แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1093 อยากอยู่ด้วยกันตลอด / บทที่ 1094 ทั้งใจอยู่ที่คุณ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1093 อยากอยู่ด้วยกันตลอด / บทที่ 1094 ทั้งใจอยู่ที่คุณ
บทที่ 1093 อยากอยู่ด้วยกันตลอด
ไม่ว่าจะเงื่อนไขรูปลักษณ์ พื้นฐานการเต้น หรือทักษะการแสดง เจียงเยียนหรานก็ตรงเงื่อนไขทุกข้อ
โชคดีที่ละครเรื่องนี้จะเริ่มไปตามมหาลัยการละครเพื่อคัดเลือกนักแสดงเดือนหน้า เป็นโอกาสดีหายากจริงๆ
เยี่ยหวันหวั่นคิดพลางก็โทรหาเจียงเยียนหรานทันที
มือถือโทรติดเร็วมาก ปลายสายมีเสียงดีใจของเจียงเยีนหรานดังขึ้นมา “ฮัลโหล หวันหวั่น!”
“เยียนหราน ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง สอบปลายภาคเสร็จแล้วยัง”
“สอบเสร็จแล้ว! คะแนนเพิ่งออกมา ฉันเป็นที่หนึ่งห้องพิเศษของโรงเรียนพวกเรานะ!”
เด็กสาวรายงานเธออย่างดีใจ
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ “เก่งมาก เดี๋ยวฉันพาเธอไปกินของอร่อยๆ!”
“เธอพูดแล้วนะ! จริงสิ โรงเรียนพวกเธอยังไม่ปิดเทอมเหรอ จะสอบตอนไหน” เจียงเยีนยหรานถาม
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “อาทิตย์หน้าก็เริ่มสอบแล้ว”
เจียงเยียนหรานถาม “โอ้ๆ งั้น…ถึงตอนนั้นเธอจะสอบข้ามชั้นกับทำวิทยานิพนธ์จบด้วยกันหรือเปล่า”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ใช่แล้ว!”
เธอเพิ่งเข้าเรียนก็สมัครจบการศึกษาล่วงหน้าแล้ว แต่มหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนกำหนดว่าอย่างน้อยต้องเรียนคอร์สหนึ่งปีก่อนจึงจะสอบข้ามชั้นปีได้ ดังนั้นจึงต้องรอตลอดมาถึงตอนนี้
“งืม งั้นหลังจากนี้ฉันจะเห็นเธอได้น้อยลงหรือเปล่า ฉันมีปัญหายังไปหาเธอได้ไหม” เจียงเยียนหรานเอ่ยอย่างสลดเล็กน้อย
ตอนที่เธอเจอปัญหาภาควิชาเธอจะมาถามเยี่ยหวันหวั่น ทุกครั้งนี้อีกฝ่ายจะช่วยเธอหาปัญหาและบอกเธอว่าควรจัดการตรงไหนได้อย่างตรงจุด
เทียบกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น เธอโชคดีมากจริงๆ แทบจะไม่เคยเดินทางคดเคี้ยวเลย
ยังไงเสียช่วงเรียนเบื้องต้นถ้าวิธีเรียนผิดพลาด อาชีพการแสดงภายหลังก็อาจยากปรับเปลี่ยนได้
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ “ได้อยู่แล้ว ฉันแค่จบการศึกษา ไม่ได้ย้ายถิ่นฐานสักหน่อย ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ เธอคือไพ่ตายล่วงหน้าของฉันเลยนะ!”
ฟังถึงตรงนี้ เจียงเยียนหรานก็ยิ่งผิดหวังแล้ว “งั้นเมื่อไรเธอจะเซ็นสัญญากับฉันละ ความจริง ฉันไม่ใส่ใจเรื่องพวกนั้นที่เธอพูดจริงๆ ฉันแค่อยากทำงานด้วยกันกับเธอ!”
เยี่ยหวันหวั่นทอแววตาอ่อนโยน เธอเอ่ยเสียงอ่อน “ฉันกำลังจะพูดเรื่องนี้กับเธอพอดี คุยในมือถือไม่ชัดเจน พรุ่งนี้พวกเราเจอหน้าคุยกันเถอะ!”
“ได้เลยๆ!” เจียนเยียนหรานตอบรับรัวๆ
“จริงสิ จะได้ให้ภาพลายเซ็นพิเศษชุดศาสตราจารย์ของหานเซี่ยนอวี่ที่ครั้งก่อนช่วยเธอขอพอดี ก่อนหน้านี้ลืมให้เธอเลย” เยี่ยหวันหวั่นพลันนึกขึ้นได้
“โอ้ ได้” เจียงเยีนหรานเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแบบนั้นก็สัมผัสได้อย่างเฉียบแหลม น้ำเสียงของเจียงเยียนหราน ทำไมไม่ดูตื่นเต้นขนาดนั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว…
หรือว่าในที่สุดก็ย้ายใจไปที่ฉู่เฟิงแล้วเหรอ
คนคนนั้นคงดีใจจนบ้าแล้วมั้ง…
หลังตกลงกับเจียงเยียนหรานเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็วางสาย
ถ้าผ่านไปอย่างราบรื่น ละครเรื่องนี้ก็อาจทันรางวัลจินหรานปีนี้…
การค้นพบไม่คาดฝันนี้ทำให้จิตใจที่เดิมทีหดหู่ของเธอดีขึ้นไม่น้อย มีกำลังใจเตรียมเริ่มเขียนวิทยานิพนธ์จบ
เวลานี้ เสียงเคาะประตูดัง ‘ก๊อกๆๆ’ ก็ดังขึ้น
เยี่ยหวันหวั่นรีบพูด “เข้ามา”
“คุณแม่ ถังถังเอง!” หน้าประตูมีเสียงของถังถังดังขึ้นมา
“แม่มาแล้ว!” เยี่ยหวันหวั่นรีบเดินไปเปิดประตู
“คุณแม่ กำลังยุ่งอยู่เหรอ” เด็กน้อยมองแล็บท็อปและกองหนังสือข้อมูลที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือของเยี่ยหวันหวั่น
“ใช่จ๊ะ แม่กำลังจะทำงานแล้ว!” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก
ถังถังพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “งั้นคุณแม่รีบทำงานเถอะครับ ถังถังจะไปเล่นเอง ไม่รบกวนคุณแม่”
“เอ๋ ไม่เอา!” เยี่ยหวันหวั่นคว้าเด็กน้อยมากอดไว้ทันที “ทำงานน่าเบื่อจะตาย ถังถังเบบี๋ ลูกอยู่เป็นเพื่อนแม่เขียนนะ!”
เฮ้อ อยากอยู่กับถังถังตลอดไปจังเลย…
………………………………………
บทที่ 1094 ทั้งใจอยู่ที่คุณ
เด็กน้อยลังเลเล็กน้อย “จะไม่รบกวนคุณแม่เหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นรีบตอบ “ไม่ๆ ไม่รบกวนแน่นอน! มีลูกอยู่ข้างๆ แม่มีกำลังใจทำงานเต็มสิบ! อืม แม่ก็แค่เป็นห่วงว่าลูกจะเบื่อ…”
เด็กน้อยส่ายหน้าแรงทันควัน “ถังถังไม่เบื่อ ถังถังชอบอยู่กับคุณแม่!”
สองแม่ลูกเข้าห้องไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็นั่งหน้าโต๊ะทำงานพลิกเอกสารกับเขียนวิทยานิพนธ์ ส่วนถังถังก็เกาะอยู่ด้านข้างกะพริบตาโตมองเธออย่างว่านอนสอนง่าย
ถ้าเธอเขียนเหนื่อยแล้วก็จะหยิกแก้มเล็กของถังถัง ให้ถังถังจูจุ๊บเธอ
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า ทำรายงานก็มีความสุขมากได้เหมือนกัน!
ซือเยี่ยหานปรากฏตัวที่หน้าประตูไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร มองแม่ลูกอย่างเงียบๆ …
ตอนดึก หลังเยี่ยหวันหวั่นกล่อมถังถังเข้านอน ก็พูดกับซือเยี่ยหานอย่างดีใจ “เบบี๋ถังถังน่ารักจริงๆ มีถังถังอยู่เป็นเพื่อน จูจุ๊บฉัน ฉันรู้สึกเหมือนสู้รบได้อีกร้อยครั้งเลย!”
ซือเยี่ยหานที่อยู่ด้านข้างช่วยถังถังห่มผ้าห่มไปด้วย เงยหน้ามองเยี่ยหวันหวั่นไปด้วย “งั้นเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นฟังออกทันทีว่าน้ำเสียงของซือเยี่ยหานผิดปกติ เธอกะพริบตาปริบ เอ่ยอย่างรู้จักเอาตัวรอด “ถึงฉันก็อยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน จูจุ๊บฉันมากเหมือนกัน แต่…ถ้าคุณจูจุ๊บฉัน…ฉันจะยังมีอารมณ์ทำงานได้ยังไง!”
ซือเยี่ยหานเอ่ยถาม “ทำไมไม่มีอารมณ์”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “แน่นอนว่าเพราะอารมณ์ไปอยู่บนตัวคุณหมดแล้วน่ะสิ!”
ซือเยี่ยหานนิ่งเงียบ มุมปากกระตุกอย่างยากสังเกต
เมื่อก่อนรู้สึกว่าเธอทั้งใจฝ่อทั้งกลัวเขา…
แต่ตอนนี้…
“อ๊ะจริงสิ! คุณเก้า ฉันเจอหนังเรื่องหนึ่งที่เหมาะกับเจียงเยียนหรานมาก เรื่อง ‘ดอกมะลิ’ ของผู้กำกับเผิงหย่วนหู ทีมผู้สร้างบทละครเป็นทรัพยากรชั้นยอดทั้งนั้น เผิงหย่วนหูไม่เคยทำกติกาซ่อนเร้น เลือกแค่ศิลปินที่เขายอมรับเท่านั้น ครั้งนี้เลยเป็นโอกาสเหมาะเหม็งมาก ฉันเตรียมจะให้เจียงเยียนหรานไปลองดู!
“ฉันนัดเจอกับเยียนหรานเพื่อคุยเรื่องนี้กันพรุ่งนี้ ฮิๆ ถ้าเยียนหรานคัดตัวสำเร็จ แล้วได้บทดีที่สุดอย่างบทนางเอก ก็น่าดีใจสุดๆ …”
ซือเยี่ยหานฟังหญิงสาววิเคราะห์อย่างมั่นใจ มองเธอเปลี่ยนแปลงเติบโตทีละก้าว จนกระทั่งสามารถรับผิดชอบด้วยตัวคนเดียวได้ ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาด
ยินดี ยินดีที่ตอนนั้นเขาเลือกเชื่อเธอ และยับยั้งเนื้อร้ายที่นับวันเติบโตจนเสียการควบคุมไว้ได้
การปกป้องที่แท้จริง คือการดูแลแบบฟูมฟัก ไม่ใช่การกักขังแบบครอบครอง…
…
วันถัดมา เยี่ยหวันหวั่นมาถึงร้านอาหารที่นัดหมายกับเจียงเยียนหราน
“พี่เยี่ย! ทางนี้!”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นฉู่เฟิงโบกมือให้เธอแต่ไกล เธอรีบเดินไปยังที่นั่ง
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉลองที่เจียงเยียนหรานได้ที่หนึ่ง ฉันเลี้ยงเอง อยากกินอะไร สั่งตามสบาย!”
“งั้นพวกเราไม่เกรงใจนะ!” เจียงเยียนหรานเอ่ยอย่างดีใจ
“อ๊ะ จริงสิ ยินดีด้วยนะฉู่เฟิง” เยี่ยหวันหวั่นมองฉู่เฟิงอย่างแฝงความหมาย
เธอคิดว่าเมื่อคืนเหตุผลที่เจียงเยียนหรานได้ยินชื่อหานเซี่ยนอวี่ก็ไม่ตื่นเต้นขนาดนั้น รับรองว่าต้องเป็นเพราะหัวใจย้ายไปอยู่ที่แฟนหนุ่มแล้ว
“หา ทำไมต้องยินดีผมด้วยล่ะ” ฉู่เฟิงเกาหัวอย่างงุนงง
เยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไร เธอหยิบรูปลายเซ็นของหานเซี่ยนอวี่จากในกระเป๋าส่งให้เจียงเยียนหราน “เยียนหราน รูปลายเซ็นให้เธอ!”
“ขอบคุณ!” เจียงเยียนหรานรับรูปลายเซ็นมา แต่สีหน้ากลับกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “นั่นน่ะ หวันหวั่น…”
“ทำไมเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเห็นดังนั้นจึงถาม
เจียงเยียนหรานลังเลอยู่ครึ่งค่อนวัน จากนั้นจึงพูดต่อ “หวันหวั่น…อันที่จริง…ฉัน…”
…………………..