แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1063 ไม่ได้ผล / บทที่ 1064 ช่วยฉันเปลี่ยน
บทที่ 1063 ไม่ได้ผล
บ้านตระกูลเยี่ย
เยี่ยอีอีนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอกำลังเลือกสรรเครื่องประดับแก้วแหวนเงินทองที่วางเรียงรายอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
เหลียงเหม่ยเซวียนยืนอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “อีอี อันที่แม่ช่วยเลือกให้ไม่เลวแน่นอน วันหมั้นลูกก็ใส่สร้อยเส้นนี้ด้วย จะต้องสวยจนทุกคนในงานตะลึงแน่ๆ! ยัยเด็กเหลือขอหวันหวั่นนั่น นึกไม่ถึงว่ายิ่งโตจะยิ่งสวย แต่สวยไปก็เท่านั้นแหละ ถึงยังไงก็ยังมีชะตากรรมตกต่ำอยู่ดี!”
เยี่ยอีอีได้ยินอย่างนั้น ใบหน้างามสะดุดตาก็ผุดขึ้นมาในหัว นิ้วมือกำเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว “ครั้งนี้ ทางบ้านใหญ่ต่างก็ได้รับเชิญหมดเลยเหรอคะ?”
เหลียงเหม่ยเซวียนพูดด้วยความโมโห “ใช่น่ะสิ ไม่ใช่แค่เยี่ยหวันหวั่นกับเยี่ยมู่ฝาน แม้แต่เยี่ยเส้าถิงกับเหลียงหว่านจวินก็ได้รับเชิญด้วย ไอ้แก่หนังเหนียวสองคนนั้นลำเอียงขนาดไหนคิดดูสิ ยังไงก็จะให้หลานชายเป็นผู้สืบทอดมรดกจนได้!
แล้วเจ้าเยี่ยมู่ฝานนั่นก็ไม่รู้ว่าจู่ๆ เกิดตรัสรู้อะไรขึ้นมา ไม่ยอมหลงกลเลย แม่ส่งคนไปลองเชิงหลายครั้งแล้วก็ยังหาโอกาสลงมือไม่ได้ซักที!”
“แล้วผู้หญิงที่ส่งไปครั้งที่แล้วล่ะคะ?” เยี่ยอีอีถาม
เหลียงเหม่ยเซวียนกัดฟัน “ไม่ได้ผลเหมือนกัน ขนาดถอดเสื้อผ้าแล้ว เยี่ยมู่ฝานก็ยังไม่ยอมทำอะไรเลย!”
ผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคเอดส์ ถ้าเยี่ยมู่ฝานติดโรค ก็ถือว่าพวกเขาทำงานหนักเพียงครั้งเดียว ก็ได้สบายไปตลอดแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จ
“เยี่ยมู่ฝานคงช็อกจนเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว ตอนนี้เขาคงระวังตัวมาก คงทำอะไรไม่ได้ง่ายๆ แล้วล่ะค่ะ…” สายตาของเยี่ยอีอีเย็นลงเล็กน้อย
เหลียงเหม่ยเซวียนแสยะยิ้ม “ไม่เป็นไร ทำอะไรเยี่ยมู่ฝานไม่ได้ ก็ยังมียัยโง่เยี่ยหวันหวั่นอยู่อีกคน!”
เหลียงเหม่ยเซวียนพูด แล้วหยิบกล่องใส่แหวนกำมะหยี่สีดำบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมา
เมื่อเปิดกล่องออก ข้างในเป็นแหวนหยกแท้เนื้องาม ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าราคาไม่ธรรมดาแน่นอน
พอเห็นแหวนวงนี้ สายตาของเหลียงเหม่ยเซวียนก็เป็นประกาย “นี่คือแหวนหมั้นที่ลูกกับเยว่เจ๋อไปเลือกด้วยกันเหรอ? สวยจริงๆ!”
“อื้ม” พอพูดถึงกู้เยว่เจ๋อ สีหน้าของเยี่ยอีอีก็อ่อนลงหลายส่วน
เหลียงเหม่ยเซวียนปิดกล่องแหวน แล้วบอกว่า “อีอี แหวนวงนี้แม่จะเอาไปให้หวงหมิงคุน ให้เขาแอบเอาไปใส่กระเป๋าของเยี่ยหวันหวั่นในวันหมั้น”
เยี่ยอีอีดวงตาไหวระริก “แม่หมายความว่า เราจะใส่ร้ายเยี่ยหวันหวั่นว่าหล่อนขโมยแหวนหมั้นของหนู?”
เหลียงเหม่ยเซวียนเอ่ย “ใช่แล้วลูก!”
เยี่ยอีอีลังเลเล็กน้อย “ทำแบบนั้น…จะดีเหรอคะ?”
เหลียงเหม่ยเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “บ้านนั้นจนจะตาย ถ้าบอกว่าพวกมันขโมยของ ทุกคนต้องเชื่อแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเยี่ยหวันหวั่นยังแค้นเรื่องที่ลูกกับเยว่เจ๋อรักกันอยู่ด้วย! พอถึงวันงานที่มีแขกเต็มไปหมด ฉันจะคอยดูว่าพวกนั้นยังจะมีหน้าอยู่ในตระกูลเยี่ยอีกไหม!”
เยี่ยอีอีได้ยินก็พยักหน้า แล้วบอกว่า “ใช่ สำหรับหวันหวั่น แค่ใช้กับดักระดับนี้ก็เพียงพอแล้ว”
เหลียงเหม่ยเซวียนพูดอย่างมั่นใจ “ลูกแค่แต่งตัวให้สวยๆ ก็พอแล้ว เรื่องอื่นให้เป็นหน้าที่แม่ก็พอ ไว้แม่จะไปสั่งหวงหมิงคุนเอง”
พอได้ยินชื่อหวงหมิงคุน เยี่ยอีอีก็ขมวดคิ้ว “แม่คะ เมื่อไหร่แม่จะให้หวงหมิงคุนไปจากตระกูลเยี่ยสักที?”
เหลียงเหม่ยเซวียนกล่าวเสียงอ่อนโยน “อีอีเด็กดี แม่รู้ว่าลูกไม่ชอบเขา แต่เขายังมีประโยชน์ เรายังมีเรื่องอีกมากที่ต้องให้เขาไปทำ มือของลูก จะมาแปดเปื้อนเพราะเรื่องพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด…”
นัยน์ตาของเยี่ยอีอีเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “แต่ว่าเขา…”
เหลียงเหม่ยเซวียนกล่าว “วางใจ เขาทำอันตรายอะไรลูกไม่ได้หรอก ที่เขามีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะบารมีของลูกทั้งนั้น เขากลัวเรื่องจะถูกเปิดโปงยิ่งกว่าลูกอีก…”
……………………………………………………….
บทที่ 1064 ช่วยฉันเปลี่ยน
คฤหาสน์กุหลาบ
“คุณเก้า วันหยุดอาทิตย์หน้าพวกเราพาถังถังไปเที่ยวที่ไหน?” เยี่ยหวันหวั่นวิ่งไปหาชายหนุ่มในห้องหนังสืออย่างร่าเริง
ตอนนี้เป็นเวลาเย็น ในห้องหนังสือไม่ได้เปิดไฟ จึงมืดสลัวเล็กน้อย ซือเยี่ยหานนั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่ตัวหนึ่ง ใบหน้าซ่อนเร้นอยู่ในเงามืด
“คุณเก้า…คุณเก้า…”
เยี่ยหวันหวั่นเรียกอยู่หลายที ชายหนุ่มจึงเพิ่งตอบ “มีอะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแล้วเดินไปหาเขา เอื้อมมือไปลูบหน้าผากเขา “คุณเป็นอะไรไปคะ? สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย…ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
ซือเยี่ยหานดึงหญิงสาวมานั่งบนตัก “เปล่า วันนี้ประชุมนานไปหน่อย”
“คุณเพิ่งจะหายดี ต้องดูแลตัวเองต่ออีกนะคะ ฉันอุตส่าห์รักษาคุณจนหายดี คุณจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เด็ดขาดนะคะ! เวลาป่วยแป๊บเดียวก็ทรุด แต่กว่าจะรักษาหายใช้เวลาตั้งนาน หมอเทวดาซุนบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ถึงแม้อาการป่วยของคุณจะไม่ได้น่าเป็นห่วงเหมือนเมื่อก่อน แต่ก่อนหน้านี้ร่างกายคุณเสียหายไปมาก ถ้าอยากกลับมาหายดีไม่ใช่เรื่องง่าย…”
ซือเยี่ยหานกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน เขาฟังหญิงสาวพูดจายาวเหยียดอย่างเงียบๆ “อื้ม”
“เมื่อกี้เธอถามว่าอะไรนะ?” ซือเยี่ยหานถาม
“ฉันถามว่าวันหยุดอาทิตย์หน้าพาถังถังไปเที่ยวที่ไหนดีคะ!” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
ซือเยี่ยหานตอบ “ไปถานเยวี่ยวิลล่าดีไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าถี่ๆ “ดีค่ะๆๆ! ฟังดูมีระดับสุดๆ มีแต่พวกคนรวยอย่างพวกคุณเท่านั้นที่ไป เมื่อก่อนเคยได้ยินแต่คนพูดถึงกัน ยังไม่เคยไปสักครั้งเลย ขี่ม้าก็ได้ แข่งรถก็ได้ เล่นเซิร์ฟก็ได้ แล้วยังขับเครื่องบินเองได้ด้วย! ถังถังจะต้องชอบมากแน่ๆ เลยค่ะ!”
ได้ยินประโยคที่ว่า ‘ถังถังจะต้องชอบมากแน่ๆ’ ซือเยี่ยหานไม่ได้เอ่ยขัดอะไร “ฉันจะให้สวี่อี้ไปจัดการให้”
เยี่ยหวันหวั่นนึกเรื่องที่จะไปร่วมงานหมั้นขึ้นมาได้ ก็แอบเหลือบมองซือเยี่ยหานอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดหยั่งเชิงว่า “คือว่า ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…งานหมั้นของญาติผู้พี่ของฉันที่จะจัดวันมะรืน ฉันจำเป็นต้องไปร่วมงานด้วย อาจจะต้องกลับดึกหน่อยนะคะ”
ซือเยี่ยหานเอ่ย “งานหมั้นญาติผู้พี่ของเธอ?”
เยี่ยหวันหวั่นแสร้งทำเป็นใจเย็น “ใช่ค่ะ”
ซือเยี่ยหานมองหน้าเธออย่างมีความนัย “ไม่ใช่งานหมั้นของอดีตคู่หมั้นเธอหรอกเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นเงียบ
โอเค เธอตั้งใจเลือกใช้คำอื่นแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังโดนจับได้อยู่ดี…
เยี่ยหวันหวั่นสะอึก แต่ไม่นานก็พูดอย่างไม่ลังเลว่า “อดีตคู่หมั้นอะไรกัน ถุยๆๆ ตอนนั้นยังเด็กเกินไป เลยแยกไม่ออกว่าอันไหนคนอันไหนหมา สามีของฉันมีแค่เบบี๋คนเดียวเท่านั้นค่ะ!”
ซือเยี่ยหานไม่พูดอะไร
ยัยเด็กนี่ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งแถเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…
ทั้งที่เธอไม่ได้มีเขาเป็นที่รักคนเดียวแล้วแท้ๆ
แต่เขากลับชอบทุกคำที่เธอพูด ชอบที่เธอไม่คิดอะไรมาก…
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มประจบ “เบบี๋ คุณคงหึงแม้กระทั่งเรื่องแบบนี้หรอก ใช่ไหมคะ?”
ซือเยี่ยหานหันไปมองเธอแวบหนึ่ง “คืนนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยง ช่วยเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันด้วย”
“ได้สิคะ! เร็วเข้า!” เยี่ยหวันหวั่นกระเด้งตัวลุกขึ้นจากตักของซือเยี่ยหาน จากนั้นไปเอาเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้ามาให้เขา
“เอามาแล้วๆ! จากนั้นล่ะคะ?” เยี่ยหวันหวั่นทำตามคำสั่งเขาอย่างว่าง่าย
ซือเยี่ยหานเอ่ย “ช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินอย่างนั้นก็ชะงัก แล้วจึงเหลือบมองกระดุมเสื้อที่ถูกติดครบทุกเม็ดอย่างมิดชิดและเป็นระเบียบไปจนถึงคอเสื้อของเขา…
“เอ่อ ถ้าช่วยคุณเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะให้ฉันไปเหรอคะ?”
นี่มัน…นี่มันเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามาโดยตลอดเลยนะ
พักนี้ความสุขแบบนี้มักจะมากะทันหันเกินไป เธอแทบตั้งตัวไม่ทันแล้ว…
………………………