แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 145 ต้าไป๋น่ารักขนาดนี้ / บทที่ 146 ไร้ซึ่งหนทางโต้แย้ง
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 145 ต้าไป๋น่ารักขนาดนี้ / บทที่ 146 ไร้ซึ่งหนทางโต้แย้ง
บทที่ 145 ต้าไป๋น่ารักขนาดนี้
หลังจากพบเป้าหมาย สายตาของเยี่ยหวันหวั่นพลันเป็นประกาย กอดเนื้อแห้งในอ้อมกอดวิ่งเข้าไปทันที
ชั่วแวบที่เธอลงจากบันได พยัคฆ์ขาวที่เดิมทีนอนราบอยู่บนพรมพลันกระดิกหูทันที เบิกตาโพล่งทันที ในนัยน์ตาสีฟ้าเข้มเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ความรู้สึกที่ถูกดวงตาคู่หนึ่งจดจ้องช่างขนหัวลุก
โชคดีที่เธอมีประสบการณ์มาแล้วชาติหนึ่ง เข้าใจพยัคฆ์ขาวตัวนี้ รู้ว่าถึงแม้มันจะดุร้ายถึงขีดสุด แต่ก็เข้าใจความรู้สึกมนุษย์อย่างมาก เมื่อตอนเย็นซือเยี่ยหานมีปฏิสัมพันธ์กับเธอ แสดงท่าทางอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นคนของตัวเอง เพราะฉะนั้นต่อให้มันจะดุร้ายแค่ไหน ก็ไม่ทำร้ายเธอ
เยี่ยหวันหวั่นค่อยๆ ขยับเข้าไปภายใต้สายตาดุดันของพยัคฆ์ขาว เธอรู้สึกอย่างชัดเจนได้ถึงความมุ่งร้ายและคำเตือนในดวงตาคู่นั้นของมันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอยิ่งขยับเข้าใกล้
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้เข้าใกล้เกินไป หยุดฝีเท้าลงเมื่อห่างประมาณสี่ถึงห้าก้าว ฉีกเนื้อหมูแห้งถุงหนึ่งออกมา ยื่นออกไปโบกอยู่ด้านหน้าของมัน “สลูตสค์…กินไหม? เนื้อหมูแห้งนี่อร่อยมากๆ เลยน้า!”
เมื่อเธอโบกมือ พยัคฆ์ขาวแยกเขี้ยวคำรามต่ำออกมาอย่างอันตรายทันที
“เฮ้อ ไม่ชอบเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงฉีกถุงเนื้อวัวแห้งที่มีอยู่เพียงถุงเดียวอย่างเสียดาย “เนื้อวัวแห้งกินไหม? อันนี้อร่อยมากๆ จริงๆ นะ!”
“โฮก!” พยัคฆ์ขาวที่เดิมทีหมอบคลานอยู่พลักลุกขึ้น ยืดร่างเพิ่มความดุดันส่งเสียงคำราม “กรร”
แม้จะรู้ว่ามันไม่ทำร้ายตัวเธอ แต่เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ ยากที่จะหลีกเลี่ยงความกลัวที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต
เยี่ยหวันหวั่นตกใจกลัวเสียจนใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ แต่ว่าก็ไม่อยากจะยอมแพ้จริงๆ จึงทำใจกล้าเดินหน้าต่อ
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว
เมื่อระยะห่างระหว่างเธอกับพยัคฆ์ขาวเหลืออยู่เพียงก้าวเดียว เสียงคำราม “โฮก” ดังสนั่นกัมปนาทไปทั่วสวนจิ่นหยวน
หูของเยี่ยหวันหวั่นดังวิ้งๆ ตกใจเสียจนล้มก้นกระแทกพื้น
นับว่าเธอได้ประสบกับตัวเองแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าภูเขาสั่นดินสะเทือน…
ประตูใหญ่ถูกผลักให้เปิดออกจากด้านนอกดังปังอย่างรวดเร็ว สวี่อี้รีบร้อนรุดมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น!!!”
บนตึกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วมองไปทางห้องรับแขก
เห็นเยี่ยหวันหวั่นกำลังนั่งแหมะอยู่กับพื้นหน้าพยัคฆ์ขาว รอบข้างมีถุงหลากสีกระจายเต็มพื้น ส่วนพยัคฆ์ขาวเหมือนจะถูกทำให้โมโหเข้า กำลังอยู่ในท่าทางขับไล่ออกไป
“คุณ…คุณหนูเยี่ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?” สวี่อี้เห็นภาพนี้ ได้แต่นิ่งอึ้ง ดึกดื่นค่อนคืนเยี่ยหวันหวั่นไม่มีอะไรทำมายั่วโมโหสลูตสค์ทำอะไร? นี่มันรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอ?
สายตาของซือเยี่ยหานก็มองไปที่เยี่ยหวันหวั่น
ทันใดนั้นเยี่ยหวันหวั่นทำหน้าเสียใจวิ่งตึงตังไปฟ้องซือเยี่ยหาน “ต้าไป๋ดุฉัน ฮือๆๆๆ …”
สวี่อี้: ต้าไป๋คืออะไรกัน?
“…” ซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้น เงียบไปหลายวินาที “เธอกำลังทำอะไร?”
“ฉัน…ฉันแค่อยากจะเอาขนมของฉันให้ต้าไป๋กิน! ต้าไป๋น่ารักขนาดนี้ ฉันอยากเล่นกับมัน…” เยี่ยหวันหวั่นมองพยัคฆ์ขาวตัวโตที่ยังคงคำรามต่ำขู่เธอ พลันยิ่งรู้สึกเสียใจ
หัวใจของสวี่อี้ตอนนี้ได้พังลงแล้ว น่ารัก มันเรื่องอะไรกันอีก!
ซือเยี่ยหานนวดขมับ “อยู่ให้ห่างจากมันไว้”
เยี่ยหวันหวั่นมองขนหนานุ่มบนศีรษะ แล้วมองไปที่ขนหนานุ่มบนอุ้งเท้าของพยัคฆ์ขาวตัวโต ความอยากสัมผัสต่อต้านอย่างไม่ยินยอม “เล่นกับมันไม่ได้จริงๆ เหรอ? ฉันแค่อยากลูบหัวมัน…ไม่อย่างนั้นขอจับอุ้งเท้ามันหน่อยก็ได้ ไม่ได้เหรอ?”
สวี่อี้ เธอยังอยากจะจับมันอีกเหรอ? ลูบหัวมัน จับอุ้งเท้ามัน!
เขาหมดคำพูดกับหญิงสาวตรงหน้าแล้วจริงๆ …
ช่างเป็นลูกวัวไม่กลัวเสือจริงๆ!
………………………………………………..
บทที่ 146 ไร้ซึ่งหนทางโต้แย้ง
“ไม่ได้” น้ำเสียงของซือเยี่ยหานไร้ซึ่งความประนีประนอม
เยี่ยหวันหวั่นไม่ยินยอมอย่างชัดเจน “เพราะอะไร?”
ซือเยี่ยหานมองที่หญิงสาวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เอ่ยขึ้น “แตงที่ฝืนเด็ดจากต้น ย่อมไม่หวาน”
เยี่ยหวันหวั่นพลันรู้สึกสะอึก “…”
เธอไร้ซึ่งหนทางโต้แย้งได้เลย!
คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ว่าจะมีวันหนึ่งที่เธอจะโดนคำพูดของตัวเองตบหน้า
“ไม่จับก็ไม่จับ!” เยี่ยหวันหวั่นใช้สายตาราวกับมองคนเลวมองไปที่ซือเยี่ยหาน จากนั้นก็วิ่งหนีไปด้วยความโกรธ
สักวันหนึ่งเธอจะต้องทำให้ต้าไป๋เป็นแตงหวานให้ได้! เธอไม่ยอมหรอก!
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นเดินจากไป สวี่อี้กระแอมขึ้นเบาๆ อย่างไม่วางใจ “คุณชายเก้า ต่อไปห้ามสลูตสค์เข้าออกสวนจิ่นหยวนดีไหมครับ? เผื่อว่าจะทำร้ายคุณหนูเยี่ยเข้า?”
ซือเยี่ยหานมองตามทิศทางที่หญิงสาวจากไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “ไม่ต้อง”
…
ณ แผงขายบาร์บีคิวหน้าประตูโรงเรียนชิงเหอ
แม้ว่าจะเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว ทว่าแผงร้านค้ายังคงครึกครื้นไปด้วยผู้คน เด็กผู้ชายร่างโตกลุ่มหนึ่งกำลังห้อมล้อมดื่มเหล้าพูดคุยกันอยู่เต็มโต๊ะใหญ่
“ลูกพี่ อย่าโมโหไปเลย! กับไอ้หน้าขาวแบบนั้นไม่คุ้มกันหรอก! บ้านของไอ้หน้าขาวนั่นก็แค่ตอนนี้ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ ช่วงนี้ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ซบเซา ไม่แน่ว่าวันไหนก็จะล้มละลายแล้ว! ไม่เหมือนบ้านของลูกพี่ นั่นเป็นโครงการใหญ่ที่ร่วมมือกับรัฐบาลเชียวนะ! สำเร็จขึ้นมาได้กำไรเหนาะๆ หลายพันล้านเชียวนะ!”
“นั่นน่ะสิๆ! ยัยเจียงเยียนหรานนั้นอกโตซะเปล่าแต่ไร้สมอง ปล่อยผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างลูกพี่ไปไม่เอา กลับไปชอบคนอย่างไอ้หน้าขาว!”
“ผมว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์คือเจียงเยียนหรานใช้ไอ้หน้าขาวนั่นมายั่วโมโหลูกพี่มากกว่า!”
“ใช่ๆๆ จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน!”
ตั้งแต่ออกมาจากสนามแข่งบาส เดิมทีซ่งจื่อหางเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ พอได้ยินถึงตรงนี้อารมณ์ถึงได้เบาบางลง
กำลังจะเอ่ยปากพูด โทรศัพท์พลันดังขึ้น “พ่อฉันโทรมา ฉันไปรับเดี๋ยวนะ พวกนายดื่นกันไปก่อน!”
“ประธานซ่งโทรมาเหรอ ถ้าอย่างนั้นรีบรับเถอะ!”
“รีบไปเถอะ ลูกพี่!”
ซ่งจื่อหางถือโทรศัพท์ไปยังสถานที่เงียบๆ รับสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ฮัลโหล พ่อ? จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”
น้ำเสียงคุณพ่อซ่งไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก “ยัง ร้อยล้านของตระกูลเจียงยังไม่เข้าบัญชี”
“อะไรนะครับ? ยังไม่เข้าเหรอ? ไม่ได้บอกว่าจะโอนมาแต่เช้าเหรอครับ?” สีหน้าซ่งจื่อหางพลันเปลี่ยนสี
“ทางตระกูลเจียงบอกว่ากองทุนมีปัญหานิดหน่อย เลยโอนมาไม่ได้ชั่วคราว ต้องรออีกหลายวัน”
“ตระกูลเจียงนี่พึ่งไม่ได้เลยจริงๆ เรื่องนี้ตกลงกันดิบดีตั้งหลายเดือนแล้ว ทำไมถึงมาเกิดปัญหาเอาตอนนี้ได้? พวกเขารู้ไหมว่าถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะก่อให้เกิดความเสียหายขนาดไหน?” ซ่งจื่อหางเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว
เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อซ่งเองก็ไม่พอใจมากเช่นกัน ได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นเสียงเข้ม “พอได้แล้ว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ช้าที่สุดอาทิตย์หน้ากองทุนก็จะน่าจะเข้าบัญชีแล้ว”
คุณพ่อซ่งพูดไป หยุดแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามขึ้น “ช่วงนี้ลูกกับเยียนหรานเป็นยังไงบ้าง?”
ซ่งจื่อหางได้ยินพลันรู้สึกละอายใจอย่างประหลาด ตอบส่งๆ “จะเป็นยังไงได้ ก็เหมือนเดิมแหละครับ!”
น้ำเสียงคุณพ่อซ่งจากอีกฝั่งโทรศัพท์กำชับอย่างจริงจัง “ไม่มีอะไรลูกก็เอาใจผู้หญิงให้มากหน่อย ซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไปให้ ไปเดินเล่นซื้อของเป็นเพื่อนเขา อย่าละเลยแบบนี้!”
น้ำเสียงซ่งจื่อหางบ่งบอกความรำคาญ “ผมไม่ใช่คนใช้ของตระกูลเจียงสักหน่อย ทำไมผมต้องคอยตามเขา เอาใจเขา แล้วยังต้องกินข้าวเป็นเพื่อนเล่นด้วย อีกอย่างนะพ่อ ผมบอกพ่อแล้วว่า ผมมีผู้หญิงที่ผมชอบแล้ว”
“เหลวไหล! ฉันบอกแกตั้งกี่ครั้งแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่แกจะทำอะไรตามใจ เวลาที่ควรอดทนก็ต้องอดทน! รอให้ตระกูลซ่งของเรายืนขึ้นด้วยตัวเองแล้ว แกอยากจะได้ผู้หญิงแบบไหนก็ตามใจแกไม่ใช่เหรอ?”
ตอนนี้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทนไม่ได้ ต่อไปแกจะทำการใหญ่อะไรให้สำเร็จได้? โดยเฉพาะช่วงนี้ แกจะต้องเอาใจเยียนหรานให้ดี! ได้ยินไหม?”
ซ่งจื่อหางหน้างอง้ำ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้กัดฟันรับปาก “รู้แล้วครับ ช่วงนี้เรื่องเยียนหรานผมจะคอยเอาใจอย่างดี”
“แบบนี้สิถูกแล้ว”