แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1469 ตายเหรอ ก็ไม่แน่ / บทที่ 1470 น่ารักไม่เบา
บทที่ 1469 ตายเหรอ ก็ไม่แน่
เป่ยโต่วได้แต่ทำหน้าเหวอกับคำถามของชิวสุ่ย “ฉันผิดอะไร…ฉันถึงขั้นเสียสละตัวเองแล้วไหม แต่พี่เฟิ่งไม่เอาเองเหอะ…”
ชิวสุ่ยหน้าบึ้ง “นายหุบปากไปเลย!”
อีกด้านหนึ่ง จี้หวงเพิ่งจะคุยกับชายชราผมหงอกเกี่ยวกับเรื่องการแก้พิษเสร็จ ก็หันมาบอกว่า “ทุกคนไม่ต้องกังวลมากไป เรื่องแก้พิษ ผู้อาวุโสชีจะหาทางช่วยอย่างเต็มที่”
ชีซิงประสานมือกล่าว “ขอบคุณมากครับ”
เพราะชีซิงกับเป่ยโต่วยังอยู่ จี้หวงเลยไม่สะดวกพูดอะไรมาก เขาหันไปพยักหน้าให้เยี่ยหวันหวั่นเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับผู้อาวุโสชี
พอจี้หวงไป เป่ยโต่วก็รีบพุ่งตัวเข้าไปถาม “ชิวสุ่ย เธอเชิญจี้หวงมาได้ยังไง ทำไมเขาถึงช่วยพวกเราล่ะ?”
ยังไงก็ตามพันธมิตรอู๋เว่ยกับอำนาจของจี้หวงก็เคยมีปมขัดแย้งกันมาแล้ว ทำไมจี้หวงกลับหันมาช่วยพวกเขาล่ะ
ชิวสุ่ยกระแอมเบาๆ แล้วบอกว่า “หลายปีก่อนจี้หวงเคยติดหนี้บุญคุณเสี่ยวเฟิ่งครั้งหนึ่ง คราวนี้ก็ถือว่าชดใช้หนี้บุญคุณเท่านั้น”
“หา? มีเรื่องอย่างงั้นด้วยเหรอ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย…” เป่ยโต่วไม่ถามอะไรมาก เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “พี่เฟิ่ง แล้ว…จะทำยังไงดีล่ะ…คราวนี้ต้องตายแน่ๆ…”
เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางที่นายแห่งอาชูร่าเดินจากไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอหลุบตาลงมองแขนตัวเอง ตรงนั้นราวกับยังมีไออุ่นจากฝ่ามือของชายหนุ่มที่ประคองเธอเมื่อกี้เหลืออยู่
สายตาของหญิงสาวหม่นหมอง กล่าวอย่างแช่มช้าว่า “ตายเหรอ? ก็ไม่แน่…”
……
ขณะเดียวกัน ณ พันธมิตรอู๋เว่ย
ในห้องโถงใหญ่ สีหน้าของผู้อาวุโสสามหลี่ซือบูดบึ้งสุดขีด ผู้อาวุโสหลายคนที่ยืนอยู่อีกด้านก็มีสีหน้าเดือดดาลไม่ต่างกัน
เมื่อกี้ข่าวจากตระกูลหยวนถูกส่งมา ตอนแรกพวกเขาต่างคิดว่าผู้หญิงคนนั้นต้องไม่รอดกลับมาจากตระกูลหยวนแน่ๆ แต่นึกไม่ถึงว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่เพียงฆ่าผู้นำตระกูลหยวนสำเร็จ แต่ยังยึดตระกูลหยวนทั้งตระกูลสำเร็จอีกด้วย…
“ผู้หญิงคนนั้น นึกไม่ถึงว่าจะมีปัญญาโค่นตระกูลหยวนได้จริงๆ…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงและใบหน้าอันบึ้งตึง
“ผมได้รับข่าวว่าเธอจ้างทหารรับจ้าง” ผู้อาวุโสสามหลี่ซือกล่าว
“ทหารรับจ้าง?!” ผู้อาวุโสหลายคนอึ้งเล็กน้อย สีหน้าดูประหลาดใจ หนึ่งในนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทหารรับจ้างของที่ไหน?”
“ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลเนี่ย…เหอะ ความสามารถของคุณชายใหญ่ของตระกูลเนี่ย ทุกท่านก็คงรู้ดี ลูกน้องในมือเขาแค่โค่นตระกูลหยวนถือเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนยกฝ่ามือ…” ผู้อาวุโสสามหลี่ซือกล่าว
“อีกไม่นานพวกเวินจื่อหรานก็จะกลับมาแล้ว…ระหว่างนี้ถ้ายังหาหลักฐานที่ผู้หญิงคนนั้นสวมรอยเป็นหัวหน้าพันธมิตรไม่ได้ พวกเราต้องแย่แน่ๆ…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกัดฟันกล่าว
แต่ผู้อาวุโสสามหลี่ซือกลับยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “วางใจได้ ผู้หญิงคนนั้นกลับมาเมื่อไหร่ เธอต้องตายแน่”
ได้ยินผู้อาวุโสสามหลี่ซือพูดอย่างงั้น ผู้อาวุโสอีกสองคนอึ้งงัน ไม่เข้าใจว่าหลี่ซือหมายความว่ายังไง
“ผู้อาวุโสสาม คุณหมายความว่ายังไง…ถ้าหาหลักฐานที่ผู้หญิงคนนั้นปลอมตัวเป็นหัวหน้าพันธมิตรไม่เจอ…อย่าคิดจะทำอะไรเธอเชียวนะ อย่าลืมสิ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยตกลงอะไรไว้กับค่ายอื่น…” ผู้อาวุโสผมหงอกคนหนึ่งขมวดคิ้วบอก
“แน่นอนว่าที่ผมพูดอย่างงี้ ก็เพราะหาหลักฐานได้แล้ว” ผู้อาวุโสสามยิ้มเล็กน้อย
สิ้นประโยคของหลี่ซือ ผู้อาวุโสผมหงอกก็ทำหน้าประหลาดใจ “ผู้อาวุโสสาม คุณพูดจริงเหรอ?!”
“แน่นอน” ผู้อาวุโสสามหลี่ซือตะโกนออกไปนอกห้อง “พาคนเข้ามา”
————————————————————————————-
บทที่ 1470 น่ารักไม่เบา
ไม่นาน สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยสองสามคนคุมตัวผู้ชายที่มีแผลเต็มตัวเดินเข้ามา
ถ้าเยี่ยหวันหวั่นอยู่ที่นี่ เธอต้องจำได้ตั้งแต่แวบแรกแน่นอน ผู้ชายคนนี้ก็คือโจวอูจากตระกูลโจนั่นเอง
โจวอู่ในตอนนี้ หน้าซีดเผือด ร่างกายเต็มไปด้วยแผลน่าสยดสยอง
“ฉิวฉิว…อยู่ไหน…” ไม่นานโจวอูก็เงยหน้าขึ้น แล้วจ้องผู้อาวุโสสามหลี่ซือราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา “ฉิวฉิว…ยังเป็นแค่เด็ก…พวกแก…ต้องการอะไรกันแน่…”
หลี่ซือลุกขึ้น สาวเท้ายาวๆ ไปยืนข้างโจวอู หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “โจวอู ลูกนายสบายดี…ไม่ต้องห่วง นายแค่ต้องตอบคำถามฉันไม่กี่ข้อ แล้วเรื่องนี้ก็จะจบเอง!”
โจวอูเงยหน้า จ้องหลี่ซืออย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตอนอยู่ในคุกของพันธมิตรอู๋เว่ย เขาโดนสอบสวนอย่างทารุณก็ยังไม่ยอมพูด สุดท้าย เดรัจฉานพวกนี้กลับใช้ฉิวฉิวมาขู่เขา…
“โจวอู ตระกูลโจวของนายก็ลำบากไม่น้อย ไม่เห็นต้องทำให้ตระกูลแตกเพียงเพราะคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย…อีกอย่าง ลูกชายของนาย ถึงจะเป็นใบ้ แต่ก็น่ารักมาก” หลี่ซือยิ้มเย็น
“แกจะถามอะไรกันแน่…” พูดถึงฉิวฉิว โจวอูก็ตัวสั่นเล็กน้อย
“หึๆ…จากที่ฉันรู้มา ไป๋เฟิ่งหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยปรากฏตัวครั้งแรกในตระกูลโจว…อีกอย่าง ข่าวที่ฉันได้ยินมา หลังจากหัวหน้าเข้ามาในรัฐอิสระ เคยโดนสหพันธ์วิทยายุทธไล่จับเพราะไม่มีบัตรผ่าน นายเป็นคนพาหัวหน้าหนีทีมสืบสวนของสหพันธ์วิทยายุทธ แล้วก็พาเธอกลับไปที่ตระกูลโจว ใช่หรือไม่” หลี่ซือยิ้มชั่วร้าย แล้วกล่าว
“ไม่ใช่…ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่!” โจวอูกำหมัดแน่น
“อ้อ…ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ฉันจะทำให้นายนึกออกเอง” หลี่ซือพูดจบ ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากข้างนอก
ชายฉกรรจ์อุ้มฉิวฉิวที่กำลังหวาดกลัวเดินมาหยุดใกล้หน้าต่าง ใช้มือบีบคอฉิวฉิว แล้วจับตัวฉิวฉิวห้อยออกไปนอกหน้าต่าง
“ไอ้เลว! พวกแกมันเดรัจฉาน!” เห็นอย่างงั้น โจวอูตะโกนด่าอย่างเดือดดาล พยายามลุกขึ้นยืน
“พลั่ก!”
แต่หลี่ซือกลับชกท้องโจวอูอย่างแรง
โจวอูหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บ เขานั่งยองอยู่บนพื้นอย่างหมดแรง ขดตัวเป็นวงกลม
“โจวอู…นาย…
“หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเราในตอนนี้เป็นใคร ชื่ออะไร มาจากที่ไหน!” หลี่ซือเค้นถามเสียงเครียด
ตอนนี้ โจวอูตาแดงก่ำหันไปมองฉิวฉิว สุดท้ายก็ส่ายหน้า แล้วทำได้แค่ยอมพูด “เธอชื่อ…เยี่ยหวันหวั่น…”
พอเห็นว่าโจวอูยอมพูด ผู้อาวุโสสามหลี่ซือกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ตาเป็นประกาย
“ดี ดีมาก ฉันขอถามนายอีกว่าเธอมาจากที่ไหน” หลี่ซือถาม
“ประเทศจีน…” โจวอูกัดฟันตอบ
“นายพูดเรื่องจริงรึเปล่า” หลี่ซือยิ้มเล็กน้อย
“เป็นเรื่องจริงทั้งหมด…” โจวอูถอนหายใจ
หลี่ซือที่ได้รู้ทุกอย่างแล้วโบกมือ สั่งให้ชายฉกรรจ์ดึงตัวฉิวฉิวกลับเข้ามา จากนั้นก็ขังโจวอูกับฉิวฉิวไว้ด้วยกันในคุกใต้ดิน
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่ซือกดเบอร์โทรฯ ประเทศจีนแล้วโทรฯ ออก สั่งให้กำลังคนที่อยู่ในจีนเริ่มตรวจสอบเรื่องนี้