แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1983 มองคนที่รูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้สมควรตาย / บทที่ 1984 มีอะไรควรค่าแก่การเป็นของที่รักที่สุด
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1983 มองคนที่รูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้สมควรตาย / บทที่ 1984 มีอะไรควรค่าแก่การเป็นของที่รักที่สุด
บทที่ 1983 มองคนที่รูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้สมควรตาย
เจียงหลีเฮิ่นเหลือบมองเซี่ยเชียนชวน ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น ทำท่าปิดตาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด “เหล่าเซี่ย นายมันโคตรขี้เหร่ ไม่ต้องมาพูดกับฉันแล้ว! ตั้งแต่จือจือหนีไปแล้วเปลี่ยนเป็นนายมาแทน ฉันต้องมาเจอกับหนังหน้าแบบนี้ของนายทุกวัน ฉันแทบจะร่วมมือกับกลุ่มนักเชือดของพวกนายต่อไปไม่ไหวแล้ว! นายดูแลฉันให้ดีเถอะ! ฉันต้องเสียสละเพื่อพันธมิตรของพวกเราแค่ไหน!”
เซี่ยเชียนชวนพูดไม่ออก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนก้นหม้อ
ไม่ว่าจะพูดยังไงใบหน้านี้ของเขาก็หล่อมาก แต่ก็ยังไม่เท่ากับคนอัปมงคลอย่างพี่ชายของเขา กับเบ้าหน้าฟ้าประทานของซือเยี่ยหานที่ดูดีมากเท่านั้นแหละโอเคไหม มันจะกลายเป็นขี้เหร่เกินไปได้ยังไง?
มองคนที่รูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้สมควรตาย! อยากจะเตะมันให้ตายไปเลย!
เจียงหลีเฮิ่นไม่เห็นว่า สีหน้าของเซี่ยเชียนชวนตอนนี้ ดำเหมือนก้นหม้อแล้ว หลังจากพูดจบเขาก็บิดเอวแล้วลุกขึ้นยืนพลางกล่าวว่า “เฮ้อ อยู่กับคนไม่ชอบพูดมากอย่างพวกนายสองคนนี่น่าเบื่อจริงๆ ฉันไปแช่น้ำพุร้อนดีกว่า! บ๊ายบาย”
ก่อนจะเดินจากไป เจียงหลีเฮิ่นยังไม่ลืมที่จะรนหาที่ตาย เขาพยายามจะลองลูบใบหน้าของซือเยี่ยหาน “เฮ้อ อาเยี่ย นายคิดว่า นายหล่อถึงขนาดนี้ ไม่คิดจะแสดงอารมณ์อื่นให้ฉันเห็นบ้างเหรอไง? วันๆ เอาแต่ปั้นหน้าเดิมๆ น่าเบื่อจะตายชัก!”
เจียงหลีเฮิ่นยังไม่ทันสัมผัสโดนหน้าของเขา ก็ถูกปัดมือออกทันที ใบหน้าไร้อารมณ์ของชายหนุ่มเย็นชา ราวกับจะทำให้คนกลายเป็นน้ำแข็งได้ “อยากตายเหรอ?”
“เฮอะ ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่มีสักเรื่อง ที่สามารถทำให้นายเปลี่ยนอารมณ์ได้!” เจียงหลีเฮิ่นสะบัดมือของเขาออกแล้วจากไปอย่างโกรธเคือง
……
ในขณะนี้ เป่ยโต่วรู้สึกช็อคเมื่อพบว่าเจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ด้วย จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็กล่าวว่า “หลังจากนี้จะเป็นเวลาว่าง พวกนายอยากจะทำอะไรก็ตามสบายเลยนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นกล่าวด้วยท่าทางร้อนใจ เพราะอยากจะรีบสลัดพวกเขาออกไปให้พ้น
“ไม่ได้ครับ ที่นี่มีคนร้อยพ่อพันแม่ พวกเราต้องคอยติดตาม คอยคุ้มกันอย่างใกล้ชิด” ชีซิงกล่าวด้วยความไม่เห็นด้วย
“นี่มันงานประชุมที่จัดในคุกคนบาป ใครมันจะกล้ามาก่อเรื่องที่นี่กันละ พวกนายทำใจให้สบายเถอะ ทำเหมือนกับมาพักร้อนไง! เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดทำนิสัยเป็นก้างขวางคอนะ มันไม่ดี!”
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ เธอก็สลัดเป่ยโต่วกับชีซิงทิ้งในทันที ด้วยการเดินไปหยิบบัตรเชิญ และเดินตรงเข้าไปยังวิลล่าน้ำพุร้อน
เป่ยโต่วพูดไม่ออก
ชีซิงก็นิ่งเงียบ
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ประโยคสุดท้ายใช่ไหม?
หลังจากเข้าไปในวิลล่า เยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มเดินดูไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมาย
จะให้ทำยังไงได้ จากระดับขั้นของเธอ คงจะไม่มีวันได้พบกับผู้นำของกองกำลังสวรรค์ชังแน่ๆ ตอนที่ประชุมก็ไม่เหมาะที่จะพูดคุย ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงลองเสี่ยงดวงดูเท่านั้น
ดูเหมือนว่าเยี่ยหวันหวั่นจะมาถึงเร็วเกินไป ตอนนี้ยังไม่มีใครมาเลยสักคน และเธอก็ยังไม่ได้พบใครระหว่างทาง
เมื่อเดินลึกลงไปตามเส้นทางเดิน ก็เห็นควันลอยพวยพุ่งอยู่เบื้องหน้า ดูเหมือนว่าเธอจะเดินมาจนถึงจุดที่แช่น้ำพุร้อนแล้ว
เมื่อเดินข้ามเส้นทางเดินธรรมชาติ เยี่ยหวันหวั่นก็เห็นใครคนหนึ่ง กำลังแช่น้ำพุร้อนอยู่เบื้องหน้าของเธอ
ผู้ชายคนนั้นหันหลังให้เธอ ดังนั้นเธอจึงเห็นแค่แผ่นหลังของเขา
เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ เยี่ยหวันหวั่นจึงเตรียมเดินอ้อม แต่ในขณะที่จะหันหลังกลับ หญิงสาวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเธอจึงหยุดก้าวเดิน
แผ่นหลังของคนผู้นี้…ทำไมถึงคุ้นตาจัง…
ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังจากที่จะสูญเสียความทรงจำ เธอก็ไม่เคยเห็นลูกพี่ใหญ่ของสวรรค์ชังมาก่อน ดังนั้นก่อนที่จะมายังรัฐอิสระเธอได้เปิดดูนิตยสารหลายเล่มเพื่อหาดูรูปภาพของเจียงหลีเฮิ่น
สวรรค์ชังและกลุ่มนักเชือดทั้งสองนี้ โดยเฉพาะสวรรค์ชังนั้น มีชื่อเสียงโด่งดังมาก พวกเขามักปรากฏตัวบ่อยๆ ดังนั้นการที่จะหารูปถ่ายจึงไม่ใช่เรื่องยาก
เธอจำได้ว่า เจียงหลีเฮิ่นมีลอนผมยาวสีน้ำตาลประบ่าที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเขา…
เหมือนกับ…เหมือนกับผู้ชายที่แช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำพุตรงหน้า…
อย่าบอกนะว่า…
เยี่ยหวันหวั่นทดลองเรียกชื่ออย่างไม่มั่นใจ “หัวหน้า…เจียง?”
คนที่แช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อนเบื้องหน้า เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกดังมาจากด้านหลัง ก็ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน และหันกลับมามองทางด้านหลัง
——————————————————————
บทที่ 1984 มีอะไรควรค่าแก่การเป็นของที่รักที่สุด
ชายคนนั้นหันหน้ามาพร้อมกับเสียงน้ำไหลซู่ๆ ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจทันที เพราะเธอจำได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเจียงหลีเฮิ่นจริงๆ
“หัวหน้าเจียง! ยินดีที่ได้พบคุณค่ะ!” เยี่ยหวันหวั่นรีบกล่าวทักทายเขาทันที
“เธอคือ?” ชายหนุ่มหรี่ตา มองประเมินเยี่ยหวันหวั่นจนแทบไม่กะพริบตา
เยี่ยหวันหวั่นกลับหลังหันทันที แล้วให้อีกฝ่ายดูชื่อที่อยู่ข้างหลังของตัวเอง
“โอ้…พันธมิตรอู๋เว่ย…” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นวิธีการแนะนำตัวที่ไม่เหมือนใครของเยี่ยหวันหวั่น “ผู้นำไป๋ ยินดีที่ได้พบคุณครับ! อยากลงมาแช่น้ำด้วยกันไหม?”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ขอร้องละ…ช่วยมีใครสักคนมองเธอเป็นผู้หญิงหน่อยจะได้ไหม?
“หื้ม ไม่ดีกว่าค่ะ จริงๆ แล้วฉันตั้งใจจะมาหาหัวหน้าเจียงโดยตรง เพราะฉันมีเรื่องอยากจะขอร้อง แต่ไม่คิดเลยว่าจะโชคดีขนาดนี้ที่ได้เจอจริงๆ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวตรงประเด็น
“โอ้?” เจียงหลี่เฮิ่นเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่น ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม พลางกล่าวว่า “จริงๆ แล้ว ในเหตุการณ์ปกติ ถ้ามีใครมารบกวนตอนที่ฉันกำลังแช่ในบ่อน้ำพุร้อน ตอนนี้คงจะตายไปแล้ว…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว คนที่อยู่เบื้องหน้าคงไม่ใช่คนที่ควรจะมีเรื่องด้วย…
“แต่ก็นะ…” เจียงหลี่เฮิ่นกวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมาหยุดที่ใบหน้าของเธอ “แต่ด้วยหน้าตาของเธอแล้ว ฉันสามารถให้เวลาเธอสามนาทีนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งอึ้ง
เธอควรจะรู้สึกเป็นเกียรติใช่ไหม?
เจียงหลีเฮิ่นปีนขึ้นมาพาดตัวอยู่บนขอบบ่อน้ำพุร้อน แววตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย พร้อมกับพูดต่อว่า “ถ้าเธอยอมแต่งตัวเป็นผู้หญิง ไปสวมกระโปรงแล้วค่อยกลับมาหาฉัน บางทีฉันอาจจะให้เวลาเธอห้านาที!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ยังมีคำพูดแบบนี้ด้วยเหรอ?
เจียงหลีเฮิ่นกล่าวต่อไป “โอ้ และถ้าเธอยอมปล่อยผมยาวด้วยละก็ ฉันจะเพิ่มเวลาให้อีกหนึ่งนาที…”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
ฉันขอขอบพระคุณคุณเป็นอย่างยิ่ง…
ในตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกจิตใจเบิกบาน ดังนั้นเจียงหลีเฮิ่นคนนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่เพื่อนร่วมโลกแล้ว แต่เป็นคนสมควรตายแทน…เป็นพวกมองคนแค่รูปลักษณ์ภายนอกเหรอ?
เธอแค่เคยได้ยินมาว่านายคนนี้มีรสนิยมแย่มากๆ และชอบแกล้งคน ไม่ยักรู้ว่ายังเป็นพวกมองคนแค่รูปลักษณ์ภายนอกด้วย?
ไม่คิดเลยว่าเบ้าหน้าของเธอจะใช้ประโยชน์ได้ นี่ถือเป็นรางวัลที่คาดไม่ถึงอีกด้วย
“เหอะๆ สามนาทีก็พอแล้วค่ะ!” เยี่ยหวันหวั่นสงบสติอารมณ์และรีบเอ่ยตอบ
เจียงหลีเฮิ่นได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเศร้าพลางกล่าว “งั้นก็ได้ ไหนลองว่ามาซิ”
เยี่ยหวันหวั่นรีบบอกถึงความตั้งใจของเธออย่างรวดเร็ว “ฉันอยากได้ป้ายโรงเรียนทหารรับจ้างชื่อเยี่ยน หัวหน้าเจียงคุณเสนอราคามาได้เลยค่ะ!”
เจียงหลีเฮิ่นตกละลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “สาวน้อยเอ๋ย เธอกล้าเป็นราชสีห์อ้าปากกว้าง[1] จริงๆ! เธอรู้ไหมว่าของสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ฉันรักมากที่สุด ชอบมากที่สุด และเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของฉัน?”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าของสิ่งนั้นมีอะไรควรค่าแก่การเป็นของที่รักที่สุด…
เจียงหลีเฮิ่นลูบไล้ผมเปียกชื้นที่ปรกหน้าผากพลางกล่าว “เหอะๆ ทุกครั้งที่มองเห็นของนั่น มันทำให้ฉันนึกถึงท่าที่ไอ้แก่คนนั้นที่โกรธจนดิ้นเร่าๆ มัน…โคตรสนุกเลยไม่ใช่เหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
ไอ้แก่คนนั้นคงจะหมายถึงผู้อำนวยการของโรงเรียนชื่อเยี่ยนล่ะมั้ง?
นายคนนี้รสนิยมแย่จริงๆ ด้วย ข่าวลือพวกนี้เป็นความจริงทุกประการ!
“งั้น…ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมยกป้ายโรงเรียนให้ฉัน ตราบเท่าที่ฉันทำได้นะ” เยี่ยหวันหวั่นยังอยากขอพยายามต่อไป
เจียงหลีเฮิ่นลองไตร่ตรองและครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยว่า “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ซะทีเดียวนะ นอกเสียจากว่าเธอจะมีอะไรสนุกๆ ให้ฉันดู!”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด เธอจะทำเรื่องอะไรสนุกๆ อะไรให้เขาดูได้งั้นเหรอ?
“หัวหน้าเจียงบอกมาเลยค่ะว่าเรื่องสนุกๆ ที่ว่าคืออะไร?” เยี่ยหวันหวั่นลองถามด้วยความไม่แน่ใจ
…………………………………
[1] ราชสีห์อ้าปากกว้าง เป็นการอุปมา หมายถึงการขอราคาสูงหรือเสนอเงื่อนไขที่สูงมาก ใช้เพื่ออธิบายคนโลภมาก