แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1837 ฆ่าเขาเถอะ / บทที่ 1838 นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาย
บทที่ 1837 ฆ่าเขาเถอะ
“สวี่อี้ ผมว่าคุณคงจะกลัวพวกฉินรั่วซีมากกว่า คุณแค่ขัดแย้งกับเบื้องบน ไม่กี่วันก็ออกไปได้แล้ว คุณไม่เป็นไร แต่ในใจคุณไม่อยากให้หัวหน้าตระกูลกลับมาเสียเหลือเกิน พอถึงตอนนั้นคุณตบๆ ก้นจากไปก็ไม่มีปัญหา แต่อาจารย์ผมล่ะจะทำยังไง”
สืออีตะคอกเสียงเย็น
“สืออี นายก็แค่ทหารหยาบ มีแค่แขนขาที่พัฒนาแต่สมองกลับว่างเปล่า ไม่เข้าใจเหรอว่าอะไรที่เรียกว่าสถานการณ์ รอให้ฉันได้ออกไปก่อนเถอะ ฉันต้องคิดหาวิธีช่วยคุณหนูหวันหวั่นอยู่แล้ว” สวี่อี้หัวเราะเยาะ
เวลานี้เป่ยโต่วกับชีซิงสบตากัน สองคนนี้เหมือนบัณฑิตเจอทหารจริงๆ แม้มีเหตุผลก็คุยกันไม่รู้เรื่อง
มีอะไรน่าทะเลาะกันนักหนา ก็แค่คุกผุๆ เท่านั้น ถ้าอยากจะออกไปก็ง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
“สืออี นายรู้จักเอริกไหม” หลังผ่านไปนาน เยี่ยหวันหวั่นก็หันไปมองสืออีที่นั่งอยู่ด้านข้างและเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้นสืออีก็พยักหน้า “คุณเอริกเหรอ…คนนี้ผมรู้จัก เป็นผู้สนับสนุนของพวกฉินรั่วซีแล้วก็ซือหมิงหลี่ แต่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ลึกลับมากครับ…อาจารย์คงไม่ได้กลัวเอริกคนนั้นหรอกนะ ผมเชื่อว่าถ้าคุณชายเก้ากลับมากจะต้องจับตัวเขาได้แน่”
“คุณเอริก? ” อีกด้านหนึ่งของคุก เสียงที่ตกใจของสวี่อี้ก็ดังขึ้น “ฝ่ายฉินรั่วซีกับซือหมิงหลี่ยังมีผู้สนับสนุนด้วยเหรอ…ไม่เคยได้ยินมาก่อน…คุณหนูหวันหวั่น นี่มันเรื่องอะไรกัน”
หัวคิ้วของเยี่ยหวันหวั่นขมวดเล็กน้อย ตั้งแต่จับตัวเธอมาที่นี่ ไม่จะเป็นฉินรั่วซีก็ดี หรือคุณเอริกคนนั้นก็ดี ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยปรากฏตัวออกมา…
ภายในคุก สืออีกับสวี่อี้เกิดการโต้เถียงกันหลายครั้ง แต่เยี่ยหวันหวั่นก็คร้านจะสนใจ
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามหลับตาพักผ่อน ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เป่ยโต่วกลับหมดความอดทนทีละน้อย ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมพี่เฟิงถึงไม่ยอมเปิดศึกฆ่าเสียที อยู่ในสถานที่บ้าๆ อย่างนี้ฟังสองคนนี้พ่นน้ำลายใส่กันที่นี่ทำไม
หลังจากผ่านไปราวสองสามชั่วโมง ประตูคุกก็ถูกเปิดออก
“หึ คุณหนูหวันหวั่นตกลงคุณจะบอกหรือเปล่า”
หัวหน้าบอดี้การ์ดลับเดินเข้ามาในคุกและเปิดไฟในคุก ก่อนที่จะจ้องมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าหมดความอดทน
“แกแม่งน่ารำคาญชะมัด นี่ยังไม่ชัดอีกเรอะ” เป่ยโต่วเอ่ย
ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เฟิงไม่ได้ออกคำสั่ง เขาจะพุ่งเข้าไปต่อยเจ้าหัวหน้าตูดหมานี่ที่เดียวจอดไปเลย
“ดี ผมก็อยากจะดูว่าพวกคุณจะปากแข็งได้สักกี่น้ำ!”
สิ้นเสียงของหัวหน้าบอดี้การ์ดลับ บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งก็ก้าวมาด้านหน้ามาด้วยความรวดเร็ว เปิดกรงขังออกและลากตัวสืออีออกมาเป็นคนแรก
“เยี่ยหวันหวั่น ถ้าคุณไม่พูด ผมก็จะฆ่าลูกศิษย์ของคุณ และถ้าคุณยังไม่ยอมพูดอีก ผมก็จะฆ่าทีละคน!” หัวหน้าบอดี้การ์ดลับเผยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม
“นายฆ่าพวกเขาก็ได้แต่อย่าฆ่าพวกเรา” เป่ยโต่วเอ่ย
ชีซิง “…”
เยี่ยหวันหวั่น “…”
ผู้อาวุโสใหญ่ “…”
ผู้อาวุโสสาม “…”
เวลานั้นสมาชิกบอดี้การ์ดลับกลุ่มหนึ่งก็พาพวกเยี่ยหวันหวั่นรวมถึงสวี่อี้เดินออกมาจากคุก
“คุณหนูหวันหวั่น…พวกเขาอยากรู้อะไรกันแน่ครับ” สวี่อี้เดินข้างๆ เยี่ยหวันหวั่น พลางขมวดคิ้วแน่น
“ไม่ต้องห่วง” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเบา
ไม่เปิดโอกาสให้เยี่ยหวันหวั่นพูดอะไรต่อ หัวหน้าบอดี้การ์ดลับก็คว้าลำคอของสืออีมา “เยี่ยหวันหวั่น ถ้าคุณยังไม่พูดอีก ลำคอของลูกศิษย์คุณได้หักแน่”
“อะ…อาจารย์…ชะ…ช่วยผมด้วย…”
เวลานี้สืออีมีสีหน้าตื่นตระหนก ใบหน้าบวมแดง ลมหายใจกระชั้นชิด
ทว่าเยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ตอบสนองใดๆ ผ่านไปชั่วครู่ก็ยกยิ้มเย็นชาพลางเอ่ยว่า “เอาสิ หักคอเขาเลย”
——————————————————-
บทที่ 1838 นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาย
“หักคอสืออีเหรอ?” สวี่อี้มองเยี่ยหวันหวั่นด้วยความตกใจ นี่ไม่เหมือนคำพูดของคุณหนูหวันหวั่นที่เขารู้จักเลยสักนิด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ดวงตาของสืออีก็ปรากฏแววไม่อยากจะเชื่อ และสีหน้าของหัวหน้าบอดี้การ์ดที่กำลำคอของสืออีไว้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ดี นึกไม่ถึงว่า พวกผู้หญิงจะยังเหี้ยมโหดแบบนี้ ไม่สนใจความเป็นตายของลูกศิษย์ตัวเอง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะตัดคอเขา…ต่อหน้าคุณ”
พอหัวหน้าบอดี้การ์ดลับพูดจบก็ชักกริชออกมาจากเอว
“แกจะฆ่าก็รีบฆ่าเถอะ อืดอาดยืดยาดอยู่ทำไม ไม่งั้นให้ฉันช่วยฆ่าไหม” เป่ยโต่วหาวหวอดๆ เหมือนกำลังดูละครลิงยังไงยังงั้น
“ฆ่าสิ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าของสืออีที่ถูกคว้าลำคอก็พลันกลับคืนสู่ปกติ แววแดงนั้นถดถอยไป
“หึ…อาจารย์ คุณออกจะโหดร้ายกับผมไปหน่อยแล้ว หรือว่าชีวิตผมไม่ควรค่ากับข้อมูลของซือเยี่ยหานเหรอ” ภายใต้สายตาของทุกคน สืออีก็จับจ้องไปที่เยี่ยหวันหวั่น มุมปากยกขึ้นน้อยๆ วาดเป็นรอยยิ้มอันน่ากลัว
“สืออี นี่นาย…”
สวี่อี้มองสืออีอย่างไม่อยากเชื่อ ผู้ชายตรงหน้ายังคงเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดลับคนก่อน ลูกศิษย์ที่คุณหนูเยี่ยหวันหวั่นสั่งสอนออกมาเองกับมือที่เขารู้จักหรือเปล่า?
“นายปล่อยได้แล้วละ” ไม่นานสืออีก็เอ่ยกับบอดี้การ์ดลับที่อยู่ตรงหน้า
หัวหน้าบอดี้การ์ดลับมีสีหน้างุนงง นี่มันเรื่องอะไรกัน…คุณหนูฉินรั่วซีบอกว่าสืออีคนนี้คือลูกศิษย์ของเยี่ยหวันหวั่น ต้องใช้ชีวิตของสืออีมาข่มขู่เยี่ยหวันหวั่นให้พูด รวมถึงล่อซือเยี่ยหานออกมาไม่ใช่เหรอ!
“น่าเสียดายนะคะ…คุณเอริก”
ฉินรั่วซีรวมถึงเบื้องบนของตระกูลซือหลายคนเดินช้าๆ มาจากที่ไกล
“คุณเอริก เหมือนจะไม่ได้ผลนะคะ” ฉินรั่วซีมองสืออีและเอ่ยเสียงเรียบ
“คุณเอริกเหรอ”
หัวหน้าบอดี้การ์ดลับที่อยู่ด้านข้างงุนงงหนักกว่าเก่า ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่สืออีหรอกเหรอ หัวหน้าบอดี้การ์ดลับคนก่อนของตระกูลซือ คุณเอริกบ้าอะไรกัน?
“คุณถอยไปด้านข้างเถอะ” ทันใดนั้นเบื้องบนของตระกูลซือคนหนึ่งก็เอ่ยกับหัวหน้าบอดี้การ์ดลับ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวหน้าบอดี้การ์ดลับจึงพยักหน้า แม้ไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาแค่เชื่อฟังคำสั่งก็พอ
“สืออี ตอนแรกฉันคิดว่านายอาศัยความช่วยเหลือจากพวกฉินรั่วซี นึกไม่ถึง…นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่านายคือเอริก” ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นกวาดมองพวกฉินรั่วซีก่อนแล้วจึงมาหยุดบนตัวของสืออี
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเยี่ยหวันหวั่นไม่เคยสงสัยสืออีเพราะสืออีนั้นดูธรรมดาเกินไปจริงๆ ธรรมดาถึงขั้นที่ว่าทำให้คนหลงลืมได้ง่ายๆ …
แต่ใครจะนึกถึงว่า เบื้องหลังของซือหมิงหลี่กับฉินรั่วซี ตั้งแต่ต้นจนจบกลับเป็นสืออี
เขาปกปิดตัวตนของตัวเองและปลอมชื่อเป็นสืออี เข้ามาอยู่ในทีมบอดี้การ์ดลับของตระกูลซือ…จุดประสงค์คืออะไรกันแน่
“หึ…”
สืออีจ้องเยี่ยหวันหวั่น มุมปากยกขึ้นน้อยๆ วาดเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย “อาจารย์ ผมสงสัยมาก ว่าคุณมองผมออกได้ยังไง ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเผยพิรุธอะไรขนาดนั้นเลยนะ”
“นายคิดว่าตัวเองไม่มีพิรุธเลยเหรอ น่าเสียดายที่พิรุธนี้ชัดเจนเกินไป” เยี่ยหวันหวั่นมองสืออี “ตอนที่อยู่ในคุกนายถ่ายทอดความคิดที่ว่าขอแค่ซือเยี่ยหานกลับมา ตระกูลซือก็จะสามารถฟื้นคืนเป็นเหมือนเดิมได้ให้ฉันไม่หยุด ก็เพราะอยากใช้ฉันเป็นเหยี่อล่อซือเยี่ยหาน…ถูกไหม”