที่ว่าพิมเองก็เคยไปเรียนศิลปะการต่อสู้ที่ใช้อาวุธอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ใช้สู้จริงและหวังผลได้ขนาดนี้
แต่ที่พิมสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้ขนาดนี้ เป็นเพราะเธอมีสกิล ‘ศิลปะดาบ’ จากการที่อาชีพของ ‘Knight’ มีเลเวลถึง 5 แล้วต่างหาก
ทางด้านของทัตเองก็ไม่น้อยหน้า… ตอนนี้ทัตที่ใช้มือเปล่ากำลังรับมือกับตั๊กแตนสองตัวที่ถือดาบกับหอก และเพราะเป็นศึกแบบสองต่อหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือ ทัตจึงยิ่งระวังตัวเป็นพิเศษ
เขาถีบพื้นเข้าหาเจ้าตั๊กแตนที่ถือดาบ ก่อนจะออกหมัดตรงใส่กลางลำตัวของมันสุดแรงแต่มันก็ยกใบดาบขึ้นมาป้องกันได้เสียก่อน มันฉลาดเสียด้วยที่หันด้านคมใส่หมัดของทัต
แต่อย่างไรก็ดี… ด้วยสเตตัส ‘ความสามารถทางกาย’ ที่สูงถึง 28 แต้ม ทำให้ตอนนี้วัตถุมีคมเริ่มไม่ส่งผลกับร่ายกายของทัตแล้ว คมดาบของมันที่หันเข้าใส่ทัตจึงทำได้แค่สร้างรอยขีดข่วนเล็ก ๆ เหมือนถูกเล็บขูดเกาฝ่ามือเพียงเท่านั้น
กระเด็นไปซะ!!!!
คมดาบนั้นจึงไม่อาจทนความรุนแรงของหมัดทัตได้ เจ้าตั๊กแตนนั่นจึงกระเด็นไปพร้อมกับดาบของมันจนลอยไปกระแทกเข้าฝังกับกำแพงปูนที่อยู่บนฟุตบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี… เจ้าตั๊กแตนที่ใช้หอกดูเหมือนจะเล็งจังหวะที่ทัตเพิ่งออกหมัดเมื่อกี้เพราะคิดว่าทัตคงออกท่ากลับมาป้องกันไม่ทัน
มันจึงพุ่งหอกเข้าใส่ทัตจากด้านหลังอย่างเงียบเชียบ เฉียมคมและชาญฉลาด แถมยังเล็งที่หัวของทัตอีกด้วยเพราะในจังหวะแบบนี้ทัตไม่มีทางมองเห็นได้เลยว่ามันจะโจมตีใส่เขาตรงไหนเพราะเขาไม่ได้หันมามองมันเลย
ฟุ่บ!!!
“ช้าไป!”
ทว่าในจังหวะที่คมหอกเกือบจะพุ่งเข้าเสียบทะลุหลังศีรษะของทัตอยู่แล้ว ทัตก็กลับโยกหัวหลบได้อย่างฉิวเฉียดราวกับมีตาหลัง ซึ่งสาเหตุที่ทำอย่างนั้นได้เพราะเขามีสกิล ‘ซิกส์เซนส์’ที่ช่วยให้รับรู้อันตรายถึงตายระหว่างการต่อสู้ซึ่งปลดล็อคในตอนที่เลเวลของ ‘Fighter’ ไปถึงเลเวล 10 นั่นเอง
เท่านั้นยังไม่พอ เขายังสามารถย่อตัวพร้อมกับวาดเท้าขวาโดยใช้เท้าซ้ายยึดอยู่กับพื้นก่อนจะเหวี่ยงเท้าขวาเตะเข้าใส่ชายโครงของเจ้าตั๊กแตน จนสุดท้ายก็กลายเป็นเจ้าตั๊กแตนแทนที่ถูกฉวยจังหวะโจมตีใส่ในตอนที่เสียหลัก ร่างของมันกระเด็นไปทางตั๊กแตนอีกสองตัวที่เหลือและสลายกลายเป็นธุลีต่อหน้าต่อตาของพวกมันที่เหลือ แต่ดูเหมือนพวกมอนสเตอร์จะไม่มีความรู้สึก พวกมันเลยไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือเสียขวัญเลยสักนิด
ในจังหวะนั้นเอง พิมก็วิ่งเข้ามาสมทบข้าง ๆ ทัต ตอนนี้ศึกที่เสียเปรียบ 5 ต่อ 3 กลายเป็น 2 ต่อ 2 อย่างเท่าเทียมไปแล้ว
“เลดี้เฟิร์ส… เลือกตัวที่เธอชอบเลย” ทัตพูดพร้อมกับผายมือไปทางพิมอย่างสุภาพบุรุษทำให้เธอยิ้มแห้ง ๆ
“อุว่ะ… จะตัวไหนก็ไม่อยากเลยแฮะ”
แม้เธอจะรู้สึกขยะแขยงและไม่ค่อยอยากจะเผชิญหน้ากับแมลงเหมือนกับผู้หญิงส่วนใหญ่ แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกยัดเยียด นั่นเพราะเธอมีตัวเลือก
พิมคิดไปคิดมาแล้วก็คิดว่าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ใช้อาวุธเดียวกันเธอถึงถีบพื้นพุ่งเข้าใส่ตั๊กแตนตัวที่ใช้ดาบ ส่วนทัตนั้นถีบพื้นตามพิมไปติด ๆ แต่พุ่งเข้าหาตัวถือหอกที่พิมไม่ได้เลือก การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนผสานไขว้กันอย่างสวยงาม
ทัตพุ่งเข้าใส่ตัวถือหอกมันก็แทงสวนใส่ทัตในทันที ความรุนแรงของมันน่ากลัวมากสมกับที่มีพละกำลังกับสเตตัสของเลเวล 25 แต่น่าเสียดายนักที่ไร้ซึ่งความประณีต หลากหลายและเฉียบคม หากไร้ซึ่งสกิลมันก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของคนที่เลเวลใกล้เคียงกันอย่างทัต
เขาถึงใช้สกิลศิลปะการต่อสู้เสริมทักษะตั้งรับของตัวเองปัดป้องคมหอกของมันออกไป เข้าประชิด แล้วต่อยเสยคางของมันจนลอยขึ้นฟ้า และก็ยังอาศัยจังหวะนั้นถีบพื้นขึ้นสูงเหนือหัวของมันไปพร้อม ๆ กับที่เหวี่ยงตัวกลางอากาศแล้วเตะหัวของมันสุดแรงจนร่างของมันพุ่งกระเด็นไปกระแทกเข้ากับรถคันที่อยู่ใกล้จนหลังคายุบ
เป็นเวลาเดียวกันกับที่พิมเงื้อดาบขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกระโดดขึ้นจนอยู่เหนือกว่าเจ้าตั๊กแตนตัวใช้ดาบ ทั้งแรงกายและแรงโน้มถ่วงเสริมกันทุ่มลงใส่เจ้าตั๊กแตนอย่างรุนแรงถึงขนาดที่มันยกดาบขึ้นมากันแต่ก็ไม่มากพอที่จะรับการโจมตีของพิมได้จนมันต้องก้มตัวลงคุกเข่าติดพื้นราวศิโรราบ และในจังหวะที่มันกำลังชะงักอยู่นั่นแลที่พิมฟันแขนที่ถือดาบอยู่ของมันจนขาดสะบั้น
พอจะมีเวลาให้ร้องโอดครวญออกมาแวบนึง ก่อนที่พิมจะใช้ปลายคมคาตานะแทงใส่กลางศีรษะของมันจากด้านหน้าจนมันแน่นิ่งไปและสลายกลายเป็นธุลีทั้งอย่างนั้น
ด้วยเหตุนั้น การต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลเฉลี่ยรวมใกล้เคียงกันกับทัตและพิมจึงจบลงด้วยชัยชนะอย่างงดงาม
“ฟู่… พวกเรานี่ก็เก่งเหมือนกันแฮะ” ทัตเท้าสะเอวยิ้มร่าด้วยความพอใจเมื่อรอบนี้ความแข็งแกร่งของเขาเหนือชั้นจนถึงกับไม่ได้รับแผลที่น่าเป็นห่วง (หากไม่นับแผลขีดข่วนเล็ก ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาเลย)
“ใช่ไหมล่า!”
และดูเหมือนพิมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันหรือมากกว่า เธอถึงวิ่งเตาะแตะเข้ามาหาทัตด้วยรอยยิ้มก่อนจะชูมือขึ้นมา ทัตเห็นดังนั้นจึงชูมือตัวเองขึ้นมาบ้าง แล้วพิมก็ตบแปะมือของตัวเองเข้ากับฝ่ามือของทัตเป็นการไฮไฟว์ฉลองชัยชนะ
นั่นคือของขวัญอย่างแรก… ส่วนอย่างที่สอง แน่นอนว่าคือค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากการโค่นพวกมัน
“เลเวลเธอเป็นไงแล้วบ้างเหรอ?” ทัตเอ่ยถามพิมในขณะที่เดินไปขึ้นบนฟุตบาทอีกฝั่งของถนน เขาตั้งใจจะคุยอัพเดทสถานะไปด้วยพร้อม ๆ กับเดินไปหาที่หลบจุดต่อไป
ในขณะที่พิมนั้นเปิดหน้าต่างข้อมูลของตัวเองเพื่อยืนยันและอัพเลเวลของตัวเองที่เพิ่งได้มากอีก 4 เลเวลจากศึกเมื่อครู่
“เลเวล 18 แล้วล่ะ แน่นอนว่าเอาไปลงกับอาชีพ ‘Knight’ หมดเลย” พิมว่าแบบนั้นด้วยรอยยิ้มน่ารักน่าชังเหมือนเคย ดูท่าจะดีใจเอามาก ๆ ที่ไล่ตามทัตขึ้นมาได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมันหมายความว่าตัวเธอจะยิ่งช่วยเหลือและสนับสนุนทัตได้มากขึ้นไปอีกนั่นเอง
“แล้วนายล่ะ?” พิมเอ่ยถามทัตต่อ
“อ๋อ… 28 แล้ว”
ทัตตอบกลับในขณะที่เดินนำพิมไปยังตึกที่คล้ายกับสถานที่เรียนพิเศษของติวเตอร์ชื่อดัง เขานึกขึ้นได้ว่าในตึกจำพวกสำนักงานน่าจะมีที่ซ่อนเยอะ หากจะใช้เป็นที่พักชั่วคราวคงไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าตึกจำพวกนี้อีกแล้ว
อย่างไรก็ดี ในตอนที่ทัตบอกเลเวลของตัวเอง พิมก็แอบทำแก้มป่องไปเหมือนกันเพราะคาดหวังว่าตัวเองจะเลเวลเท่ากับทัตแล้วแท้ ๆ พอเป็นแบบนี้เธอก็เลยรู้สึกหงุดหงิดจากความผิดหวัง
ทว่า… ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะถึงเลเวลของทัตจะมากกว่า แต่ความเชี่ยวชาญของคลาสนั้นทางพิมมีเหนือกว่า สิ่งที่ทำให้ได้เปรียบในแง่ของเลเวลนั้นมีเพียงสเตตัส ‘ความสามารถทางกาย’ เท่านั้น แต่ถ้าเทียบกันแล้วสเตตัสที่ทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้กับคนที่เลเวลพอ ๆ กันคือความเชี่ยวชาญของคลาสตัวเองต่างหาก
หากมองในแง่นั้น… พิมก็คงเหนือกว่าทัตไปแล้ว
“แล้วนี่จะแวะเข้าตึกทำไมเหรอ? หรือว่าปวดฉี่?”
“เธอนี่ไม่มีความละเอียดอ่อนเลยนะ” เพราะถูกพิมพูดด้วยรอยยิ้มหยอกแกล้งตามเคย ทัตก็เลยเผลอสับกบาลพิมไปทีนึง แต่ก็ไม่ได้แรงมากไปกว่าการหยอกกลับ
“โถ่… หยอกหน่อยก็ไม่ได้”
พิมบ่นอุบในขณะที่ยกมือลูบหัวตัวเองในระหว่างที่เดินเข้าไปในตึกซึ่งทัตตั้งเป้าเอาไว้
พอเข้าไปในตึกแล้ว ทัตก็เริ่มออกสำรวจเป็นอันดับแรกเพื่อหาห้องที่เหมาะจะใช้พักเช่นห้องประชุมเป็นต้น
และการที่ทัตเดินนำพิมอย่างนี้ นอกจากเพื่อเป็นด่านหน้าคอยเตือนเรื่องมอนสเตอร์ให้พิมแล้วก็ยังมีอีกอย่าง
กลิ่นแบบนี้…
ทัตเดินผ่านห้องประชุมที่ใช้จัดสอนห้องแรกแล้วก็ได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาเลยยกมือขวางให้พิมหยุดเท้าไว้ก่อน หลังเงี่ยหูฟังในห้องนั้นแล้วพบว่าไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตเขาเลยแง้มประตูดู
แล้วก็พบว่าในนั้น… เต็มไปด้วยซากศพมนุษย์ที่เหลือจากการถูกกัดกินหรือเชือดเฉือนเป็นจำนวนมาก บางทีนี่น่าจะเป็นจำนวนของนักเรียนทั้งคลาสเลยก็ได้กระมัง
แม้จะตกใจกลัวแต่ทัตก็ตั้งสติแล้วรีบปิดประตูห้องนั้นลงในทันทีเพราะไม่อยากให้พิมสังเกตเห็นศพพวกนั้นในตอนที่เดินผ่าน
…แม้อันที่จริง มันก็มีคราบเลือดติดอยู่ตลอดทางเดินและผนังบางส่วนอยู่แล้ว
“ฟู่… เจอห้องเหมาะ ๆ ซะที”
หลังใช้เวลาเดินไปจนถึงห้องประชุมห้องในสุดของตึก ทัตก็ตัดสินใจใช้ห้องนั้นเป็นที่พักเหนื่อยชั่วคราว มันดูสะอาดสะอ้านและไร้ร่องรอยของผู้คนอย่างน่าประหลาด แต่ทัตก็ไม่อยากคิดอะไรให้มากความแล้ว
หลังจากที่เห็นสภาพอันน่าสังเวชที่อาจจะกลายเป็นสภาพของตัวเองในสักวัน ทัตก็ไม่อยากจะทำอะไรนอกจากหย่อนก้นลงเก้าอี้นุ่ม ๆ เอาคอพาดกับพนักพิงแล้วพักผ่อนอย่างสบายใจเฉิบอีกแล้ว
ลืมเรื่องพวกนั้นไปสักพักละกัน
ทัตตัดสินใจแบบนั้นแล้วก็เหม่อมองเพดานห้องแบบไม่ได้คิดอะไรอยู่พักหนึ่ง
จนกระทั่งพิมเริ่มนั่งลงใกล้ ๆ เขาแล้วเริ่มแอบมองด้วยความเป็นห่วง ทัตเลยตระหนักว่าเวลาพักของเขาหมดลงแล้วก่อนที่พิมจะกังวลไปมากกว่านี้ เขาจึงเริ่มคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อไป
ตอนนี้เลเวล ‘Fighter’ ของฉันเท่ากับ 11
เพิ่งรู้เหมือนกันว่าพอเลเวล 11 แล้ว สกิลทักษะจู่โจมจะอัพเป็น ‘ทักษะจู่โจม LV-2’
นั่นเลยทำให้หมัดของฉันรุนแรงขึ้นจนเทียบไม่ติดกับแต่ก่อน
ลำพังแค่สเตตัส ‘ความสามารถทางกาย’ ก็สูงมากพออยู่แล้ว พอสกิลเลเวลอัพปุ๊บ มอนสเตอร์ธรรมดาที่เลเวลเท่ากันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้อีกต่อไปแล้ว ถึงพวกมันจะมีอาวุธอย่างพวกตั๊กแตนที่เราโค่นไปก็ไม่เกี่ยง
เท่าที่สังเกต… ความแข็งแกร่งของอาวุธ (ทั้งมอนสเตอร์และคน) นั้น นอกจากขึ้นอยู่กับวัสดุพื้นฐานที่ใช้ทำแล้ว ยังขึ้นอยู่กับสเตตัสความเชี่ยวชาญของคลาสนั้น ๆ ด้วย
นั่นถึงเป็นเหตุผลที่พิมใช้ปืนยิงเจ้าราชินีผึ้งเมื่อวานที่เลเวลสูงกว่า 21 ไม่เข้า แต่ใช้ดาบคาตานะฟันเจ้าพวกตั๊กแตนที่มีเลเวลเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ได้สบาย
เรื่องนี้ยิ่งทำให้การเลือกอัพเลเวลแค่อาชีพเดียว เป็นเรื่องชัดเจนเข้าไปใหญ่ว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าหากเลือกอัพหลายอาชีพ
ทัตบ่นอุบแบบนั้นอยู่ในใจในขณะประสานมือสองข้างไว้หลังศีรษะแล้วเริ่มแหงนมองเพดานอีกครั้ง
ดูเหมือนในท้ายที่สุดเขาเองก็รู้สึกเสียดายที่จับปลาสามมือเลือกอัพไปทั้งสามอาชีพ แต่ใจนึงก็คิดว่าเป็นตัวเลือกที่ถูกแล้วเพราะความแข็งแกร่งไม่ใช่เครื่องมือเพียงอย่างเดียวที่ใช้เอาตัวรอด
เพราะแบบนั้นเขาก็เลยคิดจะใช้หนึ่งแต้มจากที่ได้มาอัพเลเวลให้กับอาชีพ ‘Mage’ โดยหากคำนึงจากการที่สกิล ‘ทักษะจู่โจม’ เลเวลอัพ จึงทำให้ทัตตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าแต่ละอาชีพน่าจะมี 5 สกิลโดยแต่ละสกิลจะได้รับมาหรืออัพเลเวลสกิลในตอนเลเวลของอาชีพนั้น ๆ ถึงเลเวล 1, 3, 5, 7 และ 10 ตามลำดับ
นั่นถึงเป็นเหตุผลที่ทัตเลือกจะอัพเลเวลของ ‘Mage’ เพื่อให้เลเวลของสกิล ‘เวทยิง’ เลเวลสกิลอัพขึ้นเป็นเลเวล 2
หืม? นี่มัน!?
ทัตทำแบบนั้นไปเพราะเชื่อว่ามันคือหนทางเอาชีวิตรอดที่ดีสุด ไม่ได้คาดหวังว่าจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่สุดเพราะรู้อยู่แล้วว่าการอัพหลายอาชีพมันสู้การอัพอาชีพเดียวไม่ได้ เรียกว่าถอดใจไปแล้วคงไม่ผิดนัก
ทว่า… เขาคิดผิดถนัด
อาชีพ ‘Mage’ เลื่อนเป็นเลเวล 11 แล้ว
‘ความสามารถทางกาย’ +1
‘ความเชี่ยวชาญคลาส Mage’ +1
เลเวลสกิลเพิ่มขึ้น : ‘เวทยิง LV-2’
เลเวลของอาชีพ ‘Fighter’ และ ‘Mage’ ถึงระดับที่กำหนด
ปลดล็อคอาชีพ ‘Mage Fighter’ แล้ว
อาชีพ ‘Mage Fighter’ เลื่อนเป็นเลเวล 11 แล้ว
‘ความสามารถทางกาย’ +11
‘ความเชี่ยวชาญคลาส Mage Fighter’ +11
ได้รับฉายา ‘Unlock Mage Fighter’
เลเวลของอาชีพ ‘Mage Fighter’ เพิ่มขึ้น
ความเชี่ยวชาญคลาสของอาชีพ ‘Fighter’ ‘Mage’ และ ‘Mage Fighter’ เพิ่มขึ้น
เลเวลของทุกสกิลของอาชีพ ‘Fighter’ และ ‘Mage’ เพิ่มขึ้น
แม้กระทั่งในตอนนี้ ทัตก็ยังตระหนักได้เพียงครึ่งเดียวว่าเส้นทางเอาตัวรอดที่ดีที่สุดที่เขาได้เลือกเดินคือทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว
และเป็นเส้นทางเดียวกัน… กับเส้นทางสู่ความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุดเป็นหนึ่งเดียวด้วย
❖❖❖❖❖