แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1435 ของนี้พี่ยังกล้าแย่ง / บทที่ 1436 จี้หวงให้มา
บทที่ 1435 ของนี้พี่ยังกล้าแย่ง
หลังได้หมายเชิญมา จี้ซิวหร่านก็ไม่ได้อยู่บ้านนาน พาเยี่ยหวันหวั่นไปจากบ้านตระกูลจี้
ไม่นานจี้ซิวหร่านก็ให้คูกู่ขับรถไปใกล้กับสำนักงานพันธมิตรอู๋เว่ยและเอาเหรียญงานประลองยุทธให้เยี่ยหวันหวั่น
“เก็บของนี้ไว้ให้ดี วันเริ่มงานประลองยุทธผมจะแจ้งคุณ ถึงตอนนั้นคุณเอาเหรียญนี้มาเข้าร่วมงานในฐานะพันธมิตรอู๋เว่ย” จี้ซิวหร่านเอ่ยปาก
“ขอบคุณ…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าน้อยๆ เก็บเหรียญสีเงินไว้อย่างระมัดระวัง
รอจนเยี่ยหวันหวั่นเข้าไปในสำนักงานใหญ่พันธมิตรอู๋เว่ย คูกู่ก็มองจี้ซิวหร่านพลางเอ่ยปาก “จี้หวงให้คุณหนูอู๋โยวเข้าร่วมงานประลองยุทธครั้งนี้…เพราะอยากชำระล้างพันธมิตรอู๋เว่ยให้กลายเป็นสมาชิกหนึ่งของสมาคมสหพันธ์เหรอครับ”
ได้ยินคำพูดนี้ของคูกู่ จี้ซิวหร่านก็พยักหน้าเอ่ย “ถูกต้อง ตอนนี้สถานการณ์ของพันธมิตรอู๋เว่ยย่ำแย่มาก ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังอาชูร่า กองกำลังที่พันธมิตรอู๋เว่ยล่วงเกินมีมากมาย แต่อู๋โยวตอนนี้ยังไม่ฟื้นคืนความทรงจำที หลายเรื่องไม่อาจรับมือได้ อันตรายเกินไป”
พอได้ยินดังนั้นคูกู่ก็ครุ่นคิด ถ้าเนี่ยอู๋โยผ่านการตรวจสอบและกลายเป็นสมาชิกของสหพันธ์ได้…กองกำลังพวกนั้นหากอยากลงมือกับเนี่ยอู๋โย่วและพันธมิตรอู๋เว่ยอีกก็ต้องชั่งน้ำหนักประเมินตัวเองเสียก่อน
…
เวลานี้ในห้องทำงาน เยี่ยหวันหวั่นมองบีรุสกับต้าไป๋ที่นอนกรนสบาย เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้พินิจมองเหรียญเงินในมือคนเดียว ในหัวผุดชิ้นส่วนความทรงจำของสมาคมทหารรับจ้างชื่อเยี่ยนอีกครั้ง
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นยิ่งทวีความสงสัย ชิ้นส่วนความทรงจำเหล่านี้สมจริงอย่างมาก…
ถ้าตัวเธอไม่ใช่คนรัฐอิสระ แล้วทำไมถึงผุดชิ้นส่วนความทรงจำอย่างนี้ออกมาได้กันล่ะ
อย่าบอกนะว่า…เธอเป็นชาวรัฐอิสระจริงๆ หรือไม่ก็…เคยมาที่รัฐอิสระมาก่อน?
สมมติว่า ตัวเธอเป็นชาวรัฐอิสระจริงๆ จะเป็นไปได้ไหมว่า เธอก็คือผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยแบดเจอร์จริงๆ?
ทุกอย่างนี้ ต้องไม่ใช่ความบังเอิญแน่…
แต่ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไป๋เฟิงมีพ่อแม่อยู่แท้ๆ แต่คุณปู่กลับบอกเธอว่าพ่อแม่เธอตายไปแล้วทั้งคู่…
ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่…
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังความคิดยุ่งเหยิง เป่ยโต่วก็กลับผลักประตูเปิดแล้วก้าวอาดๆ เข้ามาในห้องทำงาน
“เชี่ย!”
หลังเป่ยโต่วเดินเข้าใกล้เยี่ยหวันหวั่นแล้วเห็นเหรียญเงินในมือของเยี่ยหวันหวั่นก็หน้าเปลี่ยนสีทันใด
เสียงนี้ของเป่ยโต่วตีความคิดคิดของเยี่ยหวันหวั่นกระเจิง
เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าเหลือบมองเป่ยโต่วเอ่ยปากอย่างไม่พอใจทันที “เมื่อก่อนฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะเข้าห้องทำงานต้องเคาะประตู แล้วก็ทีหลังอย่าโวยวายแบบนี้อีก”
แต่เป่ยโต่วกลับไม่พูดสักคำเพียงมองเหรียญเงินในมือของเยี่ยหวันหวั่น
ผ่านไปชั่วครู่เขาก็พลันเอ่ย “เชี่ย…พี่เฟิง พี่คงไม่ได้ทำเรื่องอย่างนี้จริงหรอกใช่มั้ย…”
ได้ยินคำพูดของเป่ยโต่วเยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจสักนิดว่าเป่ยโต่วพูดอะไร
เธอทำอะไรเหรอ
“พี่เฟิง ถึงพวกเราจะบุกบ้านขโมยของจริง…แต่นี่คือหมายเชิญงานประลองยุทธเชียวนะ ของอย่างนี้พี่ยังกล้าแย่ง…” เป่ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่นจากนั้นก็ยกนิ้วโป้งให้เธอด้วยสีหน้านับถือ
“ไม่ได้แย่งมา…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยขีดดำเต็มหน้า
ต่อให้เธอเป็นยังไงถึงแค่ไหนก็ไม่ถึงขั้นต้องไปแย่งหมายเชิญหนึ่งอันหรอกมั้ง…อีกอย่าง ของนี่นอกจากคนอื่นจะให้มา การแย่งมาก็เปล่าประโยชน์
“พี่เฟิงพี่ไม่ได้แย่งมา?” เป่ยโต่วมีสีหน้าไม่เชื่อ
ของนี้นอกจากได้รับเชิญตอนที่ก่อตั้งพันธมิตรอู๋เว่ยครั้งเดียว งานประลองยุทธทุกครั้งหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่เคยเชิญพันธมิตรอู๋เว่ยอีกเลย
ยิ่งไปกว่านั้น พันธมิตรอู๋เว่ยพวกเขาก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางได้รับเชิญหรอก…
—————————————————————
บทที่ 1436 จี้หวงให้มา
เป่ยโต่วไม่เชื่อ เยี่ยหวันหวั่นก็คร้านจะอธิบาย
พอเห็นสีหน้านี้ของเยี่ยหวันหวั่น เป่ยโต่วมีสีหน้าสงสัยเต็มเปี่ยม “พี่เฟิง…ไม่ได้ขโมยมาจริงเหรอ หรือว่าสหพันธ์เชิญพวกเรา?”
“จี้ซิวหร่านให้มา” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“เชี่ย…จี้หวงให้มา?” เป่ยโต่วตะลึงงันทันที สีหน้าตกใจเต็มที่ “นี่คิดอยากหยามเกียรติพันธมิตรอู๋เว่ยพวกเราสินะ!”
“หยามเกียรติพันธมิตรอู๋เว่ย?” เยี่ยหวันหวั่นจ้อมองเป่ยโต่ว “ทำไมพูดแบบนี้”
“พี่เฟิง พี่คิดดูสิ พันธมิตรอู๋เว่ยพวกเราแต่ไหนแต่ไรก็เป็นหมาป่าเดียวดาย ไม่เคยเข้าร่วมความขัดแย้งระหว่างสหพันธ์กับคุกคนบาป…อีกอย่าง เมื่อก่อนพวกเราเคยเข้าร่วมงานประลองยุทธ์หนึ่งครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกถีบออกจากงาน ตอนนี้จี้หวงให้หมายเชิญพวกเรา ผมมองว่าพวกเราอย่าเข้าร่วมจะดีกว่า” เป่ยโต่วเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นก็พอรู้เกี่ยวกับคุกคนบาปกับสหพันธ์มาอยู่บ้าง
หลายปีก่อนรัฐอิสระมีกองกำลังหนึ่งที่ชื่อว่าคุกคนบาป มือเดียวค้ำฟ้า สามารถเรียกลมเรียกฝนในรัฐอิสระได้ ไม่มีกองกำลังไหนกล้ายั่วยุพวกเขา
แล้วต่อมากองกำลังมากมายก็ผนึกกำลังกันเปิดสงครามกับคุกคนบาป
สงครามนี้เป็นหนึ่งในสงครามขนาดใหญ่จำนวนไม่กี่ครั้งในประวัติศาสตร์รัฐอิสระ และผู้ก่อตั้งสหพันธ์ก็คือหัวหน้าของสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์คนก่อน
หลังผ่านการสู้รบหลายปี ทางด้านคุกคนบาปก็ถูกขับไล่ ตั้งแต่นั้นมาสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ก็เติบโตพรวดพราด และสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ก็รวมขึ้นจากกองกำลังใหญ่มากมายนั้นเอง
ตัวอย่างเช่น สี่ตระกูลใหญ่ รวมถึงกองกำลังใหญ่จำนวนมากก็ล้วนแต่เป็นสมาชิกของสหพันธ์ แต่หลังจากศึกกับคุกคนบาปคลี่คลาย สี่ตระกูลใหญ่ก็ออกจากสหพันธ์ ปัจจุบันแขวนไว้เพียงชื่อ ทว่ากองกำลังมากมายยังคงไม่ได้ออกจากสหพันธ์ จึงก่อเกิดเป็นสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ซึ่งมีขนาดใหญ่อย่างนี้
ส่วนคุกคนบาปก็คือการรวมกันของสามกองกำลังใหญ่ กลายเป็นพันธมิตรที่ร่วมมือกันต่อต้านศัตรู
สามกองกำลังใหญ่นี้แบ่งเป็น ประตูเชือด สวรรค์ชัง แล้วก็อาชูร่า ชื่อเรียกรวมของสามกองกำลังใหญ่นี้ภายนอกเรียกกันว่าคุกคนบาป ถึงขั้นว่าเป็นกองกำลังพันธมิตรชั่วร้ายที่เหี้ยมโหดที่สุดในรัฐอิสระ
ปีนั้นอาชูร่าถูกสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์เพ่งเล็ง และก็เป็นครั้งเดียวกับที่หัวหน้าสมาคมคนก่อนโจมตีคุกคนบาปแบบไม่ทันตั้งตัว
หลังจากอาชูร่าถูกล้อม ประตูเชือดกับสวรรค์ชังสองกองกำลังสุดยอดพากันลงมือ ส่งผู้แข็งแกร่งชั้นยอดจำนวนมากมารบราฆ่าฟันกับสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์
และผลลัพธ์สุดท้ายก็คือทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตาย จากนั้นผู้นำอาชูร่าก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คุกคนบาปขาดพันธมิตรไปหนึ่งคน หลายปีต่อจากนั้นจึงจำศีลในที่หลบภัยเก่า ไม่เคยทำการเคลื่อนไหวใหญ่อีก
และฝ่ายใดก็ตามที่ยอมข้าร่วมงานประลองยุทธ์ ก็แสดงว่าสนใจเข้าร่วมฝ่ายสหพันธ์ เสริมกำลังสหพันธ์ ป้องกันคุกคนบาปก่อสงครามครั้งที่สอง
“พี่เฟิง ผมไม่สนใจเข้าร่วมสหพันธ์…แต่พวกเราเข้าร่วมคุกคนบาปได้ นั่นต้องเจ๋งมากแน่ๆ น่าเกรงขามสุดๆ!” เป่ยโต่วมีสีหน้าเปี่ยมความตื่นเต้น
ยังไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก เป่ยโต่วกลับถอนหายใจหนึ่งเสียงก่อน “แต่ช่วงรุ่งเรืองของพันธมิตรอู๋เว่ยพวกเรายังไม่มีคุณสมบัติเข้าคุกคนบาปเลย…ถึงพี่เฟิงโหดพอ ชั่วร้ายพอ ดำมืดพอ แต่เทียบกับสามกองกำลังใหญ่ศูนย์กลางของคุกคนบาป ประตูเชือด สวรรค์ชังและอาชูร่าแล้ว…ก็ยังต่างกันโข พวกเราอยู่คนละชั้นกับอีกฝ่าย…
“อีกอย่าง ตอนนั้นพันธมิตรอู๋เว่ยก็เคยลอบโจมตีสาขาอาชูร่ามาก่อน เท่ากับว่าเป็นฝ่ายศัตรูกับคุกคนบาป…คนเขาไม่กำจัดพวกเรา นั่นเพราะไม่เหลียวแลพวกเราเลยสักนิด…”
เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองเป่ยโต่ว แทบอยากจะบีบคออีกฝ่ายให้ตาย
ใครโหด ใครดำมืด ใครชั่วร้ายกันหา แม่แกพูดภาษาคนเป็นไหม
ประโยคที่แทงใจที่สุดคืออาชูร่าไม่จัดการพวกเรา เพราะไม่เหลียวแลพวกเราเลยสักนิดประโยคนั้น…