แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 187
อู๋ไต้ซือแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “ฉันได้ยาวิเศษมาแล้ว เครื่องรางนั่นก็ไม่จำเป็นอีก ใครที่สามารถชิงมันมาได้ก็เอาไป !”
“นี่ท่านพูดจริงหรือ ?” นักบู๊ถาม
“แน่นอน !” อู๋ไต้ซือพูดด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ท่านอู๋ไต้ซือ ช่างใจกว้างยิ่งนัก !” นักบู๊พูดด้วยความยินดี และดูเหมือนจะลืมเรื่องที่อู๋ไต้ซือต้องการเก็บยาวิเศษไว้คนเดียวไปจนสนิท
ด้วยคำพูดของอู๋ไต้ซือดวงตาของเหล่านักบู๊ก็ฉายแววแห่งความโลภ พวกเขาค่อย ๆ เดินไปหาเฉินโม่ และล้อมรอบพรรคพวกของซุนจิ้งไฉไว้
มู่หรงยานเอ๋อร์อุทานด้วยความตกใจ “พวกคุณจะทำอะไรน่ะ ?”
เมื่อได้เผชิญหน้ากับมู่หรงยานเอ๋อร์ ดวงตาของนักบู๊บางคนถึงกับร้อนรุ่ม นักบู๊คนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอ พวกเราเพียงต้องการจะคุยกับเจ้าหนุ่มด้านหลังเธอเท่านั้น !”
“เจ้าหนู บอกความจริงมา แกคือคนที่ซื้อเครื่องรางไปใช่หรือไม่ ?”
ทุกคนหรี่ตาลง รอฟังคำตอบจากปากของเฉินโม่
ซุนจิ้งไฉและมู่หรงยานเอ๋อร์จ้องมองไปยังเฉินโม่ ดวงตาของซุนจิ้งไฉเต็มไปด้วยความสงสัย ในขณะที่มู่หรงยานเอ๋อร์กลับเต็มไปด้วยความกังวล
เฉินโม่มองดูมู่หรงยานเอ๋อร์อย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงหันไปทางเหล่านักบู๊และยิ้มอย่างใจเย็น “ถูกต้อง เครื่องรางอยู่ในมือของฉันจริง ๆ”
ทีแรกเขาคิดว่าเฉินโม่อาจจะเล่นลิ้น แต่ไม่นึกเลยว่าจะยอมรับออกมาตรง ๆ อู๋ไต้ซือและเว่ยจื่อหยุนเผยรอยยิ้มประหนึ่งว่าแผนการของพวกเขานั้นสำเร็จ
“เจ้าหนู งั้นจงส่งเครื่องรางมาดี ๆ แล้วฉันจะไว้ชีวิตเจ้า !” ชายชราผู้มีพลังแดนในสมบูรณ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ใช่ นายจงมอบเครื่องรางมา ไม่อย่างนั้นก็จงตายอยู่ที่นี่ !” นักบู๊แดนในหลายคนตะโกน
เฉินโม่มองทุกคนด้วยสายตาเหยียดหยาม “ฉันถามพวกคุณหน่อยว่า ถ้าเครื่องรางอยู่ในมือของผีชราเฒ่านั่น พวกคุณยังจะกล้าถามแบบนี้อีกหรือไม่ ?”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังอู๋ไต้ซือที่ใบหน้าตอนนี้ประดับไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา มีแต่ความน่าขนลุก แม้ว่าจะไม่มีใครพูด แต่เฉินโม่ก็ได้คำตอบแล้ว
ขนาดยาวิเศษยังไม่กล้าไปชิงมา นับประสาอะไรกับเครื่องรางที่ไม่รู้แม้แต่วิธีใช้ พวกเขาเพียงแค่ไม่อยากตายเท่านั้น
“สมบัติโบราณมีไว้สำหรับผู้มีคุณธรรม ถ้าเครื่องรางนี้อยู่ในมือของอู๋ไต้ซือพวกฉันคงไม่จำเป็นต้องไปถาม แต่กับเด็กกะโปโลอย่างแก เครื่องรางชิ้นนี้จะมีประโยชน์อะไร ? อยู่กับแกก็เสียของเปล่า ๆ” ชายชราพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นักบู๊บางคนถึงกับรู้สึกอับอายที่ได้ยินคำพูดดูดีพวกนี้ แท้จริงแล้วพวกเขาก็แค่กลัวพลังของอู๋ไต้ซือเท่านั้น
มู่หรงยานเอ๋อร์ทนฟังต่อไปไม่ไหว เธอกรีดร้องเบา ๆ “จะบ้ากันหรือไง ! เห็นชัด ๆ ว่าพวกคุณกลัวอู๋ไต้ซือนั่น ทำเป็นพูดจาดูดีสุดท้ายก็ไม่กล้าไปแย่งมาจากเขา คุณพวกหน้าด้าน !”
ชายชราโกรธจนหน้าแดงก่ำ “สาวน้อย เธอรนหาที่ตาย !”
ซุนจิ้งไฉรีบตะโกนอย่างโกรธเคือง “ยานเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท !”
พูดจบ ดวงตาของซุนจิ้งไฉก็รีบหันไปหาอายู่ คาดหวังว่าเขาจะพอปกป้องตัวเองและคนอื่น ๆ ได้
แต่อายู่กลับก้มหัวลงแสร้งทำเป็นไม่เห็น
ซุนจิ้งไฉถึงกับขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูหนักใจเล็กน้อย
มู่หรงยานเอ๋อร์เงยหน้ามองอย่างดื้อรั้น จ้องมองไปที่ชายชราอย่างไม่หวาดกลัว
เฉินโม่ฉีกยิ้มเบา ๆ “ยานเอ๋อร์เธอพูดถูกแล้ว เขาน่ะหน้าด้าน !”
ความโกรธของชายชราถูกส่งต่อไปยังเฉินโม่ทันที เขาพบข้ออ้างที่จะใช้จัดการเฉินโม่แล้ว “เด็กน้อย แกกล้าทำให้ฉันขายหน้า แกต้องตาย !”
เฉินโมพ่นลมหายใจอย่างเยือกเย็น สายตาเหลือบมองทุกคนด้วยความรังเกียจ และกล่าวว่า “พวกคุณลำบากลำบนจนสามารถเอาชนะจระเข้เกล็ดทองได้ แต่เขากลับนั่งเชยชมกับความสำเร็จอย่างสบายใจ ฉันอยู่ที่นี่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใคร ทำไมพวกคุณกลับจะชิงเครื่องรางไปจากฉัน ”
“พวกคุณคิดว่ามันฆ่าพวกคุณได้ ฉันคนเดียวจะทำไม่ได้หรือไง !”
เสียงของเฉินโม่เยือกเย็นราวกับบัญชาจากสวรรค์
“ฮึ่ม ! อายุแกแค่เด็กนักเรียน ม.ปลาย แต่กล้าที่คุยโวโอ้อวด ถ้ายังไม่ส่งเครื่องรางมา วันนี้แกจะไม่ได้มีชีวิตกลับไป ! ” ชายชราหัวเราะเยาะ