แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 181 ฉันรอคุณอยู่ / บทที่ 182 คุณเก่งมากแล้ว
บทที่ 181 ฉันรอคุณอยู่
เยี่ยหวั่นหวันกำลังกลับไปที่หอพัก บทที่ผ่านป่าเล็กๆ จู่ๆ ก็มีเงาคนหนึ่งโผล่มาตรงหน้า ทำเธอตกใจแทบตาย
ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเธอคือลูบใบหน้า
ยังดีที่ครั้งนี้เธอระมัดระวังตัวมาก ถึงแม้จะเป็นเวลาดึก แต่เพื่อป้องกันสถานการณ์แบบซือเซี่ยครั้งที่แล้ว ดังนั้นเมื่อกี้ระหว่างทางที่กลับเธอเติมหน้าบนรถประหนึ่งว่าจะไปรายงานตัวกับกองถ่ายหนังผีเลย ปลอดภัยแน่นอน
หลังฝ่ายตรงข้ามเห็นเธอ เห็นได้ชัดว่าตกใจยิ่งกว่าเธออีก
เธอได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้ามสูดหายใจอย่างผวาชัดเจน
เดินไปข้างหน้าอีกหลายก้าว จนถึงใต้แสงไฟ เยี่ยหวั่นหวันเห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามชัดเจน
“ซือเซี่ย…?”
ดึกป่านนี้นายนี่ยังไม่นอนมาทำอะไรที่นี่?
หลังจากงัดไม้เด็ดไปครั้งที่แล้ว นายนี่เจียมเนื้อเจียมตัวผิดปกติ อีกทั้งเหมือนตัวเขาเองก็ยุ่งมาก หลายวันนี้พวกเขาไม่ได้พูดกันสักคำเลย ส่วนเธอใกล้จะลืมระเบิดลูกใหญ่นี้ไปแล้ว
“ดึกป่านนี้ทำไมคุณยังไม่นอนอีก?” เยี่ยหวั่นหวันถามไปตามประสา
“อืม ในหัวมีแต่เรื่องคุณ นอนไม่หลับ”
เยี่ยหวั่นหวันพูดไม่ออกเลย
“หวั่นหวัน…” ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำลากยาวของชายหนุ่มดังขึ้นมาข้างหู
“หืม? อะไร?” เยี่ยหวั่นหวันได้สติกลับมา
“ดึกป่านนี้เธอยังไม่นอน รอผมอยู่เหรอ?” ชายหนุ่มพูดอย่างสบายอารมณ์ นัยน์แววตามีแสงจันทร์สะท้อนเงาของกิ่งไม้ เหมือนดั่งปีศาจที่เย้ายวนชวนให้ลุ่มหลง
เยี่ยหวั่นหวัน “…!!!”
เพิ่งหยุดพักไม่กี่วันเอง! มาอีกแล้ว!
เห็นว่าเธออายุยืนไปใช่ไหม?
เยี่ยหวั่นหวันรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าไม่สามารถยืดเยื้อแบบนี้ต่อไปแล้ว จำเป็นต้องใช้วิธีที่ลำบากหน่อยมาจัดการ
หลังสูดหายใจลึก เยี่ยหวั่นหวันฝืนตัวเองให้นิ่ง หลังจากนั้น พูดอย่างไม่รีบร้อน “อืม ใช่แล้ว ฉันกำลังรอคุณอยู่!”
นัยน์ตาชายหนุ่มเป็นประกายขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สงสัยไม่อยากจะเชื่อ “จริงหรือ…?”
เยี่ยหวั่นหวันทำหน้าจริงจัง ไร้ร่องรอยของการหลอกลวง “แน่นอนสิ! ฉันรู้ว่าคุณไปทำงาน เลยตั้งใจมาที่นี่รอคุณกลับมาโดยเฉพาะเลย!”
พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าเยี่ยหวั่นหวันเขินอายจนก้มหน้าลง พันนิ้วมืออย่างตื่นเต้น “คือว่า… ซือเซี่ย… ที่จริงแล้ว… ที่จริงแล้วฉันชอบคุณมานานแล้ว…”
ซือเซี่ยสีหน้าตกใจ คงคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอจะมาสารภาพรักแบบนี้ “อะไรนะ?”
ชิ ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าการที่จู่ๆ โดนสารภาพรักนี่น่าสยองขวัญมากแค่ไหน?
เยี่ยหวั่นหวันใช้ความมืดปิดบังแววตา รวบรวมความกล้าหาญ พูดต่อ “ฉัน… ฉันก็ชอบคุณ…”
ระหว่างที่เยี่ยหวั่นหวันพูด เธอก็เดินเข้าไปใกล้เขาด้วยความตื่นเต้น “ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณ ฉันก็ชอบคุณแล้ว แต่ฉันไม่เคยคาดหวังถึงความเป็นไปได้อะไรทั้งสิ้นกับคุณเลย แต่ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉันจะโชคดีขนาดนี้ ได้เป็นเพื่อนนั่งโต๊ะเรียนเดียวกับคุณ แล้วยังมีโอกาสได้ร่วมแสดงเวทีเดียวกับคุณด้วย คุณไม่รู้หรอกว่าฉันดีใจมากขนาดไหน…”
สีหน้าซือเซี่ยยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ “คุณไม่ได้…รักกับซือเยี่ยหานจนตราบชั่วฟ้าดินสลายก็ไม่แยกจากกันอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยหวั่นหวันหลบตายิ้มอย่างขมขื่น “แน่นอนว่าฉันหลอกคุณ…”
เยี่ยหวั่นหวันพูด ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก มองไปทางซือเซี่ย “แต่ฉันคิดไม่ถึงเลย ซือเซี่ยคุณ… คุณจะรู้สึกกับฉัน… คุณ… จริงเหรอ… คุณชอบฉันจริงเหรอ? หรือว่า… แค่จะแกล้งฉัน?”
สายตาที่มั่นใจมาตลอดของซือเซี่ยในที่สุดก็มีความไม่แน่ใจลอยขึ้นมา ลังเลอยู่นานกว่าจะพูดออกมา “สำหรับผมแล้ว… คุณ… พิเศษมาก… ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น… ไม่เพียงแค่เพราะหน้าตาคุณ…”
สายตาเยี่ยหวั่นหวันเป็นประกายทันที เดินพุ่งตรงไปด้านหน้าเขา “งั้น… ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พวกเรามาทำเรื่องที่ใหญ่ที่สุดของชีวิตกันเถอะ!”
“อะไรนะ?” สีหน้าซือเซี่ยเห็นได้ชัดว่าอึ้งไปแล้ว
สายตาเยี่ยหวั่นหวันคึกคักสุดขีด ใบหน้าแดงก่ำ ตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว อาศัยจังหวะที่ซือเซี่ยอึ้งอยู่ ทันใดนั้นก็ออกแรง พุ่งตรงเข้าไปหาเขา…
ในพริบตาทั้งสองคนล้มลงหมุนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆ
“หวั่นหวัน คุณ เดี๋ยวก่อน…”
ซือเซี่ยกำลังจะลุกขึ้น ก็โดนเยี่ยหวั่นหวันออกแรงกดลงไปทันที “ทำไมล่ะ? คุณชอบฉันไม่ใช่เหรอ? ฉันก็ชอบคุณ! ชอบมาก… ชอบมาก… หรือว่าคุณไม่อยากคบกับฉัน?”
ซือเซี่ยถอยกรูดไปด้านหลัง “ไม่ใช่… คุณใจเย็นก่อน…”
“คุณดูสิคืนนี้ทั้งเวลาและบรรยากาศดีมาก พวกเราทำทุกอย่างตามธรรมชาติ!”
เยี่ยหวั่นหวันจะใจเย็นได้ยังไง เอื้อมมือออกไปเริ่มปลดกระดุมเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ทำปากจู๋จะเข้าไปจูบ…
คอเสื้อถูกมือเล็กฉีกออกอย่างวุ่นวาย สายตามองไปยังใบหน้าที่ยิ่งกว่าใช้เอฟเฟกต์ของหนังผียิ่งใกล้เข้ามา วินาทีต่อมาก็จะใกล้ชิดเข้ามาแล้ว
ทันใดนั้น มีแรงมหาศาลดันเธอออกไป ในขณะเดียวกัน ข้างหูก็มีเสียงชายหนุ่มตะคอกขึ้นมา
“ออกไป!”
………………………………………………………….
บทที่ 182 คุณเก่งมากแล้ว
หลังเสียงตะคอก ก็เป็นเสียงเงียบที่วังเวง
ส่วนสีหน้าเยี่ยหวั่นหวันที่แสดงความพิศวาสก็จางหายไป กลับไปเป็นเย็นชาเหมือนเดิม
เยี่ยหวั่นหวันจัดแจงมุมกระโปรงสีขาว ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มองลงไปยังชายหนุ่มที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยใบไม้ ดูอ่อนแรง ใบหน้าเหลือแต่ความโกรธและความตกใจ “คุณชายซือเซี่ย ในที่สุดก็แกล้งต่อไปไม่ไหวแล้ว?”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาทันที สายตาจ้องมาที่เธอดูไม่อยากจะเชื่อ
เยี่ยหวั่นหวันยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องเศร้าใจไป สามารถปฏิบัติกับฉันที่หน้าตาแบบนี้ได้ถึงขั้นนี้ คุณก็เก่งมากแล้ว”
พูดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวั่นหวันหยุดไป รอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นดุดัน “ฉันไม่สนว่าคุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ และไม่สนว่าระหว่างคุณกับซือเยี่ยหานมีเรื่องอะไรกันมาก่อน กรุณาอย่าดึงฉันเข้าไปพัวพัน พี่สาวอย่างฉันไม่มีแรงจะเล่นละครเป็นเพื่อนคุณ! ฟังชัดเจนแล้วใช่ไหม?”
เยี่ยหวั่นหวันพูดจบ ก็หันหลังเดินออกไปเลย
ด้านหลัง ชายหนุ่มเพิ่งจะปัดใบไม้และโคลนออกไปทั้งตัวอย่างอึดอัด คอเสื้อโดนแรงกระชากกระดุมเปิดออกไปหลายเม็ด เป็นสภาพที่โดนย่ำยีอย่างเละเทะมาจริงๆ
หลังเยี่ยหวั่นหวันเดินไป นานมากกว่าชายหนุ่มจะรู้สึกตัวกลับมา กำหมัดแน่นสีหน้าโหดเหี้ยมด่าเสียงเบาออกมา
ลมตอนกลางคืนเย็นมาก เหนือศีรษะคือแสงจันทร์ที่เย็นยะเยือก
ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเลย
ไม่รู้ว่านานเท่าใด ชายหนุ่มค่อยๆ ซุกศีรษะลงไประหว่างเข่าอย่างช้าๆ แผ่นหลังสั่นเล็กน้อย สองมือขูดลงไปบนพื้นหญ้าเป็นรอยลึก “เธอไม่ใช่…”
เสียงของชายหนุ่มยิ่งหม่นหมองมากขึ้น “เธอไม่ใช่พี่สาว…”
หลังจากเงียบไปนาน
ราวกับว่าชายหนุ่มระบายความโกรธทั้งหมดออกมา เสียงที่หม่นหมองก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแออย่างหาใครมาเปรียบไม่ได้ “พี่สาว… พี่สาวไม่มีทางทำแบบนี้กับฉันหรอก…”
………
เช้าวันรุ่งขึ้น
เยี่ยหวั่นหวันโดนเสียงตกใจของเจียงเยียนหรานปลุกให้ตื่น
“อา…“
เห็นเพียงยายนั่นสีหน้าตกอกตกใจพลิกตัวลุกขึ้นมานั่ง แก้มสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
ดูท่าจะสร่างเมาแล้ว นึกออกแล้วว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรไป
“ตื่นแล้ว?” เยี่ยหวั่นหวันหาว
เจียงเยียนหรานมองมาที่เธอ สีหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้แล้ว พูดจาไม่ต่อเนื่อง “หวั่นหวัน… ฉัน… เมื่อคืนฉัน…”
“เมื่อคืนเธอทำไม?” เยี่ยหวั่นหวันทำหน้าไม่รู้เรื่องราวอะไร
“สวรรค์!” เจียงเยียนหรานกุมหน้า “เมื่อ… เมื่อคืนฉันอารมณ์ไม่ดีเลยดื่มเหล้าไปหน่อย… ต่อมาฉันโทรหาเธอหรือเปล่า… เธอบอกว่าให้ฉันรออยู่ตรงนั้น… ให้คนมารับฉัน…”
“ใช่แล้ว! เกิดอะไรขึ้น?”
“ต่อมาฉู่เฟิงก็มา จะส่งฉันกลับหอพัก แต่ไม่รู้ว่าซ่งจื่อหังหาฉันเจอได้ยังไง เข้ามาตื๊อฉันไม่เลิก แล้วยังบอกว่าฉันยังชอบเขาอยู่ บอกว่าฉันใช้ฉู่เฟิงเพื่อแก้แค้นยั่วยุเขา… เขายังทำร้ายฉู่เฟิงบาดเจ็บด้วย…”
“หลังจากนั้นล่ะ?”
ใบหน้าเจียงเยียนหรานยิ่งแดงขึ้นไปอีก “จากนั้นฉันโมโหมาก เพื่อจะตอบโต้คำพูดของซ่งจื่อหัง ฉันเลยจูบฉู่เฟิงต่อหน้าเขา! พระเจ้า… ต่อไปฉันจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว…”
“โอ้ ที่จริงฉันกลับคิดว่าเธอน่าจะดื่มมากกว่านี้อีกหน่อย…”
ไม่รู้ว่าเจียงเยียนหรานได้ยินเสียงพึมพำของเยี่ยหวั่นหวันหรือไม่ พูดอย่างใจสลาย “ฉันไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อฉู่เฟิงเลย ทำไมถึงได้ไปทำเรื่องที่ทำให้เขาเข้าใจผิดแบบนี้นะ! ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เมื่อคืนฉันยังพูดออกไปประมาณว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาคือแฟนของฉัน!”
อื้อหือ พัฒนาได้ราบรื่นยิ่งกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก!
เยี่ยหวั่นหวันยิ้มแล้วพูด “นายนั้นโชคดีเกินไปนะเนี่ย? ฉันจะอิจฉาเขาแล้ว!”
ไม่เพียงแต่มีแรงช่วยของเธอเท่านั้น พระเจ้ายังช่วยเขาด้วย!
เจียงเยียนหรานทำสีหน้าบอกไม่ถูก “หวั่นหวัน เธออย่าล้อเล่นเลย รีบช่วยฉันคิดหาวิธีหน่อย ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไงดี?”
เยี่ยหวั่นหวันตอบโดยไม่ต้องคิดเลย “ง่ายมากเลย บอกเขาไป เธอดื่มมากเกินไป เรื่องที่ทำที่พูดไปเมื่อคืน อย่าถือสาทั้งหมด”
แววตาเจียงเยียนหรานเป็นประกายขึ้นมาทันที “ได้จริงเหรอ?”
เยี่ยหวั่นหวันพยักหน้า “ได้แน่นอนสิ อย่างมากพรุ่งนี้ก็แค่มีศพผู้ชายคนหนึ่งลอยอยู่ในทะเลสาบชิงเหอเอง!”
เจียงเยียนหราน “…”
“หึ…” เยี่ยหวั่นหวันยิ้มเบาๆ “ล้อเธอเล่น ถ้าเธอรังเกียจเขามากจริงๆ ก็รีบไปพูดให้ชัดเจนดีที่สุด!”
เจียงเยียนหรานรีบพูด “ฉันไม่ได้รังเกียจเขา..” ถึงขนาด…
เยี่ยหวั่นหวันก็เข้าใจความรู้สึกเธอตอนนี้ ยังไงก็ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงสิบกว่าขวบเอง จู่ๆ มาเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการพัวพันกันอุตลุด
เยี่ยหวั่นหวันคิด แล้วลุกขึ้นยืน เดินไปด้านหน้าหน้าต่าง เปิดม่านหน้าต่างเสียงดังโครม มองไปที่เจียงเยียนหรานแล้วพูด “เยียนหราน เธอมานี่ มาดูนี่ แล้วค่อยตัดสินใจ”
…………………………………………………………….