แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1303 ทดสอบอีกครั้ง / บทที่ 1304 สมองเคยโดนหมาแทะ
บทที่ 1303 ทดสอบอีกครั้ง
“เข้ามา”
เยี่ยหวันหวั่นปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
เป่ยโต่วเดินตามหลังชีซิงเข้ามาในห้องด้วยกัน
“พี่เฟิง พี่ตรวจเอกสารเสร็จหมดรึยัง” เป่ยโต่วเดินมาหาเยี่ยหวันหวั่น แล้วถาม
“มีอะไรก็ว่ามา” เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าหงุดหงิด
“พี่เฟิง พี่ตั้งใจทำงานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผ่อนคลายหน่อยก็ได้ พี่หายไปนานขนาดนี้จะต้องเรียนทักษะใหม่ๆ มาเยอะแน่ แปลงให้ผมดูเปิดหูเปิดตาหน่อยสิ?” เป่ยโต่วพูดพร้อมถูฝ่ามือ
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว แปลง? แปลงอะไร? แปลงร่างเหรอ?
“หึ มายากลของพี่เฟิง ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกนักมายากลจากข้างนอกที่มากอบโกยเงินในรัฐอิสระหรอก” ชีซิงยิ้มพูด
คำพูดของชีซิงทำให้หัวใจเยี่ยหวันหวั่นเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ
ที่แท้ก็หมายถึงมายากล…
อยู่ดีๆ ก็จะให้เธอเล่นมายากลโชว์เนี่ยนะ?
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าชีซิงมาครั้งนี้ก็เพื่อทดสอบเธออีกแล้ว
“อยากดูฉันเล่นมายากลเหรอ ไม่มีปัญหา” เยี่ยหวันหวั่นกวาดสายตามองหาไปรอบๆ ไม่นานก็หยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมา แล้วดื่มน้ำในแก้วจนหมด
“ดูแก้วน้ำนี่นะ” เยี่ยหวันหวั่นยื่นแก้วน้ำให้ชีซิง
ชีซิงรับแก้วน้ำไปแล้วจ้องพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง “เหมือนจะปกติดีนี่ครับ”
“ข้างในแก้วมีอะไรอยู่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“ไม่มีครับ” ชีซิงตอบ
“มีน้ำไง…” เป่ยโต่วรีบบอก
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วด้วยหางตา “ฉันเพิ่งดื่มน้ำไปเมื่อกี้ไม่ใช่รึไง”
“อ้อ…ก็ผมเห็นในนั้นยังมีหยดน้ำเกาะอยู่นิดหน่อย…” เป่ยโต่วจ้องแก้วน้ำในมือชีซิง
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
เชื่อไหมว่าฉันตบนายให้ตายได้ด้วยฝ่ามือเดียว! ตาเป่ยโต่วนี่ปัญญาอ่อนรึเปล่าเนี่ย
“กรุณามองข้ามหยดน้ำไป” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ คุยกับเป่ยโต่วนี่เหนื่อยใจจริงๆ…
“อ้อ…งั้นก็ไม่มีอะไรอยู่เลย” เป่ยโต่วพยักหน้า
“โอเค” เยี่ยหวันหวั่นหยิบแก้วน้ำจากมือชีซิง แล้วรูดแขนเสื้อขึ้นต่อหน้าทั้งสอง จากนั้นก็กางแขนทั้งสองข้างออก แล้วบอกว่า “ดูในมือฉัน มีอะไรอยู่ไหม”
“มีแหวนอยู่วงหนึ่ง!” เป่ยโต่วบอก
เยี่ยหวันหวั่นมองบน แม่เอ็งเถอะ แน่ใจเหรอว่านายไม่ใช่ตัวตลกที่ซุนหงอคงเชิญมา?!
ท่ามกลางความจนใจ เยี่ยหวันหวั่นถอดแหวนออก
“ตอนนี้ไม่มีแล้ว” เป่ยโต่วบอก
“ดูให้ดีๆ ล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าจริงจัง “ต่อไปนี้คือช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์…”
ต่อหน้าชีซิงกับเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นยกแก้วน้ำขึ้นสูง ทั้งสองไม่ละสายตาออกไปแม้แต่วินาทีเดียวจริงๆ
“ปั๊ก!”
วินาทีต่อมา เยี่ยหวันหวั่นคว่ำแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรง
“พวกนายว่าข้างในมีอะไร” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“พี่เฟิง พี่ล้อเล่นรึเปล่า จะมีอะไรอยู่ได้ไง?” เป่ยโต่วเม้มปาก
“ผมว่าไม่น่าจะมีอะไร” ชีซิงกล่าวเสียงเรียบ
“มา ลองเปิดมันดู” เยี่ยหวันหวั่นให้ชีซิงเดินเข้ามา
ไม่นาน ชีซิงก็เปิดแก้วน้ำออก
วินาทีต่อมา เป่ยโต่วทำหน้าตะลึงลาน ส่วนชีซิงนั้นแววประหลาดใจพาดผ่านดวงตาไปอย่างรวดเร็ว
ด้านล่างแก้วน้ำ…กลับมีไข่มุกเม็ดเล็กๆ อยู่…
พอเห็นสีหน้าของชีซิง เยี่ยหวันหวั่นก็ลอบถอนหายใจ
ดูเหมือนแบดเจอร์ก็ชอบมายากลเหมือนกัน แถมยังศึกษาเรื่องมายากลอย่างแตกฉานอีกต่างหาก ไม่อย่างนั้นชีซิงคงไม่เอาเรื่องมายากลมาทดสอบเธอ
โชคดีที่เธอเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมา ชาติก่อน เธอเคยดูพวกคลิปแฉทริคมายากลอยู่บ่อยๆ นานวันเข้า จึงเรียนรู้ทริคมายากลมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ
และเพราะเธอกลับมาเกิดใหม่ เยี่ยหวันหวั่นกระทั่งรู้ทริคมายากลอันน่าทึ่งที่จะโด่งดังในอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งทริคมายากลพวกนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
————————————————————————————-
บทที่ 1304 สมองเคยโดนหมาแทะ
ความจริง ทริคมายากลเล็กๆ แบบนี้ง่ายมาก เมื่อกี้เยี่ยหวันหวั่นเด็ดกระดุมไข่มุกจากเสื้อตัวเอง จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่เป่ยโต่วกับชีซิงไม่ทันสังเกตเห็นเอากระดุมวางไว้บนหูข้างขวา
วินาทีที่คว่ำแก้วลงมาจากกลางอากาศ เธอแอบเอากระดุมไข่ใส่เข้าไปในแก้วโดยอาศัยแรงเฉื่อยตามธรรมชาติก็เท่านั้น
ชีซิงกับเป่ยโต่วมัวแต่หันไปสนใจมือเธอกับแก้วน้ำ ไม่ทันสังเกตหูขวาเธอ
“เชี่ย…พี่เฟิง มือของพี่ผ่านการจุมพิตของเทวดามาแน่ๆ…สุดยอดจริงๆ!” เป่ยโต่วยกฝ่ามือขวาของเยี่ยหวันหวั่นขึ้น แล้วจิ๊ปากอย่างชื่นชม
“ผมลองบ้าง!” เป่ยโต่วหยิบแก้วน้ำแล้วคว่ำลงกับโต๊ะอย่างแรง
แต่เมื่อเสียงกระแทกดังขึ้น แก้วน้ำก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที
พอเห็นสายตาของชีซิงกับเยี่ยหวันหวั่นที่มองมาพร้อมกัน เป่ยโต่วก็เกาหัวแล้วทำหน้างุนงง “พี่เฟิง มือของพี่ผ่านการจุมพิตของเทวดามา ถึงจะร้ายกาจ…แต่ มือของผมร้ายกาจกว่า…เพราะเคยโดนหมากัดมา…”
“มือนายไม่มีปัญหาอะไรหรอก น่าจะสมองมากกว่าที่เคยโดนหมาแทะมา” เยี่ยหวันหวั่นโยนเศษแก้วลงถังขยะ
เป่ยโต่วอ้าปากทำท่าจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก
“พี่เฟิง พี่น่าจะยังจำอาจารย์หลี่ได้ใช่ไหม” จู่ๆ ชีซิงก็หันมาถามเยี่ยหวันหวั่น
ถึงเยี่ยหวันหวั่นจะไม่รู้ว่าอาจารย์หลี่อาจารย์จางที่เขาพูดถึงเป็นใคร แต่ก็ยังต้องตามน้ำอยู่ดี “อืม ว่าไง”
“งั้น…พี่เฟิงยังจำได้ไหมว่าอาจารย์หลี่ทำอะไร” ชีซิงจ้องหน้าเยี่ยหวันหวั่นเขม็ง
เยี่ยหวันหวั่นน้ำท่วมปาก ตาชีซิงคนนี้นี่กัดไม่ปล่อยจริงๆ เธอจะไปรู้ได้ไงว่าอาจารย์หลี่ทำอะไร
“นายหลบไป แค่เรื่องเล็กๆ นายจะมัวอ้ำอึ้งทำไม ฉันพูดเอง!” เป่ยโต่วใช้ก้นดันชีซิงออกไป แล้วขยับเข้ามาใกล้เยี่ยหวันหวั่น “พี่เฟิง พี่ก็รู้ใช่ไหมว่าอาจารย์หลี่น่ะเป็นจิตกรที่มีชื่อเสียงในรัฐอิสระของเรา เมื่อก่อน งานแสดงภาพวาดแล้วก็งานขายผลงานของเขาพันธมิตรอู๋เว่ยของเราเป็นคนจัดทั้งนั้น รายได้แต่ละเดือนน่าพอใจมากเลยล่ะ
แต่สองปีก่อน จู่ๆ อาจารย์หลี่ก็ไม่ทำงานกับพันธมิตรอู๋เว่ยของเราอีก…พี่เฟิง อาจารย์หลี่กลัวพี่ที่สุด พอดีเลย พี่กลับมาแล้วก็โทรฯ ไปเตือนสติตาแก่นั่นทีสิ”
เยี่ยหวันหวั่นแอบยกนิ้วโป้งให้เป่ยโต่วในใจ เจ้าเด็กนี่ สมแล้วที่เคยโดนหมาแทะสมองมา อนาคตไกลแน่ๆ!
“อ้อ? มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าโกรธ แล้วแค่นยิ้มเย็นชา “ดูเหมือนเขาจะแก่จนเลอะเลือนซะแล้ว”
“เหอะ ตาแก่นั่น ถ้าหากรู้ว่าพี่เฟิงกลับมาแล้วจะต้องตกใจมากแน่ๆ” เป่ยโต่วเอ่ย
“ถ้างั้นพี่เฟิงก็จัดการตอนนี้เลยก็แล้วกัน” ไม่เปิดโอกาสให้เยี่ยหวันหวั่นพูดอะไร ชีซิงใช้มือถือตัวเองกดโทรฯ ออกหาอาจารย์หลี่ทันที
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองชีซิงแวบหนึ่ง “ชีซิง นี่นายกำลังสอนฉันทำงานอยู่งั้นเหรอ”
“ชีซิงไม่กล้า แต่เรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน ควรแก้ปัญหาทันทีจะดีกว่า” ชีซิงว่า
เร่งด่วน? อาจารย์หลี่อะไรนั่นหยุดทำงานกับพวกเขาไปตั้งกี่ปี มาบอกว่าเร่งด่วนเอาตอนนี้ แล้วที่ผ่านมามัวไปทำอะไรกันอยู่ล่ะ?
เห็นๆ อยู่ว่ากำลังทดสอบเธอ…
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาต่อไป
“ชีซิง ฉันเคยบอกพวกนายแล้วใช่ไหม ว่าฉันไม่ต้องรบกวนพวกนายเรื่องรูปของฉันอีกแล้ว!” เสียงของชายชราคนหนึ่งดังมาจากปลายสาย
เยี่ยหวันหวั่นรับสายด้วยน้ำเสียงเย็นๆ “อาจารย์หลี่ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะ ถ้าไงฉันให้คนเอาน้ำชาเย็นๆ ดับร้อนไปส่งซักหน่อยดีไหม”
“เธอเป็นใครน่ะ?” ชายชราถามอย่างแปลกใจ