แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1797 ประธานเยี่ยพูดอะไรสักสองสามประโยคเถอะ / บทที่ 1798 เธอมีสิทธิ์อะไร
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1797 ประธานเยี่ยพูดอะไรสักสองสามประโยคเถอะ / บทที่ 1798 เธอมีสิทธิ์อะไร
บทที่ 1797 ประธานเยี่ยพูดอะไรสักสองสามประโยคเถอะ
เวลานี้ ฟอรัมที่กำลังถ่ายทอดสดในประเทศจีนเกิดระเบิดฮือฮาโดยสมบูรณ์
อย่ารอบุบฝาโรยราหักกิ่ง: [ฮ่าๆๆ ขำจะตายอยู่แล้ว…เป็นละครที่สนุกจริงๆ …แล้วพวกเกรียนคีย์บอร์ดที่พูดว่าเยี่ยไป๋เกาะฟู่หมิงซีเพราะคิดจะกลับคืนวงการเมื่อกี้ล่ะ]
พระกระโดดกำแพงบนปลายลิ้น: [หึๆ เล่นกันอยู่ครึ่งค่อนวัน เยี่ยไป๋กลายเป็นบอสใหญ่ของบริษัทซิงเฉิน ไม่ว่าจะเป็นเส้าเหิงเอย ฟู่หมิงซีเอย…พูดกันตรงๆ หน่อยก็ต่างทำงานให้เยี่ยไป๋ทั้งนั้นถึงจะถูก ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพวกเกรียนคีย์บอร์ดอยากไปดักรอเยี่ยไป๋หรอกเหรอ…ฉันสนับสนุนพวกเธอนะ รีบไปเลย อย่าให้ขายหน้าเขาเด็ดขาดเชียว]
ที่บ้านมีภรรยาน่ารัก: [เมื่อกี้ฉันเห็นว่ายังมีคนอยากแบนเยี่ยไป๋อยู่เลย…บอกว่าเยี่ยไป๋เป็นอาชญากร ขนเงินทุนของจูเสินสือไต้หนีไป? น่าขำชะมัด ซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นแค่ทรัพย์สินเล็กๆ ภายใต้แบรนด์ซิงเฉิน เยี่ยไป๋เป็นถึงเถ้าแก่ของบริษัทซิงเฉินแต่ยังจะขนเงินทุนของจูเสินสือไต้หลบหนี…นับถือเลย]
เมื่อสถานะของเยี่ยหวันหวั่นถูกประกาศออกมา แฟนคลับของเยี่ยไป๋ในช่วงแรกๆ บางส่วนก็เหมือนฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ต่างก็เปิดโหมดจิกกัดตบหน้า และชาวเน็ตที่รุมโจมตีเยี่ยไป๋ก่อนหน้านี้ก็ถูกกระหน่ำจิกกัดจนแทบจะถลอกปอกเปิกไปทั่วร่าง แต่กลับไม่มีใครสักคนกล้าส่งเสียงโต้แย้ง
บอสใหญ่ของบริษัทซิงเฉินจำเป็นต้องกอดต้นขาของฟู่หมิงซีด้วยเหรอ! จำเป็นต้องอาศัยฟู่หมิงซีไปทำร้ายเส้าเหิงด้วยเหรอ!
เกรงว่าขอแค่เยี่ยไป๋เอ่ยขึ้นสักหนึ่งประโยค ไม่ว่าจะเป็นฟู่หมิงซีก็ดี เส้าเหิงก็ดี ต่างก็ต้องโดนไล่ออกแล้ว…
เวลานี้ในงานเลี้ยงของซิงเฉินทั้งกงซวี่ ลั่วเฉิน และหานเซี่ยนอวี่รวมไปถึงศิลปินคนอื่นๆ ที่คุ้นเคยกับเยี่ยไป๋ต่างก็มองเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่บนเวที ด้วยสีหน้าราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน
“เชี่ย…เชี่ย…พี่เยี่ย…เป็นบอสใหญ่ของบริษัทซิงเฉิน ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!” กงซวี่มองลั่วเฉินกับเจียงเยียนหรานที่อยู่ด้านหน้า
“นี่…ฉันก็ไม่รู้…” เจียงเยียนหรานส่ายหน้า เธอไม่เคยได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน…
“กรรมการผู้จัดการโจวและกรรมการผู้จัดการหลี่ของซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์พูดออกมาชัดเจนแบบนี้แล้ว นายยังคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นอีกเหรอ” แม้ลั่วเฉินจะรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง แต่ถึงขั้นที่ประธานสองคนของซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์เอ่ยปากแล้ว ก็ไม่มีทางเป็นเรื่องหลอกลวงไปได้
“งั้น…งั้นพวกเรา…ก็ไม่เท่ากับว่าเป็น…เจ้าชายแล้วเหรอ” กงซวี่เอ่ยอย่างล่องลอยอยู่บ้าง
หานเซี่ยนอวี่พูดไม่ออก
ลั่วเฉินนิ่งเงียบ
เจียงเยียนหรานเอ่ยขึ้นว่า “งั้นฉันก็น่าจะเป็นเจ้าหญิง…”
เวลานี้เยี่ยหงเหวยพลันลุกขึ้นยืนและจ้องไปยังกรรมการผู้จัดการโจวบนเวที “กรรมการผู้จัดการโจว…กรรมการผู้จัดการหลี่ ทั้งสองท่านเพิ่งพูดว่าเธอคือเถ้าแก่ของบริษัทซิงเฉิน…นี่เป็นไปไม่ได้มั้ง…บริษัทซิงเฉินก่อตั้งมานานเท่าไรแล้ว เธอเพิ่งจะอายุเท่าไร…”
เวลานั้นกรรมการผู้จัดการโจวชำเลืองมองเยี่ยหงเหวยก่อนที่จะยกยิ้มบาง “ผู้อาวุโสเยี่ยหมายความว่ายังไงครับ หรือท่านคิดว่าผมกับกรรมการผู้จัดการหลี่จะกล้าหยิบเรื่องอย่างนี้มาล้อเล่นเหรอ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเยี่ยหงเหวยก็จ้องไปยังเยี่ยหวันหวั่น ขมวดคิ้วแน่น เยี่ยหวันหวั่นคือเถ้าแก่ของบริษัทซิงเฉิน แต่ทำไมเธอไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคนในครอบครัวมาก่อน!
อีกทั้งเรื่องอย่างนี้ ออกจะเกินคาดคิดไปสักหน่อย…
“หวันหวั่น ในเมื่อแกคือเถ้าแก่ของบริษัทซิงเฉิน จากนี้หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็จะรวมเข้ากับซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ กลายเป็นบริษัทพี่น้องแล้ว” เวลานี้เยี่ยหงเหวยก็เอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่บนเวที
แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ตอบอะไร กระทั่งไม่มองเยี่ยหงเหวยสักแวบเดียว
“หึๆ ประธานเยี่ยครับ ในเมื่อขึ้นมาบนเวทีแล้วก็พูดอะไรสักสองสามประโยคเถอะครับ…” กรรมการผู้จัดการโจวมองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ตกลง ในเมื่อกรรมการผู้จัดการโจวพูดแล้ว งั้นฉันก็ขอพูดสักสองสามประโยค” ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นก็เงยหน้าขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วงาน แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ “เมื่อวาน ที่งานเลี้ยงของเส้าเหิง ฟู่หมิงซีลงมือกับเส้าเหิงจริงๆ แล้วก็เป็นความตั้งใจของฉันด้วย…เส้าเหิงอาศัยชื่อเสียงของตัวเองในตอนนี้และเส้นสายทำตัวไม่สนกฎหมายใดๆ และไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หลายครั้งทำให้ศิลปินร่วมอาชีพขายหน้า ขาดความเคารพในอาชีพนักแสดงโดยสิ้นเชิง วันนี้ฉันขอประกาศที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์จะยกเลิกสัญญางานกับเส้าเหิงศิลปินในสังกัดแต่เพียงฝ่ายเดียว”
———————————————————-
บทที่ 1798 เธอมีสิทธิ์อะไร
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น เส้าเหิงก็พลันลุกพรวดขึ้นแล้วชี้หน้าเยี่ยหวันหวั่น “เธอมีสิทธิ์อะไรมายกเลิกสัญญาฉัน เธอบอกว่าเธอเป็นเถ้าแก่ของบริษัทซิงเฉิน…เธอ…”
ไม่รอให้เส้าเหิงพูดจบ กรรมการผู้จัดการโจวก็โบกมืออย่างรำคาญ ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานที่ทำการเชิญตัวเส้าเหิงออกไป
“ส่วนเส้นสายเส้าเหิงก็คือคุณตาของเส้าเหิง มีพฤติกรรมไม่ดูแลภาพลักษณ์ของบริษัท บิดเบือนความจริง…ให้มีผลในทันที บริษัทซิงเฉินขอยกเลิกสัญญาจ้างงานกับอีกฝ่ายเและสาขาที่เขาดูแลให้กรรมการผู้จัดการโจวกับกรรมการผู้จัดการหลี่รับผิดชอบชั่วคราว รวมไปถึงศิลปินทั้งหมดในสังกัดด้วย” เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อ
บนเวที ดวงตาของกรรมการผู้จัดการโจวกับกรรมการผู้จัดการหลี่ปรากฏแววตื่นเต้น พวกเขาสองคนแบ่งทรัพยากรทั้งหมดของอีกสาขาหนึ่งเท่าๆ กัน…นี่มันยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!
เมื่อสิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น สื่อไม่น้อยก็พากันก้าวขึ้นหน้ามาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตาของเส้าเหิง
“ประธานเยี่ย คุณตาของเส้าเหิงเป็นผู้อาวุโสและสร้างคุณูปการไม่น้อยให้กับซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เพราะความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ครั้งเดียวคุณก็ไล่เขาออกจากซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ทำแบบนี้ไร้เหตุผลไปหรือเปล่าครับ”
“ถูกต้อง ประธานเยี่ยทำแบบนี้ขาดความเหมาะสมเกินไปหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็กวาดสายตามองเหล่านักข่าวที่ถามคำถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และเอ่ยตอบเสียงเรียบว่า “ฉันเป็นเถ้าแก่ของซิงเฉิน คำที่ฉันพูดก็คือเหตุผล ยังมีปัญหาอะไรอีกไหม”
เวลานั้นนักข่าวบันเทิงทั้งหลายต่างก็มองหน้าสบตากัน แต่กลับพูดไม่ออก
“เรื่องต่อไปที่ฉันจะพูด ก็คือเรื่องความสัมพันธ์กับหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์” เยี่ยหวันหวั่นกวาดสายตามองพวกของเยี่ยอีอีและกู้เยว่เจ๋อ “ฉันขอประกาศว่า ความร่วมมือระหว่างซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์กับหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์จะถูกระงับในทุกด้าน ศิลปินที่ซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ส่งให้หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์จะถูกเรียกกลับมาทั้งหมด รวมถึงถอนเงินทุนของซิงเฉินทั้งหมดด้วย”
“ว่าไงนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าของเยี่ยอีอีกับกู้เยว่เจ๋อก็แปรเปลี่ยนไปมากทันที
ถ้าเยี่ยหวันหวั่นทำแบบนี้จริงๆ จะต้องเป็นการโจมตีหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ถึงชีวิตแน่นอน!
หากซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต้องการยกเลิกสัญญาเพียงฝ่ายเดียวนั้นจะต้องจ่ายค่าชดเชย และค่าชดเชยนั้นเมื่อเทียบกับความเสียหายของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์แล้ว…ไม่พอให้พูดถึงสักนิด!
“แกพูดอะไรน่ะ!” ทันใดนั้นเยี่ยหงเหวยก็ลุกพรวดขึ้นและจ้องมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยความโมโห “สถานที่อย่างนี้แกยังกล้าพูดอะไรเหลวไหล!”
เยี่ยหวันหวั่นชายตามองเยี่ยหงเหวยและเอ่ยเสียงเรียบ “ผู้อาวุโสเยี่ยใช้สถานะอะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ในสถานที่อย่างนี้คะ”
ตอนที่เยี่ยมู่ฝานกับเยี่ยเส่าถิงถูกกล่าวหา เขาอยู่ที่ไหน เคยเชื่อใจลูกชายกับหลานชายของตัวเองบ้างหรือเปล่า
และตอนที่เธอถูกบีบให้ออกนอกประเทศจีน เขาอยู่ที่ไหน เคยสนใจเธอบ้างหรือไม่
ตอนที่พวกเธอทั้งครอบครัวอยู่ในจุดต่ำสุด แต่คุณปู่คนนี้ไปอยู่ที่ไหน
และไม่พูดถึงเรื่องนี้ชั่วคราว ในเมื่อเยี่ยหงเหวยเลือกครอบครัวของเยี่ยอีอีแล้ว งั้นก็เท่ากับว่าทอดทิ้งครอบครัวของเธอ ก่อนหน้านี้ตอนเผชิญหน้ากับบางคำถามของนักข่าว เยี่ยหงเหวยก็ไม่เคยยอมรับว่าตัวเธอคือหลานสาวของเขา
ก็จริงที่ตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่ใช่คนของตระกูลเยี่ย ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ
คนที่เธอจะตอบแทนมีเพียงพ่อแม่กับพี่ชาย ส่วนตระกูลเยี่ย…ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อยมานานแล้ว
“กะ…แกพูดอะไร! ฉันขอสั่งให้แกถอนคำพูดเมื่อกี้เดี๋ยวนี้! แล้วก็รวมหวงเทียนกับซิงเฉินซะ แกเข้าใจไหม!” เยี่ยหงเหวยตะคอกด้วยความโมโห
“กรรมการเยี่ยกำลังข่มขู่ฉันเหรอคะ” เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยหงเหวยอย่างเย็นชา
“แล้วจะทำไม!” เยี่ยหงเหวยตะคอกเสียงเย็น
“โอ้?” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะน้อยๆ “งั้น ฉันสงสัยจังว่าคุณมีสิทธิ์อะไร”