แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 670
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 670
หลังจากครุ่นคิด มู่หรงเค่อรู้สึกว่าควรจะพูดตามตรงดีกว่า เพราะเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือเฉินไต้ซือที่ฝีมือไม่ธรรมดา
“เฉินไต้ซือ คราวนี้ผมเป็นคนให้ยานเอ๋อร์โทรไปหาคุณเอง เพราะมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ?” มู่หรงเค่อกล่าว ประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับเฉินโม่
เฉินโม่ยังคงสงบและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณมู่หรง เชิญพูดออกมาเถอะ?”
มู่หรงเค่อจัดระเบียบคำพูดและกล่าวช้า ๆ “อีกไม่กี่วัน จะเป็นงานพันธมิตรสี่ฝ่ายของสี่มณฑล ได้แก่เจียงหนาน เจียงเป่ย ไห่ตง และไห่ซี ซึ่งจะจัดขึ้นทุกสามปี ผมได้เตรียมคนไว้แล้ว แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ผมเลยอยากจะเชิญเฉินไต้ซือมาช่วยสยบคู่ต่อสู้ ผมหวังว่าเฉินไต้ซือจะไม่ปฏิเสธ!”
มู่หรงเค่อกล่าวอย่างจริงจัง สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
อินทรีคู่ขาวดำที่อยู่ด้านข้างเชิดหน้าขึ้น พ่นลมออกมาอย่างเย็นชา รู้สึกไม่พอใจกับท่าทางของมู่หรงเค่อเป็นอย่างยิ่ง
“งานพันธมิตรสี่ฝ่าย?” ดวงตาของเฉินโม่ขยับเล็กน้อย เผยให้เห็นร่องรอยของความสงสัย
มู่หรงเค่ออธิบายทันทีว่า “จุดประสงค์ของงานพันธมิตรสี่ฝ่าย เพื่อต้องการแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับผลประโยชน์บางอย่าง เพราะตอนนี้เป็นสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมาย และไม่สามารถใช้มีดหรือปืนฆ่าคนเหมือนเมื่อก่อนได้ แต่อย่างไรเสียก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขข้อพิพาททางผลประโยชน์ ดังนั้นจึงมีการจัดงานพันธมิตรสี่ฝ่ายขึ้นทุกสามปี”
“ปีที่แล้วทางฝ่ายผมมีลุงสุ่ยเป็นคนแข่งขัน จนทำให้ได้ตระกูลมู่หรงได้รับผลประโยชน์มากมาย ส่วนอีกสามฝ่ายนั้นสูญเสียผลประโยชน์ และช่วงสามปีที่ผ่านมา พวกเขาพยายามหายอดฝีมือจากทั่วสารทิศ เตรียมตัวลบล้างความอัปยศและกู้หน้ากลับคืนมา ครั้งที่แล้วลุงสุ่ยได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นผมจึงทำได้เพียงเชิญยอดฝีมือมาสองคน เมื่อถึงเวลาแล้ว ผมกังวลว่าจะรับมือไม่ไหว ดังนั้นจึงอยากจะเชิญเฉินไต้ซือมาช่วยสยบคู่ต่อสู้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือเรื่องที่ไม่คาดคิด”
“และแน่นอนว่า ผลประโยชน์ทั้งหมดที่เฉินไต้ซือทำให้ตระกูลมู่หรง พวกเราจะแบ่งคนล่ะครึ่ง หวังว่าเฉินไต้ซือจะตกลง!”
ที่แท้สิ่งที่เรียกว่างานพันธมิตรสี่ฝ่าย คือผู้ทรงอิทธิพลของหลายมณฑล ประลองฝีมือเพื่อแก้ไขข้อพิพาททางผลประโยชน์
เฉินโม่ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ และไม่สนใจผลประโยชน์ที่มู่หรงเค่อสัญญา เพียงแต่เมื่อคำนึงถึงหน้าของมู่หรงยานเอ๋อร์แล้ว ทำให้เฉินโม่ไม่สามารถปฏิเสธมู่หรงเค่อได้ และถ้าเฉินโม่ปฏิเสธมู่หรงเค่อ และมู่หรงเค่อจะคิดหาวิธีขอให้มู่หรงยานเอ๋อร์มาขอร้องตนเองอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นมันจะยุ่งยากกว่านี้
เฉินโม่ครุ่นคิด จากนั้นตัดสินใจรับปากมู่หรงเค่อ ส่วนเรื่องที่จะลงมือหรือไม่ ? เมื่อถึงเวลานั้นมันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา แล้วใครให้มู่หลงเค่ออาศัยประโยชน์จากความสัมพันธ์ของตนเองกับมู่หรงยานเอ๋อร์ล่ะ? ไอรีนโนเวล
“ตกลง เมื่อถึงเวลาแล้วคุณบอกเวลาและสถานที่ที่แน่นอนให้ผม ผมไปแน่นอน” หลังจากเฉินโม่กล่าวจบ เขาลุกขึ้นและกำลังจะจากไป
มู่หรงเค่อรู้สึกดีใจมาก “ขอบคุณเฉินไต้ซือ!”
“ถ้าเฉินไต้ซือไม่มีธุระเร่งด่วนอะไร ก็พักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ คุณวางใจเถอะ ผมรับรองว่าจะไม่มีใครมารบกวนเฉินไต้ซือ!”
เฉินโม่ส่ายศีรษะ “ไม่ต้อง ผมยังมีธุระต้องทำ คุณโทรศัพท์แจ้งผมก่อนงานพันธมิตรสี่ฝ่ายหนึ่งวันก็พอ”
ถึงแม้มู่หลงเค่อจะรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้าชักชวนอีก “โอเค!”
เฉินโม่มองมู่หรงเค่อและกล่าวว่า “ผมขอตัวก่อน แล้วคุณค่อยบอกยานเอ๋อร์ภายหลัง”
มู่หรงเค่อพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว”
เฉินโม่จากไป โดยไม่มองอินทรีคู่ขาวดำด้วยซ้ำ
มีความโหดเหี้ยมประกายผ่านดวงตาของอินทรีคู่ขาวดำ อินทรีใหญ่แอบคิดอยู่ในใจ “เจ้าเด็กที่ชอบเสแสร้ง เพราะคำนึงถึงหน้าของมู่หรงเค่อ ฉันเลยไม่สามารถสั่งสอนแกได้ ให้แกจองหองอีกไม่กี่วัน และเมื่อถึงงานพันธมิตรสี่ฝ่ายแล้ว ฉันจะคอยดูว่าแกจะถูกคนอื่นชกตายอย่างไร!”
“คุณมู่หรง พวกเราก็ขอตัวกลับก่อน” อินทรีคู่ขาวดำกล่าวอำลาเช่นกัน
“ท่านสองคนเดินดี ๆ!” มู่หรงเค่อประสานมือทั้งสองเป็นการคำนับและกล่าวด้วยความสุภาพ
หลังจากทั้งสามคนจากไปแล้ว ลุงสุ่ยเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยืนอยู่ข้างหลังมู่หรงเค่อและกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “ผู้นำตระกูล ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ แต่คุณไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวกับเขามากขนาดนั้น ถ้าเขาแต่งงานกับคุณหนูยานเอ๋อร์จริง ๆ คุณจะกลายเป็นผู้อาวุโสของเขา แล้วต่อไปถ้าเขาอยู่ต่อหน้าคุณ เขาจะต้องเป็นฝ่ายอ่อนน้อมถ่อมตนต่างหาก!”