แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 125 ถูกมองข้าม
บทที่ 125 ถูกมองข้าม
เดิมทีเฉินโม่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวการต่อสู้แย่งชิงกันของโลกภายนอก แต่ตระกูลหลินก็บ้าอำนาจเกินไป แค่เพราะเรื่องของหลินเทียนหยา ถึงกับต้องเอาฉู่เหวินสงมาเกี่ยวข้องด้วย
“ก็ได้ ผมรับปาก ตอนกลางคืนคุณส่งคนมารับผมแล้วกัน!”
ฉู่เหวินสงดีใจมาก “ได้ครับๆ ขอบคุณมากครับเฉินไต้ซือ!”
ฉู่เหวินสงเจอกับภัยครั้งนี้ จริงๆ แล้วเหตุผลหลักๆ ก็เป็นเพราะเฉินโม่ เฉินโม่รับปากช่วยฉู่เหวินสง ก็ถือว่ามาแก้ปัญหานี้ที่ก่อไว้
ตอนหกโมงเย็น ฉู่เหวินสงโทรเข้ามา ถามหาที่อยู่ของเฉินโม่ แล้วก็ส่งคนขับรถมารับเฉินโม่
เฉินโม่ก็เตรียมจะพาเฉินซงจื่อออกไปด้วย ซังซังกลับรีบพาเอียนชิงเฉิงออกมา จะตามเฉินโม่ไปด้วยเสียให้ได้
ทำอะไรไม่ได้ เฉินโม่ก็เลยต้องให้เธอทั้งสองไปด้วย
บ้านของฉู่เหวินสง อยู่ที่กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง ตำแหน่งที่ตั้งเป็นรองแค่บ้านสี่ทิศที่หรูหราที่สุดเท่านั้นเอง แพงกว่าบ้านของอานเข่อเยว่หลายเท่า
เฉินโม่ก็พาเอียนชิงเฉิงมาถึง ฉู่เหวินสงก็ออกมาต้อนรับ ที่ด้านหลังของฉู่เหวินสง มีชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีกรมยืนอยู่
“เฉินไต้ซือ ในที่สุดคุณก็มา เชิญเข้ามาเลยครับ!” ฉู่เหวินสงพูดอย่างมีมารยาท
เฉินโม่พยักหน้าเบาๆ แล้วตามฉู่เหวินสงเข้าบ้านไป ชายวัยกลางคนคนนั้นมองเอียนชิงเฉิงที่ด้านหลังของเฉินโม่ ดวงตาตะลึงกับความสวย
ในห้องโถง มีโต๊ะงานเลี้ยงวางอยู่ ดูแล้วอาหารยังมาวางไม่ครบ
“ทุกท่านเชิญนั่งครับ!” ฉู่เหวินสงยิ้มเชิญ
พวกของเฉินโม่ทั้งหลายก็นั่งลง ชายวัยกลางคนคนนั้นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเฉินโม่ จ้องมองเฉินโม่อยู่บ่อยๆ สายตาค่อนข้างดูถูก
ฉู่เหวินสงยิ้มพูดว่า “เฉินไต้ซือครับ ผมขอแนะนำ ท่านนี้ก็คือครูฝึกศิลปะการต่อสู้ของหงเหมินใต้ ชื่อว่า โจงเซิ่งหัว อาจารย์โจงเป็นยอดฝีมือแดนในคนหนึ่ง ผมขอให้เพื่อนที่หงเหมินเชิญมาช่วยครับ!”
“อาจารย์โจง ท่านนี้ก็คือเฉินไต้ซือ คุณอย่ามองว่าเฉินไต้ซืออายุยังน้อยนะครับ แต่เป็นไต้ซือที่ควบคุมเคล็ดฟ้าร้องได้ และก็เป็นแขกที่ผมเชิญให้มาช่วยเหลือด้วย!”
คิดไม่ถึงว่า อาจารย์โจงคนนี้กลับส่งเสียงไม่พอใจออกมา แล้วพูดอย่างอวดเก่งว่า “ลูกพี่ฉู่ คุณล้อเล่นหรือเปล่า? เคล็ดฟ้าร้องบ้าบออะไรกัน? ไต้ซือบ้าบออะไรกัน? ก็แค่พวกนักต้มตุ๋นในยุทธภพเท่านั้นแหละ ไอ้หนุ่มขนยังไม่ขึ้นแบบเขาน่ะหรือ จะมีความสามารถอะไรได้? คุณไม่ได้เชิญเขามาช่วยหรอก จะคุณเชิญเขามาตายมากกว่า!”
ฉู่เหวินสงก็หน้าเสีย รีบหัวเราะใส่กับเฉินโม่ไปว่า “อาจารย์โจงยังไม่เคยเห็นความสามารถของเฉินไต้ซือ ดังนั้นก็เลยเข้าใจผิดน่ะ หวังว่าเฉินไต้ซือจะไม่เอาความ!”
เฉินไม่ก็ไม่อยากจะสนใจเขา แค่นักบู๊ที่เพิ่งสอบป่านเข้ามาในแดนในเท่านั้นเอง สู้ซังซังก็ยังไม่ได้ ยังทำท่าใส่ชุดคลุมยาว วางมาดไปอย่างนั้น!
เฉินโม่ไม่ได้พูดอะไร โจงเซิ่งหัวรู้สึกว่าถูกเฉินโม่มองข้าม ในใจก็อับอายและโมโห เลยพูดประชดไปว่า “เขาน่าจะโชคดีมากกว่าที่ผมไม่อยู่ด้วย ถ้าผมอยู่ด้วยล่ะก็ ผมคงจะต้องเปิดโปงวิชาหลอกลวงของเขาแน่นอน”
พูดจบ โจงเซิ่งหัวก็มองตวาดฉินโม่ สายตาก็เหยียดหยาม “ไอ้หนู ปีนี้อายุเท่าไรแล้ว? ยังอยู่มัธยมปลายอยู่เลยใช่ไหม? อีกสองปีลูกชายผมก็จะขึ้นมัธยมปลายแล้ว!”
เฉินโม่ก็ยังหน้านิ่งเหมือนเดิม แต่เฉินซงจื่อที่อย่าข้างๆ แทบจะทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว จนอดไม่ได้เอามือทุบโต๊ะ ส่งเสียงไม่พอใจออกมา
โจงเซิ่งหัวก็มองไปที่เฉินซงจื่อ ยิ้มเบาๆ พูดด้วยท่าทางผู้ใหญ่สอนเด็กว่า “ไม่เลว พลังแดนนอกชั้นรู้ความ แต่เสียดายอายุเยอะแล้ว ชีวิตนี้คงไม่มีหวังจะไปถึงแดนใน!”
“ไอ้หนู เอ็งมีเขาคนนี้อยู่ เลยกล้ามาหลอกลวงคนอื่นไปทั่วสินะ!”
เผชิญกับคำดูถูกของโจงเซิ่งหัวหลายครั้ง เฉินโม่ก็ยังหน้านิ่ง คนแบบนี้เขาเจอมาเยอะแล้ว ไม่คู่ควรที่จะไปโมโหด้วย ก็เหมือนกับช้างตัวหนึ่ง จะไปหาเรื่องอะไรกับมดตัวหนึ่งด้วยเล่า!
เพียงแต่ว่า เฉินซงจื่อกลับโมโหจนหน้าแดงไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเฉินโม่ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรล่ะก็ ต่อให้สู้ไม่ได้ เฉินซงจื่อก็จะลงมือเหมือนกัน