แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2001 ออกฤทธิ์แล้วเหรอ / บทที่ 2002 จับตัวนายของอาชูร่ามาให้ฉัน
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2001 ออกฤทธิ์แล้วเหรอ / บทที่ 2002 จับตัวนายของอาชูร่ามาให้ฉัน
บทที่ 2001 ออกฤทธิ์แล้วเหรอ
ในขณะเดียวกัน ในบ้านพักฝั่งตะวันออก
พระจันทร์ส่องสว่างอยู่เหนือศีรษะ ใต้ร่มเงาไม้ บนโต๊ะสนามขนาดเล็กตัวหนึ่งมีอาหารเรียบง่ายจัดวางไว้ไม่กี่จาน อาหารเย็นชืดไปนานแล้ว ทว่าไม่ถูกแตะต้องเลย
ชายหนุ่มเพิ่งอาบน้ำเสร็จ สวมชุดนอนตัวโคร่งค่อยๆ นั่งลงข้างโต๊ะ สายตาเหม่อมองออกไปไกล เป็นกังวลเล็กน้อย ราวกับข้ามผ่านกาลเวลาหลุดลอยเข้าไปในห้วงความทรงจำเมื่อนานแสนนาน…
บนกำแพงที่มีตะไคร่น้ำเกาะ หญิงสาวชุดสีแดงดั่งเพลิงบุกรุกเข้ามาในโลกของเขาอย่างก้าวร้าว…
‘อะไรนะ คุณบอกว่าไม่มีใครชอบคุณงั้นเหรอ บังเอิญจริงๆ ฉันชื่อไม่มีใครพอดี!’
‘ไม่เหมาะสมงั้นเหรอ ไม่มีตัวตนสักหน่อย! จับคู่กับเจ๊สิ!’
‘หือ ให้ฉันยืมของหน่อยได้ไหม ขอฉันยืมสักจูบสิ รับประกันว่าจะใช้คืนคุณแน่!’
….
“พี่เก้า…พี่เก้า…พี่เก้า”
จนกระทั่งเสียงของหลินเชวียแว่วขึ้นข้างหู สีหน้าเลื่อนลอยอยู่ในภวังค์ของชายหนุ่มก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นมานับพันปี “มีอะไร”
“พี่เก้า พี่คิดอะไรอยู่ เรียกตั้งนานพี่ไม่ตอบเลย!” หลินเชวียบ่นอุบ จากนั้นก็เอ่ยว่า “ผมจัดการแล้วนะ ให้คนไปสืบหาเบาะแสของคนที่หายตัวไปพวกนั้นแล้ว!”
ซือเยี่ยหานตอบรับ “อืม”
หลินเชวียถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม เขาก็รู้อยู่แล้ว งานที่เยี่ยหวันหวั่นรับช่วงต่อมา พี่เก้าไม่มีทางเมินเฉยแน่นอน
“ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ต้องรายงานพี่…” หลินเชวียเตรียมจะรายงานเรื่องราวต่อ แต่บังเอิญว่าแสงมุมหักเหส่องกระทบลงบนร่างของซือเยี่ยหาน จากนั้นเขาก็ตื่นตระหนกแล้ว “เวรแล้วพี่เก้า! เนื้อตัวพี่เป็นอะไรไป”
“อะไรนะ” ซือเยี่ยหานมองหลินเชวียด้วยสีหน้างุนงง
หลินเชวียจ้องมองบริเวณคอเสื้อที่เปิดโล่งของซือเยี่ยหานด้วยสีหน้าตกตะลึง บนผิวหนังใต้ลำคอเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงที่แผ่ขยายยุบยับเหมือนใยแมงมุม
ซือเยี่ยหานมองตามสายตาของหลินเชวีย จึงมองเห็นเส้นเลือดบนผิวหนังเช่นกัน หลังจากใช้นิ้วเรียวยาวแก้เสื้อนอนออก ฉากที่ปรากฏก็ยิ่งน่าตกตะลึงกว่าเดิม
ทั่วทั้งร่างกายเขาล้วนเต็มไปด้วยเส้นเลือด ตั้งแต่คอไล่ลงจนถึงไหปลาร้า หน้าอก ท้องน้อย ลามไปจนถึงส่วนที่มองไม่เห็น…
“แม่งเอ๊ย นี่มันอะไรกัน พี่เก้า พี่ถูกพิษเหรอ” หลินเชวียตื่นตระหนกไม่น้อย
ซือเยี่ยหานมองเส้นเลือดบนร่างกายอย่างสงบนิ่ง ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เป็นกู่พิศวาส”
ใบหน้าของหลินเชวียเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “กู่พิศวาส?! กู่พิศวาสออกฤทธิ์แล้วงั้นเหรอ ไม่ใช่ว่ายังเหลือเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะออกฤทธิ์หรอกเหรอ เส้นเลือดพวกนี้หมายความว่ายังไงกัน”
ซือเยี่ยหานนิ่งเงียบ
ความหมายของเส้นเลือดน่ะเหรอ…
ยิ่งคนที่มีใจเสน่หาต่อผู้โดนวางกู่มีความรู้สึกลึกล้ำ มีความภักดี มีความปรารถนามากเท่าไร ปฏิกิริยาของเส้นเลือดก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ…
หลังจากหลินเชวียสงบใจลงบ้างแล้วก็ค้นพบความผิดปกติอีกครั้ง “เอ๊ะ ไม่ถูกสิ ไม่ใช่บอกว่ายัยเยี่ยหวันหวั่นคนนั้นมียาถอนพิษหรอกเหรอ ฉันก็นึกว่าแก้พิษได้แล้วซะอีก อยู่ดีๆ ทำไมถึงกำเริบขึ้นมาได้ล่ะ”
เมื่อซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้น ดวงตาก็ฉายแววจนปัญญาอย่างไม่ปรากฏง่ายๆ แวบหนึ่ง
ชัดเจนมาก เธอไม่ได้กินยาถอนพิษ
….
ในบ้านพักฝั่งตะวันตก เวลานี้ร่างกายของเยี่ยหวันหวั่นผิดปกติไปหมด ไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจเนี่ยอู๋หมิงแล้ว จึงยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา ดื่มชาสมุนไพรที่มีอยู่เต็มแก้ว หลังจากดื่มลงไปแล้วในใจก็ยังคงร้อนผ่าว อาการไม่ทุเลาลงเลยสักนิด
เยี่ยหวันหวั่นวางถ้วยชาลงบนโต๊ะเสียงดัง ‘ปึก’ แล้วเอ่ยว่า “อะไรกันเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ รู้สึกเหมือนจะวิญญาณจะหลุดออกจากร่างเลย…”
อาการของเธอในตอนนี้หนักหนารุนแรงจนดวงวิญญาณอยากจะหลุดพ้นออกจากการควบคุมของตัวเอง ทะยานออกไปด้านนอกด้วยตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าสรุปแล้วอยากจะบินไปไหนกันแน่
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันคิดว่า…ฉันต้องดื่มเหล้าสงบใจสักหน่อยแล้ว”
‘เพล้ง’ ‘เพล้ง’ ‘เพล้ง’
ขวดเหล้าบนโต๊ะถูกผู้อาวุโสใหญ่ใช้กำลังภายในผลักให้กระเด็นออกไปจนหมด…
——————————————————————
บทที่ 2002 จับตัวนายของอาชูร่ามาให้ฉัน
ในเวลานี้เอง เป่ยโต่วพลันอุทานออกมา คล้ายจะพบอะไรเข้า
“แย่แล้ว! พี่เฟิง พี่…เกิดอะไรขึ้นกับคอของพี่น่ะ!”
“คอของฉันเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นก้มมองลำคอของตัวเองตามสัญชาตญาณ มองเห็นว่าช่วงลำคอเหนือคอเสื้อของเธอ จู่ๆ ก็ปรากฏเส้นสายสีแดงยุบยับเนืองแน่นขึ้นมาเส้นแล้วเส้นเล่าดูราวกับใยแมงมุม
“อ๊า นี่มันอะไรกันเนี่ย” ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความตกใจ
เป่ยโต่วเบิกตามองอยู่นาน “พี่เฟิง พี่แอบไปสักลับหลังพวกเราตั้งแต่เมื่อไรกัน”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยความโกรธ “สักกับหัวนายสิ!”
ชีซิงรีบคว้ามือเยี่ยหวันหวั่นขึ้นมา ถลกแขนเสื้อของเธอขึ้นไป จึงเห็นว่าบนแขนของเยี่ยหวันหวั่นก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงเช่นกัน และเส้นเลือดพวกนั้นก็แผ่ขยายออกไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าราวกับมีชีวิต
ผ่านไปครู่เดียว บนหลังมือของเยี่ยหวันหวั่นก็เริ่มปรากฏร่องรอยแล้ว…
“หรือจะถูกพิษเข้าแล้ว” ชีซิงมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่พบเห็นได้ยาก
ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามก็รีบขยับเข้ามาใกล้แล้ว “ไม่เคยได้ยินว่ามีพิษไหนที่ออกฤทธิ์แบบนี้เลยนะ”
ขณะที่ชาวคณะโหวกเหวกหารือกันอยู่ เนี่ยอู๋หมิงที่กำลังสวาปามก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เวรแล้ว แย่แล้ว น้องสาว กู่พิศวาสออกฤทธิ์แล้ว!”
คำพูดของเนี่ยอู๋หมิงประหนึ่งสาดน้ำเดือดลงในหม้อน้ำมัน
ชีซิงตกใจจนหน้าถอดสีแล้ว “นายว่ายังไงนะ”
เป่ยโต่วก็ตะลึงงันไป “หา กู่พิศวาสออกฤทธิ์งั้นเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นตาค้างอ้าปากหวอมองไปที่เนี่ยอู๋หมิงแล้วเอ่ยว่า “ตามกำหนดแล้วไม่ใช่ว่ายังเหลือเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะออกฤทธิ์หรอกเหรอ”
เนี่ยอู๋หมิงกัดน่องไก่อย่างห่อเหี่ยว “นี่…เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ!”
เยี่ยหวันหวั่นตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยวแทบจะฟาดมือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดลงบนหน้าเขาแล้ว “กู่พิศวาสนี่เป็นของที่พวกพี่ทำขึ้นไม่ใช่เหรอ แล้วพี่จะไม่แน่ใจได้ยังไง?!”
เนี่ยอู๋หมิงตีหน้าไร้เดียงสา “เป็นของเจ้าคนตายต่างหาก ไม่ใช่ของฉัน อย่างมากฉันก็เป็นแค่พ่อค้าคนกลางนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก พ่อค้าคนกลางกับปู่นายสิ!
ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นแค่โดนกู่สองใจเป็นหนึ่ง ขอแค่ภายในระยะสิบสองชั่วโมง ไปหาคนที่ตัวเองชอบแล้วอยู่ด้วยกันซะก็สามารถถอนกู่ได้แล้ว แต่ความซวยก็คือ กู่สองใจเป็นหนึ่งนี้ได้ผันแปร กลายเป็นราชันกู่พิศวาสแห่งกู่เรียบร้อยแล้ว
ขอบเขตเวลาสามเดือนนี้พวกเขาอ้างอิงมาจากคนที่เคยโดนกู่ชนิดนี้มาก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัจจัยหนึ่งเนื่องจากกู่นี้ที่เยี่ยหวันหวั่นโดนเกิดการผันแปรขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย อีกปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะหมอที่สร้างกู่ชนิดนี้ขึ้นไม่ใช่คนเดียวกัน อีกทั้งร่างกายของผู้ที่โดนวางกู่ก็มีคุณลักษณะแตกต่างกัน ล้วนแต่สามารถก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาได้
การจะศึกษาค้นคว้ากู่พิศวาสให้สำเร็จนั้นยากเกินไป คนที่โดนวางกู่ชนิดนี้จึงมีน้อยมาก และคนที่จะเข้าใจถึงอาการของมันอย่างชัดเจนก็มีน้อยมากเช่นกัน
เป่ยโต่วเอ่ยด้วยสีหน้าสับสน “งั้นตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ! ทางฝั่งชิวสุ่ยก็ยังหายาถอนไม่เจอ! เธอบอกว่าจะไปขอให้จี้หวงช่วย แต่ตอนนี้จี้หวงก็หายตัวไปด้วยเหมือนกัน!”
เยี่ยหวันหวั่นเวียนหัวตาลายแล้ว สมองหนักอึ้งเหมือนถ่วงตะกั่วไว้ ระดับความร้อนในร่างกายแทบจะเผาเธอให้ตายได้แล้ว จึงตะคอกออกไปด้วยความโมโห “อย่ามัวแต่พูดไร้สาระเลย พวกนายมีเชือกไหม”
เป่ยโต่วรีบเอ่ยอย่างคล้อยตาม “ใช่ๆๆ เชือก เหล่าชี รีบไปเอาเชือกมามัดพี่เฟิงไว้เร็ว อย่าปล่อยให้เธอพุ่งออกไปทำเรื่องหยาบคายอะไรต่อนายแห่งอาชูร่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบได้!”
เยี่ยหวันหวั่นสูดหายหายใจแล้วยกเท้าถีบเป่ยโต่วทีหนึ่ง “ฉันจะให้พวกนายไปจับตัวนายของอาชูร่ามาให้ฉันต่างหาก!”
เป่ยโต่ว ชีซิง ผู้อาวุโสใหญ่และพวกผู้อาวุโสสามที่เหลือล้วนตะลึงงันกันไปแล้ว
เนี่ยอู๋หมิงยกนิ้วโป้งให้พร้อมกล่าวว่า “สมแล้วที่เป็นน้องสาวของฉัน!”
…………………………………………………