แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2007 อยากได้มัน หรืออยากได้ฉัน / บทที่ 2008 พรุ่งนี้จะเอาผู้นำของพวกนายมาส่งคืนให้แล้วกัน
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2007 อยากได้มัน หรืออยากได้ฉัน / บทที่ 2008 พรุ่งนี้จะเอาผู้นำของพวกนายมาส่งคืนให้แล้วกัน
บทที่ 2007 อยากได้มัน หรืออยากได้ฉัน
หญิงสาวอ้าแขนรอเขาราวกับนกน้อยสยายปีก ดวงตาเต็มไปด้วยความอยากอิงแอบพึ่งพา เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็เพียงพอที่จะพังทลายกำแพงทั้งหมดของเขาได้แล้ว
วินาทีต่อมา ชายหนุ่มค่อยๆ ยื่นแขนออกไป โอบประคองสาวน้อยเข้าสู่อ้อมแขนอย่างแผ่วเบา…
เนื่องจากรัศมีของอีกฝ่ายข่มขวัญคนเกินไป ดังนั้นชาวพันธมิตรอู๋เว่ยต่างก็ลืมที่จะขัดขวาง ได้แต่เบิกตามองฉากที่เกิดขึ้นนี้…
ขอถามที...เกิดอะไรขึ้นกันแน่
นี่คือกระบวนยุทธ์โจมตีที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ใช่ไหม
ทันทีที่เข้าสู่อ้อมแขน เยี่ยหวันหวั่นเสมือนเรือลำน้อยกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ที่ในที่สุดก็ได้พบท่าเทียบแล้ว พลันซุกซบอย่างว่าง่าย
กลิ่นอายของหญิงสาวหลั่งไหลเข้าโอบล้อมตัวเอง ผสมผสานเข้ากับกลิ่นอายของเขา ม่านตาของซือเยี่ยหานจึงหดตัวลงเล็กน้อยแทบจะในทันที
ความจริงแล้ว ช่วงที่พิษกู่ออกฤทธิ์ มากสุดเขาก็แค่รู้สึกว่าคิดถึงเธอมากว่าปกติเท่านั้น
นอกจากนี้ก็ไม่มีความแตกต่างกันมากเท่าไร มีแค่เส้นสายสีแดงบนร่างกายเท่านั้นที่บ่งบอกถึงปฏิกิริยาที่แท้จริงของเขา
บางทีอาจเป็นเพราะว่า ต่อให้เป็นช่วงเวลาที่พิษกู่ไม่ออกฤทธิ์ เขาก็ต้องการเธอมากอยู่แล้ว…
ซือเยี่ยหานมองสาวน้อยในอ้อมแขน แล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความจนปัญญา จากนั้นก็ค่อยๆ โน้มตัวลง ใช้แขนช้อนข้อพับเข่าของหญิงสาว คิดจะอุ้มเธอขึ้นมา
ผลคือ ไม่ขยับเลยสักนิด
หนักเกินไปแล้ว!
ซือเยี่ยหานมองก้อนหินที่อยู่ในมือของหญิงสาว หางตามีร่องรอยความหัวเสียอยู่เล็กน้อย “ปล่อยมือ”
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ส่ายหน้าไปตามสติที่หลงเหลืออยู่ “ไม่ได้ๆ นี่เป็นสมบัติน้อยอันล้ำค่าของฉัน มีค่ามีราคา ปล่อยไม่ได้…”
ซือเยี่ยหานเงียบไป
ในเวลานี้ สายตาของชีซิง เป่ยโต่ว ชาวพันธมิตรอู๋เว่ยและเนี่ยอู๋หมิงรวมไปถึงหลินเชวียที่อยู่ด้านหลังล้วนมองไปที่ร่างของซือเยี่ยหานและเยี่ยหวันหวั่นทั้งสองคนอย่างทึ่มทื่อไปแล้ว
ซือเยี่ยหานเงียบไปหนึ่งวินาที จากนั้นถึงได้เอ่ยด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “เธออยากได้มัน หรือว่าอยากได้ฉัน เลือกมาสักอย่าง”
‘ตุบ’ เยี่ยหวันหวั่นโยนศิลาจารึกทิ้งอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แล้วกอดเอวซือเยี่ยหานเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว
“แย่แล้ว…” การกระทำของเยี่ยหวันหวั่นที่โยนศิลาจารึกทิ้งรวดเร็วเกินไปแล้ว ทุกคนที่อยู่รอบข้างไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองเลยด้วยซ้ำ มีเพียงเป่ยโต่วที่พุ่งตัวออกไป รับศิลาจารึกไว้ได้อย่างหวุดหวิด
การที่ได้เห็นเยี่ยหวันหวั่นโยน ‘สมบัติน้อย’ ‘ของล้ำค่า’ ทิ้งอย่างไม่ไยดี ทำให้ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความจนปัญญา
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงเหมือนโดนฟ้าผ่ายิ่งกว่านั้นคือการกระทำและคำพูดในเวลานี้ของนายแห่งอาชูร่าที่ทำให้ทุกคนเหลือเชื่อ…
ชีซิงคิดอยู่นานว่าจะพูดอะไรดี มองฉากเหตุการณ์ตรงหน้า ก็ตกตะลึงจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร คนอื่นๆ ก็เป็นแบบเดียวกัน
ตอนนี้ในสถานที่เกิดเหตุตกอยู่ในความเงียบที่วังเวงและแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง
เพียงแต่ในช่วงเวลานี้เอง ผู้นำของพวกเขาคงคิดว่าโลกทัศน์ของพวกเขายังพังทลายและแหลกละเอียดไม่มากพอ ขณะที่ซุกซบนายแห่งอาชูร่าอยู่นั้น ก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยเว้าวอนว่า “อยากได้…อยากได้จุ๊บๆ…จุ๊บฉันหน่อย…”
เป่ยโต่ว ชีซิง ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสสาม ตลอดจนสมาชิกระดับสูงอีกหลายคนของพันธมิตรอู๋เว่ยล้วนตาค้างกันไปหมดแล้ว
อมิตาภพุทธ...
ทันใดนั้น สายตานับไม่ถ้วนต่างก็จับจ้องไปที่นายแห่งอาชูร่าแล้ว รอคอยอยู่ว่าหากนายแห่งอาชูร่าเริ่มก่อปัญหาขึ้นเมื่อไร จะเข้าไปยื้อแย่งชีวิตผู้นำของพวกเขากลับมาจากปากเสือทันที!
ภายใต้สายตาที่จ้องเขม็งมากมายรอบข้าง ก็ทำให้ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วนิดๆ แล้ว
ปฏิกิริยาทางร่างกายของเยี่ยหวันหวั่นยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ลมหายใจหอบถี่ ภายในร่างกายราวกับน้ำที่ถูกต้มจนเดือด ทั้งร่างกายและจิตใจหลงเหลืออยู่เพียงเรื่องเดียวคือ อยากจะจูบคนที่อยู่ตรงหน้า อยากจะโอบกอดคนตรงหน้าเท่านั้น…
———————————————————————
บทที่ 2008 พรุ่งนี้จะเอาผู้นำของพวกนายมาส่งคืนให้แล้วกัน
เยี่ยหวันหวั่นร้องขออย่างไม่พอใจ “เอาจุ๊บๆ มาสิ…”
เวลานี้ ทั้งสายตาทั้งหัวใจของหญิงสาวหลงเหลือเพียงตัวเองเท่านั้น นัยน์ตาใสกระจ่างของเธอก็มีแค่ตัวเองเช่นกัน
ฉากนี้เป็นภาพที่งดงามเจริญตาที่สุดเท่าที่เขาเคยมีในชีวิตนี้…
ดวงตาอันเยือกเย็นของซือเยี่ยหานค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ในที่สุดก็คลายเกราะป้องกันทั้งหมดแล้ว คล้ายจะยอมประนีประนอม…ค่อยๆ โน้มตัวลงไป ประทับจุมพิตลงบนหน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาและระมัดระวัง
วินาทีต่อมา เกิดเสียงดัง ‘ตุบ’ ศิลาจารึกหลุดร่วงจากมือของเป่ยโต่ว หล่นลงพื้นจนเกิดเสียงดังหนักแน่น
โชคดีที่ศิลาจารึกมีคุณภาพดีเยี่ยมจึงไม่พังเสียหาย
คนอื่นๆ จ่างก็อ้าปากค้างจนคางแทบจรดพื้นแล้ว ตกใจจนขวัญกระเจิง!
พวกเขาคงจะบ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้วใช่ไหม!
นายแห่งอาชูร่า…จูบ..จูบผู้นำของพวกเขา!!!
เป็นนายแห่งอาชูร่าที่เริ่มจูบเอง ไม่ใช่ผู้นำของพวกเขาบังคับให้จูบด้วย
จากนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่พอใจกับจุมพิตที่ประทับลงบนหน้าผากเป็นอย่างยิ่ง จึงยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองอย่างแง่งอน แล้วเอ่ยด้วยความไม่พอใจว่า “ทำลวกๆ นี่นา…เอาใหม่…”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำครหาของหญิงสาว ซือเยี่ยหานจึงกระแอมไอแล้วตอบไปว่า “รออีกสักเดี๋ยว ดีไหม”
ในช่วงเวลานี้ ชาวพันธมิตรอู๋เว่ยล้วนแข็งทื่อเป็นรูปปั้นไปหมดแล้ว ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
พวกเขาเป็นใคร…พวกเขาอยู่ที่ไหน…
หลังจากกล่อมหญิงสาวให้สงบลงแล้ว ซือเยี่ยหานจึงแบ่งความสนใจเล็กน้อยไปให้ชาวพันธมิตรอู๋เว่ยรอบข้างที่โลกทัศน์พังทลายยับเยินไปแล้วหลายต่อหลายรอบ กวาดมองพวกเขาด้วยแววตาเฉยเมย จากนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “วันพรุ่งนี้จะเอาผู้นำของพวกนายมาส่งคืนให้พวกนายก็แล้วกัน”
บรรดาลูกน้องของตัวเองยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เยี่ยหวันหวั่นก็ชิงพูดขึ้นมาทันทีว่า “ไม่ต้องคืน ไม่ต้องคืนแล้ว!”
ชาวพันธมิตรอู๋เว่ยแตกตื่นอีกครั้ง!!!
ผู้นำครับ แบบนี้ไม่ได้นะ!
เมื่อไม่มีศิลาจารึกก้อนใหญ่นั้นอยู่แล้ว ครั้งนี้ ในที่สุดซือเยี่ยหานก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว แตะหน้าผากที่ร้อนผ่าวของหญิงสาวดู แล้วจึงรีบสาวเท้าก้าวออกไปจากบ้านพักไปเลย
จวบจนเงาร่างของคนทั้งสองหายลับไปแล้ว ชาวพันธมิตรอู๋เว่ยจึงได้สติกลับคืนมา
“แย่แล้ว! ผู้นำ…”
“พี่เฟิง!!!”
ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเขาถูกพาตัวไปแล้วงั้นเหรอ?!
นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุดเมื่อทุกคนได้สติกลับคืนมาต่างก็มองหน้ากันเหลอหลา วุ่นวายกันไปหมด เวลานี้เอง หลินเชวียที่ยังไม่ได้จากไปก็พลันก้าวออกมา กระแอมไอเบาๆ ครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนั้น ทุกท่านสามารถกลับกันไปก่อนได้เลย ส่วนผู้นำของพวกคุณ พรุ่งนี้พวกเราจะพาไปส่งคืนด้วยตัวเอง”
เวรเอ้ย หนีไปแบบนี้เลยเหรอ ทิ้งเขาไว้คอยเก็บกวาดปัญหาอีกแล้วนะ
“แต่ว่า กู่พิษในร่างของผู้นำ…” ไม่รู้ว่าเป็นใครที่เปล่งเสียงอ่อยๆ ออกมา
หลินเชวียตอบกลับไปว่า “นับจากพรุ่งนี้ไปกู่พิษในตัวผู้นำของพวกคุณจะไม่เป็นอันตรายอีกแล้ว”
พรุ่งนี้จะไม่เป็นอันตรายแล้วงั้นเหรอ นี่…หมายความว่ายังไงกัน?
คงไม่ใช่แบบที่พวกเขาเข้าใจหรอกนะ?
ผู้นำของพวกเขา…กับ…นายแห่งอาชูร่า…หรือว่า…?
ทันทีที่ข้อสันนิษฐานนี้ผุดขึ้นมาก็ทำให้ทุกคนตกใจจนหนังหัวชาหนึบแล้ว…
ณ เวลานี้ ในสมองของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยภาพที่นายแห่งอาชูร่าโอ๋เอาใจให้ท้ายผู้นำของตัวเองเมื่อครู่นี้ ทุกคนยังคงจมจ่อมอยู่กับความตกตะลึงและโลกทัศน์ที่พังทลายยับเยินไปแล้ว…
….
เยี่ยหวันหวั่นถูกอุ้มขึ้นมาบนรถยนต์สีดำคันหนึ่ง รถยนต์ค่อยๆ เคลื่อนไปสู่ทิศทางที่ไม่รู้จัก
เธอไม่รู้ว่ารถคันนี้จะขับไปที่ไหน ขอเพียงได้อยู่ข้างกายคนคนนี้ ก็สบายใจอย่างยิ่งแล้ว วิญญาณที่แทบจะหลุดลอยออกไป ได้หวนกลับเข้าร่างแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดรถก็จอดลงหน้าอาคารที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง
เยี่ยหวันหวั่นมองทิวทัศน์ตรงหน้าด้วยความงุนงง และพบว่าที่นี่คืออาคารร้างที่อยู่ด้านหลังสำนักงานใหญ่อาชูร่า
………………………………………..