แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1647 อย่าทำให้พ่อแม่โกรธบ่อย / บทที่ 1648 เธอคือแม่หม้ายดำ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1647 อย่าทำให้พ่อแม่โกรธบ่อย / บทที่ 1648 เธอคือแม่หม้ายดำ
บทที่ 1647 อย่าทำให้พ่อแม่โกรธบ่อย
“แม่คะ หนูเข้าเรียนหลายวันแล้วค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มบอก
“ดีมากจ้ะ” นายหญิงตระกูลเนี่ยพยักหน้าด้วยความพอใจ กล่าวว่า “ทั้งอู๋โยวแล้วก็หลิงหลงต่างก็เคยเรียนที่โรงเรียนชื่อเยี่ยน ในโรงเรียนชื่อเยี่ยนไม่เกี่ยวว่าจะเป็นใครมาจากไหน ถ้ามีปัญหาอะไรในโรงเรียนชื่อเยี่ยน หนูก็ใช้ชื่ออู๋โยวได้เลย”
“ค่ะ…”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
กว่าจะออกจากตระกูลเนี่ยก็ใกล้เที่ยงแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นไม่รั้งอยู่นาน ตัดสินใจไปดูว่าเดธโรสดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
เดธโรสก็ก่อตั้งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เธอมอบหมายให้โลลิน้อยกับหลิวอิ่งดูแลจัดการมาตลอด ตัวเองกลับไม่เคยถามไถ่ซักครั้ง
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะก้าวเท้าออกจากตระกูลเนี่ย เนี่ยอู๋หมิงก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน
“น้องสาว…”
เนี่ยอู๋หมิงหันมาตะโกนเรียกเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นชะงักเท้า แล้วหันไปมอง
เนี่ยอู๋หมิงสภาพดูโทรมๆ อารมณ์ก็เหมือนไม่ดีมาก
“คุณเป็นอะไรไป?” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเนี่ยอู๋หมิงทะเลาะกับที่บ้าน
“เปล่าหรอก…ก็แค่ทะเลาะกับพ่อแม่นิดหน่อย” เนี่ยอู๋หมิงถอนหายใจ
“เพราะอะไร” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“เปล่า…ก็แค่เรื่องไร้สาระ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” เนี่ยอู๋หมิงกล่าว
เนี่ยอู๋หมิงเหมือนไม่ค่อยอยากพูดถึงรายละเอียด เยี่ยหวันหวั่นเองก็ไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรมาก
นิสัยของเนี่ยอู๋หมิงเป็นอย่างนี้จริงๆ นอกจากว่าเขาจะอยากพูดเอง ไม่งั้นก็อยากจะงัดปากเขาได้
“คุณว่า…ถ้าพ่อกับแม่อายุร้อยปีแล้ว ตระกูลเนี่ยของเราใครจะเป็นผู้สืบทอด…”
เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยอู๋หมิงอย่างมีความหมายแฝง แล้วถาม
เพราะนิสัยอย่างนี้ของเนี่ยอู๋หมิง เรื่องบางเรื่องจึงบอกเขาไม่ได้เด็ดขาด แต่ถ้าอ้อมค้อมหน่อยก็ไม่มีปัญหา
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นถามอย่างนี้ เนี่ยอู๋หมิงก็ทำท่าครุ่นคิด
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดด้วยใบหน้าไม่พอใจ “น้องสาว เธอนี่ปากไม่ดีเลยนะ พ่อกับแม่ยังแข็งแรงดีอยู่ จู่ๆ จะตายได้ไง…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
มีคำหนึ่งว่าไว้ดี ไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เก่งเหมือนเทพ แต่กลัวเพื่อนร่วมทีมอย่างเนี่ยอู๋หมิงนี่แหละ สมองหมูจริงๆ
“ฉันก็แค่สมมติ คุณจะเดือดร้อนอะไร” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเนี่ยอู๋หมิง
“ถ้าสมมติล่ะก็…ถ้าพ่อกับแม่ตาย ตระกูลเนี่ย…ฉันเป็นลูกคนโต งั้นฉันก็ต้องเป็นผู้สืบทอดอยู่แล้วสิ!” เนี่ยอู๋หมิงทำหน้ามั่นใจเต็มที่
“อืม…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า ยิ้มบอกว่า “ถ้างั้น ถ้าคุณไม่ได้สืบทอด ใครจะเป็นคนสืบทอด?”
“ฉันไม่สืบทอด?” เนี่ยอู๋หมิงชะงัก “ทำไมฉันถึงจะไม่สืบทอดล่ะ ถ้าฉันไม่สืบทอดแล้วใครจะเป็นคนสืบทอด ตระกูลเนี่ยเรามีเงินเยอะขนาดนั้น ถ้าไม่เก็บไว้ให้ฉัน แล้วจะเก็บไว้ให้ใคร”
“เฮ้อ” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ ทำไมเธอถึงได้มีพี่ชายแท้ๆ แบบนี้ได้นะ พ่อกับแม่แบ่งสมองให้เธอหมดแล้วรึไงนะ…อย่างน้อยก็น่าจะแบ่งให้พี่ชายเธอซักนิด…
“ไม่ต้องพูดมากน่า ถ้าคุณไม่สืบทอด ใครจะได้สืบทอด” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว
“ถ้าฉันไม่สืบทอด ก็ต้องเป็นน้องรองของฉันอยู่แล้ว ถ้าน้องรองของฉันไม่สืบทอด ก็ต้องเป็นเนี่ยหลิงหลง…ไม่สิ เนี่ยหลิงหลงไม่ได้มีสายเลือดของตระกูลเนี่ย เธอเป็นผู้สืบทอดไม่ได้หรอก งั้นก็ต้องเป็นถังถัง…ก็ไม่ใช่อีก ถังถังยังเด็ก สืบทอดไม่ได้หรอก…เอาเป็นว่าถ้าไม่ใช่ฉันก็เป็นน้องรองฉัน” เนี่ยอู๋หมิงกล่าว
“วิเคราะห์ได้ไม่เลว แต่ถ้าคุณยังเอาแต่ทำให้พ่อแม่โมโหจนวันหนึ่งพ่อกับแม่ทนไม่ไหว เตะคุณออกจากบ้าน คุณต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่แน่ๆ…สิทธิ์ในการสืบทอดจะตกเป็นของคนอื่น…ลองคิดดูนะ เงินตั้งมากมายของตระกูลเนี่ย…ทั้งทองเส้นเอย ทองคำแท่งเอย…ธนบัตรเอย…อะไรต่างๆ อีกมากมาย…” เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยอู๋หมิง แล้วส่ายหน้าเหมือนเสียดาย
————————————————————————————-
บทที่ 1648 เธอคือแม่หม้ายดำ
เนี่ยอู๋หมิงทำหน้าแปลกใจ “เธอรู้ได้ไงว่าตระกูลเนี่ยมีเงินเยอะขนาดนี้? เธอเห็นเหรอ?”
“เหลวไหล!” เยี่ยหวันหวั่นพยายามข่มอารมณ์เต็มที่ “ตระกูลเนี่ยเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระ ถึงจะเทียบกับตระกูลเสิ่นไม่ได้ แต่เรื่องเงินมีเหรอจะด้อยกว่า…ธุรกิจอะไรก็เป็นแค่เรื่องรอง ที่สำคัญคือเรื่องเงิน ถูกไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว เงินสำคัญที่สุด!” เนี่ยอู๋หมิงพยักหน้ารัวๆ
“เพราะฉะนั้นคุณต้องจำไว้ให้ดี ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ห้ามทะเลาะกับพ่อแม่เด็ดขาด” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเนี่ยอู๋หมิง แล้วแนะนำด้วยความเป็นห่วง
“อืม…น้องสาวเธอพูดมีเหตุผลมาก…ฉันจะมีเรื่องกับเงินของตัวเองไม่ได้เด็ดขาด…ไม่สิ ฉันต้องกตัญญูกับพ่อแม่…” เนี่ยอู๋หมิงทำหน้าครุ่นคิด
เยี่ยหวันหวั่นเป็นห่วงเนี่ยอู๋หมิงด้วยใจจริง นิสัยของเนี่ยอู๋หมิงถูกคนอื่นเล่นงานง่ายเกินไป โดยเฉพาะอุบายเจ้าเล่ห์ เนี่ยอู๋หมิงไม่มีทางรับมือได้เลย ขนาดถูกคนจับไปขาย ไม่แน่ยังจะไปช่วยคนอื่นเขานับเงินด้วยซ้ำ
“ถ้าพี่มีเรื่องอะไร โทรฯ หาฉันเป็นคนแรกเลยนะ”
เยี่ยหวันหวั่นพูดกับเนี่ยอู๋หมิงประโยคหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินจากไป
ถ้าเนี่ยหลิงหลงกับ ‘เนี่ยอู๋โยว’ตัวปลอมคิดจะเล่นงานเนี่ยอู๋หมิง เธอจะไม่มีวันอยู่เฉยๆ แน่ มีเธอคอยยืนอยู่ข้างหลังเนี่ยอู๋หมิง ศึกครั้งนี้ใครจะเป็นคนแพ้หรือชนะ ยังไม่มีใครรู้!
ตอนนี้ แม่ยังถือว่ารักและชื่นชมเธอมาก แต่ทางพ่อเธอยังต้องพยายามอีกมาก
อีกอย่าง ในช่วงที่ผ่านมานี้ เยี่ยหวันหวั่นเริ่มจะรู้จักผู้นำตระกูลเนี่ย หรือก็คือพ่อแท้ๆ ของเธอมากขึ้นแล้ว เขารักและเอ็นดูเนี่ยอู๋โยวตัวปลอมยิ่งกว่านายหญิงตระกูลเนี่ยซะอีก
เรื่องนี้เยี่ยหวันหวั่นไม่คิดโทษพ่อกับแม่ของเธอเลย
เพราะถึงยังไงนายหญิงกับผู้นำตระกูลเนี่ยก็เคยเห็นหน้าเนี่ยอู๋โยวแค่ไม่กี่ครั้ง นอกจากจะไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว ต่อมาเนี่ยอู๋โยวก็ยังมาหายตัวไปอีก จะจำไม่ได้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอสิถึงแปลก
……
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งอยู่ในชานเมืองแห่งหนึ่ง
“น้องสาว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรมานะ”
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันเข้าไปข้างใน จู่ๆ ไม่รู้เสียงหัวเราะแปลกๆ ดังมาจากที่ไหน
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้มาที่สำนักงานใหญ่ของเดธโรสนานแล้ว พักนี้เดธโรสคงรับสมาชิกฝีมือไม่ธรรมดาเข้ามาใหม่หลายคนแล้ว ถ้าพวกเขาจะไม่รู้จักเธอก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร สายลมพัดผ่านข้างหลังเบาๆ หญิงสาวสวมหน้ากากคนหนึ่งปรากฏกายข้างเยี่ยหวันหวั่น
“หลิวอิ่งกับเหล่าเจียงอยู่ไหม”
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองหญิงสาว แล้วถามเสียงเบา
คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นทำให้หญิงใส่หน้ากากชะงัก “เธอเป็นใคร”
“แม่หม้ายดำ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น จู่ๆ หญิงใส่หน้ากากกลับหัวเราะเสียงดัง “อ้อ…เธอบอกว่าเธอคือแม่หม้ายดำ…ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยว่าแม่หม้ายดำยังสาวขนาดนี้ นี่น้องสาว…สวมรอยเป็นแม่หม้ายดำ…มีโทษตายทั้งตระกูลนะรู้บ้างรึเปล่า”
เยี่ยหวันหวั่นเงียบ สวมรอยอะไรกัน ลิขสิทธิ์ของเดธโรสอยู่ในมือเธอ ถ้าเธอพอใจซะอย่าง จะสร้างแม่หม้ายขาว หรือแม่หม้ายเขียวก็ยังได้…รู้จักคำว่าลิขสิทธิ์ไหม?
“หัวหน้า!”
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร ชายชราคนหนึ่งก็เดินออกมาจากคฤหาสน์ พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นก็อึ้งงัน
“จิ่วเหวย…นี่ก็คือหัวหน้าของเรา แม่หม้ายดำ!” ชายชรารีบหันไปพูดกับหญิงใส่หน้ากาก
“อะไรนะ?!”