แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1105 ฉันเชื่อฟังเธอทุกอย่าง / บทที่ 1106 ทำได้แน่
บทที่ 1105 ฉันเชื่อฟังเธอทุกอย่าง
ผู้ผลิตคนนั้นได้ยินก็ตะลึงงัน นึกว่าเพราะเจียงเยียนหรานไม่มีต้นสังกัดและไม่มีผู้จัดการ จึงลากเพื่อนมาช่วยคุยเรื่องสัญญาด้วย
เพราะในวงการบันเทิง ค่อนข้างไม่สนับสนุนให้ศิลปินเป็นคนเจรจาเรื่องทรัพยากรกับสัญญาเอง
แต่ว่า การหาหญิงสาวที่อายุเท่ากันมาช่วยเจรจาอย่างนี้ จะไม่เป็นการประมาทเกินไปหน่อยเหรอ?
ฉะนั้น เขาจึงไม่อยากได้นักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยมาทำงานด้วย เพราะพอถึงเวลาเจรจากันเรื่องสำคัญจะยุ่งยากมาก
จนใจที่ผู้กำกับเผิงอุตส่าห์ใจอ่อน เลือกผู้หญิงที่ถูกใจได้คนหนึ่ง ทำให้เริ่มถ่ายทำได้ในที่สุดหลังจากรอมาถึงครึ่งปี ทุกคนดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา ถึงแม้จะยุ่งยากอีกแค่ไหน เขาก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมันแล้วล่ะ
ผู้ผลิตอดแนะนำไม่ได้ “คุณเจียง ผมแนะนำว่าคุณควรตัดสินใจเองนะครับ จะได้รวดเร็วกว่า”
เลือกคนที่ไม่มีประสบการณ์มาเจรจากับเขา สู้เจรจากับเจียงเยียนหรานโดยตรงดีกว่า ยิ่งมากคนยิ่งมากความ
เจียงเยียนหรานส่ายหน้า แล้วพูดด้วยสีหนักแน่น “เรื่องพวกนี้ฉันไม่รู้เรื่อง คุณคุยกับเพื่อนฉันได้เลยค่ะ ฉันเชื่อฟังเธอทุกอย่างเลยค่ะ!”
เยี่ยหวันหวั่นที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินก็หลุดขำ ยัยเด็กนี่ซื่อเกินไปแล้ว ไม่กลัวว่าจะถูกเธอหักหลังบ้างหรือไงนะ?
เยี่ยหวันหวั่นเข้าใจความกังวลของผู้ผลิตหนังคนนี้ดี เขาคิดว่าเธอเด็กเกินไป ไม่ประสีประสาอะไร
แต่ประเด็นคือเธอนึกไม่ถึงว่ากลุ่มผู้กำกับจะยืนยันผลเร็วขนาดนี้ แล้วยังจะเจรจาสัญญากันเลยอีกด้วย เธอจึงทำได้เพียงเอ่ยปากด้วยสถานะตอนนี้ “การสอบที่โรงเรียนของเยียนหรานจบลงแล้ว เป็นช่วงพักร้อนพอดี ฉะนั้นจึงสามารถเข้ากลุ่มได้ทุกเมื่อ แล้วก็มีเวลาในการถ่ายทำที่มากพอด้วยค่ะ เรื่องนี้คุณกับกลุ่มผู้กำกับวางใจได้ ส่วนเรื่องค่าตัว ตามกฎแล้ว ยังไงตอนนี้เยียนหรานก็เป็นนักแสดงใหม่ พวกฉันย่อมไม่เรียกค่าตัวแพงอยู่แล้ว แต่ว่า…”
เยี่ยหวันหวั่นสาธยายปัญหาทั้งหมดอย่างชัดเจน จากนั้นก็พูดถึงปัญหาที่ต้องการทำความเข้าใจทั้งหมดออกมา ผู้ผลิตคนนั้นมีสีหน้าประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะฟังเธอ
ความสามารถ ประสบการณ์ รวมถึงความเข้าใจในสายอาชีพระดับนี้…เธอเป็นแค่นักศึกษาจริงๆ เหรอ?
ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าที่ผู้ผลิตหนังคนนั้นมองเยี่ยหวันหวั่นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “คุณเยี่ย ขออนุญาตถามซักหน่อย คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?”
“ฉันเป็นนักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยนิเทศเมืองหลวงค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นบอก
ถึงแม้อีกเดี๋ยวเธอก็จะไปรับประกาศนียบัตรสำหรับจบการศึกษาแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้
“คุณเยี่ยเก่งมาก อายุยังน้อยก็เข้าใจสายงานนี้เป็นอย่างดีแล้ว?” ผู้ผลิตหวังอดชมไม่ได้
“ฉันกำลังฝึกงานที่จูเสินสือไต้ ก็เลยพอมีความรู้อยู่บ้างน่ะค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นบอกปัดส่งๆ จากนั้นก็หันไปมองเจียงเยียนหราน “ได้ยินที่พวกฉันคุยกันเมื่อกี้แล้วใช่ไหม มีปัญหาอะไรก็ถามตอนนี้ได้เลย พวกเราจะได้รีบปรึกษากัน”
สายตาที่เจียงเยียนหรานมองเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความชื่นชม “ไม่มีๆ เธอตัดสินใจได้เลยจ้ะ!”
ไม่อยากเชื่อเลย ว่าไอดอลของเธอกำลังช่วยเธอเจรจาเรื่องสัญญา! แล้วเธอจะมีปัญหาอะไรได้เล่า!
ด้วยเหตุนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงตกลงเวลาถ่ายทำและเนื้อหาสัญญาคร่าวๆ กับทางกลุ่มผู้กำกับอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เผิงหย่วนหูอ่านสัญญาที่ผู้ผลิตคนนั้นยื่นให้ คิ้วที่ขมวดกันเป็นปมคลายออกในที่สุด “ไม่คิดเลยว่าในที่สุดก็จะได้ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ตอนยังมีชีวิตอยู่…”
“นั่นสิครับผู้กำกับเผิง! ยินดีด้วยนะครับๆ!” คนอื่นๆ ต่างก็พากันตื่นเต้นดีใจ
เผิงหย่วนหูเดินไปหาเจียงเยียนหราน “คุณเจียง ผมดีใจมากที่ได้เห็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ยอดเยี่ยมอย่างคุณ แล้วก็รู้สึกโชคดีมากที่คุณมาเข้าร่วมการออดิชั่น! หวังว่าพวกเราจะร่วมงานกันอย่างราบรื่น!”
………………………………
บทที่ 1106 ทำได้แน่
เจียงเยียนหรานหันไปมองเยี่ยหวันหวั่นโดยสัญชาตญาณ แล้วพูดด้วยสีหน้าเก้อเขิน “ความจริงฉันไม่กล้ามาหรอกค่ะ แต่ผู้จัดการของฉันเกลี้ยกล่อมฉัน ว่าต้องมาลองให้ได้!”
ผู้ผลิตคนนั้นได้ยินก็ทำหน้าสงสัย เด็กคนนี้มีผู้จัดการด้วยเหรอ?
เดาว่าคงเป็นเพื่อนหรือไม่ก็คนในครอบครัวของเธอล่ะมั้ง…
ในวงการมีศิลปินมากมายที่มักจะให้เพื่อนหรือญาติเป็นผู้จัดการส่วนตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก
เผิงหย่วนหูยิ้มแล้วบอกว่า “ถ้างั้นก็ต้องฝากขอบคุณผู้จัดการส่วนตัวของคุณด้วย!”
สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี เยี่ยหวันหวั่นกับเจียงเยียนหรานเดินออกมาจากตึกออดิชั่น
เจียงเยียนหรานกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “หวันหวั่น! ฉันมีความสุขที่สุดเลย! รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันยังไงยังงั้น!”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มแล้วบอกว่า “ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องทำได้แน่นอน”
เจียงเยียนหรานพยักหน้ารัวๆ “อื้มๆ เยี่ยไป๋ของฉันพูดอะไรก็ถูกเสมอ ถ้าเธอบอกว่าได้ก็ต้องได้สิ! โชคดีที่ฉันไม่ได้ทำให้เธอผิดหวัง!”
ถึงแม้เจียงเยียนหรานจะเป็นคนหัวอ่อนไปบ้าง แต่พอยืนอยู่หน้ากล้องเธอจะกลายเป็นคนละคนไปเลย เธอดูเป็นธรรมชาติมากเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง และไม่ตื่นกล้องเลยแม้แต่น้อย เยี่ยหวันหวั่นมั่นใจในจุดนี้
แต่ก็โชคดีที่ราบรื่นได้ขนาดนี้ เยี่ยหวันหวั่นเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
“อีกสามวันก็ต้องเริ่มเข้ากองแล้ว เธอจะไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ เหรอ? จะให้ฉันช่วยเลื่อนเวลากับทางกองถ่ายออกไปหน่อยไหม?” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“ไม่ต้องหรอก ฉันสบายมาก!” สีหน้าของเจียงเยียนหรานในตอนนี้ดูมั่นใจขึ้นมาก
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ฉู่เฟิงก็รีบเดินมาหา
“เป็นไงบ้างๆ?”
“ฉันทำสำเร็จแล้ว!”
“จริงเหรอๆ ดีจัง! ต้องฉลองกันหน่อยแล้ว! พี่หวันหวั่น พี่อยากไปกินข้าวที่ไหน?”
เยี่ยหวันหวั่นมองเวลาบนมือถือ “พวกเธอสองคนไปกันเถอะ ฉันต้องไปรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาที่โรงเรียนอีก”
“อ้าว หวันหวั่นไม่ไปด้วยกันเหรอ? พวกเรารอเธอก็ได้นะ!” เจียงเยียนหรานทำหน้าผิดหวัง
“ฉันไม่ไปเป็นก้างขวางคอดีกว่า! พวกเธอสองคนไปสนุกกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้าน ยังมีเรื่องต้องปรึกษาเธออีกเยอะ ไหนจะต้องคุยกับพ่อแม่เธออีก”
ได้ยินอย่างนั้น เจียงเยียนหรานจึงดีขึ้นหน่อย “อื้มๆ งั้นก็ได้ หลายวันก่อนพ่อแม่ฉันยังเร่งให้ฉันชวนเธอมากินข้าวที่บ้านอยู่เลย! เรื่องที่เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉัน ฉันก็บอกพ่อกับแม่นานแล้ว พวกเขาได้ยินอย่างนั้นก็วางใจมาก!”
“โอเค งั้นพวกเธอรีบไปกันเถอะ! ฉันไปก่อนล่ะ!”
……
หลังจากบอกลาเจียงเยียนหรานกับฉู่เฟิงเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็ขับรถไปมหาวิทยาลัยนิเทศเมืองหลวง
เงื่อนไขเดียวสำหรับการข้ามชั้นคือต้องเข้าเรียนให้ครบตามเกณฑ์ของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง จากนั้นก็ทำเรื่องขอจบล่วงหน้าหนึ่งเดือน นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก สามารถเลือกได้ว่าจะข้ามหนึ่งระดับ สองระดับ ถ้าหากมีความสามารถมากพอ ก็สามารถข้ามทีเดียวได้เลย
เยี่ยหวันหวั่นกลัวยุ่งยาก ย่อมต้องเลือกที่จะข้ามทีเดียว
พอมีถังถังอยู่เป็นเพื่อน วิทยานิพนธ์ตัวจบของเธอก็เสร็จอย่างราบรื่น
เดิมทีควรจะดีใจ แต่ว่า หลังจากเดินออกมาจากอาคารสำนักงานของอาจารย์ เยี่ยหวันหวั่นถือประกาศนียบัตรจบการศึกษาสีแดงสะดุดตาไว้ในมือ แต่ลึกๆ ข้างในกลับรู้สึกหดหู่
ถึงแม้การทำเรื่องจบการศึกษาล่วงหน้าจะประหยัดเวลามาก แต่ก็ต้องสูญเสียช่วงชีวิตอันสวยงามในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่มีรูปถ่ายวันจบการศึกษาแล้วก็ไม่ได้เข้าพิธีจบการศึกษาด้วย
ทำได้เพียงจบการศึกษาไปเพียงคนเดียว…
เยี่ยหวันหวั่นกำลังเหม่อลอย จู่ๆ เสียงของศาสตราจารย์หลี่เหยียนก็ดังมาจากข้างหลัง “หวันหวั่น!”
เยี่ยหวันหวั่นรีบหันกลับไป แล้วทักทาย “ศาตราจารย์หลี่!”
“หนูมาเอาประกาศนียบัตรจบการศึกษาเหรอ?” หลี่เหยียนถาม
“ใช่ค่ะ! ศาสตราจารย์รู้ได้ยังไงคะ?”
………………………..