แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2151 พี่คือฮีโร่ของฉัน / บทที่ 2152 นี่ใช่ประเด็นรึไง
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2151 พี่คือฮีโร่ของฉัน / บทที่ 2152 นี่ใช่ประเด็นรึไง
บทที่ 2151 พี่คือฮีโร่ของฉัน
ตอนนี้ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นซีดเทาเหมือนคนตาย ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างมองหญิงสาว แต่ไม่รู้ว่าควรจะปลอบยังไงดี
“คุณเก้า ฉันอยากไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายฉัน”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เยี่ยหวันหวั่นก็เอ่ยกับซือเยี่ยหาน
“ได้” ซือเยี่ยหานคล้ายอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา จะพูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น สุดท้ายจึงทำได้แค่ลูบหัวหญิงสาว
หลังจากได้รับความเห็นชอบจากหมอแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็เข้าไปในห้องผู้ป่วยตามลำพัง
เวลานี้ เนี่ยอู๋หมิงนอนอย่างเดียวดายอยู่บนเตียงผู้ป่วย ครอบเครื่องช่วยหายใจไว้ที่ปากและจมูก แน่นิ่งไม่ไหวติง บนใบหน้าไม่มีร่องรอยความเจ็บปวดทรมานเลย เหมือนแค่หลับไปเท่านั้น แลดูสงบมาก
“พี่…”
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปหยุดข้างเตียงผู้ป่วย จับสองมือของเนี่ยอู๋หมิงไว้แน่น
“พี่ พี่ลุกขึ้นมาสิ…พี่ชอบหาเงิน ชอบทำธุรกิจไม่ใช่เหรอ…ถ้าพี่ฟื้นขึ้นมา การค้าของตระกูลเนี่ย…และพันธมิตรอู๋เว่ยฉันจะยกให้พี่หมดเลย ยังมีอีกนะ ฉันจะคุยกับคุณเก้า ให้เขายกสัมปทานการค้าทั้งหมดให้พี่ทำ ดีไหม”
เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองเนี่ยอู๋หมิงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ดวงตาเปียกชื้นขึ้นมาในทันใด
เยี่ยหวันหวั่นเขย่าแขนของเนี่ยอู๋หมิง เธอไม่อยากเสียเขาไป นี่เป็นเรื่องเจ็บปวดที่ไม่อาจยอมรับได้ในชีวิตนี้
ภายในสมองผุดความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ในอดีตที่เกี่ยวข้องกับเนี่ยอู๋หมิงขึ้นมา
ถึงแม้เยี่ยหวันหวั่นจะออกจากบ้านตระกูลเนี่ยไปตั้งแต่ยังเล็ก ใช้ชีวิตอยู่กับคุณตา แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ ทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเนี่ยอู๋หมิง ล้วนเป็นสิ่งล้ำค่าและอยากทะนุถนอมเอาไว้เป็นพิเศษ
“พี่ พี่ยังจำได้ไหม ตอนยังเด็กๆ…ฉันถูกคนอื่นแกล้ง พี่หยิบก้อนอิฐไปไล่ทุบหัวชาวบ้าน…หลายครั้งเลย…”
ภายในห้องผู้ป่วย เยี่ยหวันหวั่นเดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็น้ำตาไหล
นอกห้องผู้ป่วย ซือเยี่ยหานคอยอยู่เงียบๆ
….
“พี่ พี่รู้ไหม ครั้งนี้…พี่ก็ปกป้องฉันไว้อีกแล้ว ถึงพี่จะหมดสติไปแล้ว แต่ก็ยังยืนหยัดจะปกป้องน้องสาวไร้ประโยชน์อย่างฉันคนนี้…พี่ ไม่ว่าคนอื่นจะมองพี่ยังไง พี่ก็เป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจฉันเสมอ…”
“พี่…ลุกขึ้นมาเถอะนะ…เมื่อก่อนพี่บอกเอาไว้ว่า ขอแค่ฉันตั้งรับพี่ได้สามกระบวนท่า พี่ก็จะยอมตอบรับทุกคำขอของฉันไม่ว่าจะสมเหตุสมผลหรือไม่ก็ตามไม่ใช่เหรอ…ตอนนี้ฉันสามารถตั้งรับพี่ได้สามกระบวนท่าแน่ๆ ที่จริงแล้วรับได้มากกว่านั้นด้วย…พี่อย่าขี้โกงสิ พี่ต้องฟื้นขึ้นมาทำตามที่รับปากไว้นะ…ขอร้องละพี่…”
เยี่ยหวันหวั่นกุมสองมือของเนี่ยอู๋หมิงไว้ จับแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าถ้าคลายมือออกแม้แต่นิดเดียวก็จะจับพี่ชายคนนี้ไว้ไม่ได้ และจะไม่ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตเธออีกต่อไปแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นอยู่ในห้องผู้ป่วย ไม่ยอมห่างไปเลยสักนิด อยู่เป็นเพื่อนเนี่ยอู๋หมิงทั้งคืน
ส่วนนอกห้องผู้ป่วย ซือเยี่ยหานก็ไม่ยอมห่างไปเลยเหมือนกัน เฝ้าอยู่ตลอดค่ำคืนที่จะยากจะผ่านพ้นไปได้เช่นนี้
….
รุ่งอรุณวันใหม่ แสงสว่างของดวงตะวันลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ส่องกระทบลงในห้องผู้ป่วย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เยี่ยหวันหวั่นค่อยๆ ลืมตาขึ้น พลางควานหาสองมือของเนี่ยอู๋หมิงไปตามสัญชาตญาณ “พี่…พี่อย่า…”
พูดยังไม่ทันจบ เยี่ยหวันหวั่นกลับพบว่า บนเตียงผู้ป่วยว่างเปล่าไร้ตัวคนนานแล้ว
ความตื่นตระหนกสังหรณ์ใจไม่ดีเข้าครอบคลุมหัวใจของเยี่ยหวันหวั่นในชั่วพริบตา
เยี่ยหวันหวั่นลุกพรวดขึ้นมาแทบจะในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตระหนก ทำท่าจะวิ่งออกไปนอกห้องผู้ป่วย
ทว่า เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะลุกขึ้นมา กลับพบว่า บนโต๊ะเล็กข้างหน้าต่าง เนี่ยอู๋หมิงในชุดผู้ป่วย นั่งไขว่ห้างแทะแอปเปิ้ลในมือที่ยังกินไม่หมดอยู่
เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองเนี่ยอู๋หมิง จากนั้นก็ตะลึงงันอยู่นาน ในสมองขาวโพลนไปในชั่วพริบตา
เนี่ยอู๋หมิงหันไปมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้างุนงง จากนั้นสองพี่น้องก็สบตากัน
“กินไหม”
เห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไรเลย เนี่ยอู๋หมิงจึงยื่นแอปเปิ้ลที่กัดไปแล้วครึ่งลูกให้เยี่ยหวันหวั่น
สายตาของเยี่ยหวันหวั่นค่อยๆ เคลื่อนไปยังแอปเปิลที่เนี่ยอู๋หมิงยื่นให้ แล้วรับแอปเปิลมาตามสัญชาตญาณ
—————————————————————————————
บทที่ 2152 นี่ใช่ประเด็นรึไง
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นรับแอปเปิลไปแล้ว เนี่ยอู๋หมิงก็เช็ดปาก แล้วหยิบสาลี่ในจานขึ้นมากัดต่อ
“น้องสาว…ฉันจะบอกแกเลยนะ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ทำไมมีแต่ผลไม้หมดเลยล่ะ…” เนี่ยอู๋หมิงเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่นด้วยความคับข้องใจ
เยี่ยหวันหวั่นวางแอปเปิลไว้ด้านข้างอย่างรวดเร็ว มองเนี่ยอู๋หมิงแล้วเอ่ยว่า “พี่…รอเดี๋ยวนะ สมองฉันสับสนนิดหน่อย…แปบหนึ่งนะ…พี่ไม่เป็นไรเลยเหรอ”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าของเนี่ยอู๋หมิงก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ “ใครบอกว่าไม่เป็นไร ย่ามันเถอะ ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันไม่มีตรงไหนที่ไม่เจ็บเลย ครั้งนี้เกือบโดนไอ้หมาป่าตาขาวพวกนั้นเล่นถึงตายแล้ว ลงมือโหดเหี้ยมกันจริงๆ…”
เจ็บไปทั้งตัว เกือบถูกคนเล่นงานถึงตายแล้วงั้นเหรอ
นี่ใช่ประเด็นรึไง?!
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เขาดื่มสาลี่ต้มน้ำตาลใส่ยาพิษเข้าไปรึไง!
“หมอ…พี่ พี่อย่าขยับนะ ฉันจะไปตามหมอมา!”
เยี่ยหวันหวั่นหันหลังหมายจะวิ่งออกไป
พอเนี่ยอู๋หมิงเห็นก็ดึงเยี่ยหวันหวั่นไว้ “ยังจะไปตามหมออีกเหรอ จะเรียกหมอมาทำอะไรล่ะ ก็แค่ถูกคนซ้อมยกหนึ่งเท่านั้น ใช่เรื่องใหญ่ที่ไหนกัน แกดูตัวแกสิ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แถมยังพาฉันมาส่งโรงพยาบาลอีก เข้าโรงพยาบาลไม่ใช้เงินรึไง อย่าหาว่าพี่ว่าแกเลยนะ แกนี่ฟุ่มเฟือยเงินทองเกินไปแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นตะลึงงันอยู่ที่เดิม นี่ไม่ใช่อาการกระฉับกระเฉงก่อนตายแน่นอน พี่ชายคนนี้ของตัวเอง กระปรี้กระเปร่ามีกำลังวังชา ท่าทางเหมือนคนถูกพิษซะที่ไหน
“เฮ้อ ถ้าไม่ใช่เพราะแกถ่วงแข้งถ่วงขาฉัน ฉันจะถูกอัดจนน่าสมเพชแบบนั้นได้ยังไง ค่าหมอค่ายาแกเป็นคนจ่ายเลยนะ ยังมีค่าบำรุงพักฟื้นอะไรพวกนั้นอีก แกก็ต้องเป็นคนจ่ายเหมือนกัน” หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เนี่ยอู๋หมิงก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมา
เยี่ยหวันหวั่นทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ…
“พี่ถูกพิษร้ายแรงไม่ใช่เหรอ?!” ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ถูกพิษร้ายแรงเหรอ พิษอะไรกัน” เนี่ยอู๋หมิงถาม
“ก็พิษผีเสื้อโรยราไง พิษที่ทำให้ตายแน่นอน!” เยี่ยหวันหวั่นรีบเล่าออกมา หรือว่าเนี่ยอู๋หมิงจะความจำเสื่อมไปแล้วเหรอ
“อ้อ ฉันนึกออกแล้ว แกพูดถึงไอ้ของเล่นนั่นน่ะเหรอ!” เนี่ยอู๋หมิงทำปากยื่น “ในร่างผู้เฒ่าอย่างฉันมีพญากู่ที่กินพิษทุกอย่างได้ พี่ชายแกน่ะหมื่นพิษไม่กล้ำกราย ผีเสื้อโรยราอะไรนั่น หรือจะเสือดาวแห้งเหี่ยวอะไรฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น”
“กู่เหรอ…”
พอเนี่ยอู๋หมิงพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็ตบหน้าผากทีหนึ่ง ตัวเองลืมไปได้ยังไงนะว่าข้างกายของเนี่ยอู๋หมิงมีเจ้าคนตายอยู่!
ถึงเยี่ยหวันหวั่นจะไม่รู้ว่าเป็นพญากู่อะไรที่ร้ายกาจได้ขนาดนี้ สามารถทำให้คนมีภูมิคุ้มกันจากพิษได้ แต่พอเห็นว่าหลังจากเนี่ยอู๋หมิงถูกพิษผีเสื้อโรยราแล้ว ยังคึกคักกระฉับกระเฉงได้ขนาดนี้นั่นจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดไปแน่นอน
ต้องบอกเลยว่า เจ้าคนตายที่เป็นคนสนิทของเนี่ยอู๋หมิงคนนั้น เป็นคนมีความสามารถจริงๆ…กู่เสน่หาที่ตัวเองโดนในตอนนั้น ก็เป็นผลงานของเขาเหมือนกัน
เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยอู๋หมิง คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออกเลยสักประโยค
จากนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็สาวเท้าออกไปครึ่งก้าว แล้วสวมกอดเนี่ยอู๋หมิงเบาๆ
“เป็นอะไร” เนี่ยอู๋หมิงเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง
“พี่…ขอแค่พี่ไม่เป็นไร…ก็ดีแล้ว…ดีแล้วละ…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยเสียงแผ่ว บนใบหน้าฉาบรอยยิ้มบางๆ ไว้
“เวรเอ้ย แกกลายเป็นคนทำตัวเลี่ยนๆ ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันตั้งรับไม่ทัน…ไม่ชินเอาซะเลย” เนี่ยอู๋หมิงพูดออกมา
เยี่ยหวันหวั่นปล่อยมือจากเนี่ยอู๋หมิงทันที แล้วเอ่ยเสียงเย็น “ในเมื่อพี่ไม่ได้ถูกพิษ แล้วเมื่อวานพี่ให้ฉันหนีทำไม!”
พอได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น เนี่ยอู๋หมิงก็ผงะไปแวบหนึ่ง แล้วตอบด้วยสีหน้าแปลกพิกล “แกพล่ามเหลวไหลอะไรอยู่ คนเยอะขนาดนั้นมาตามฆ่า ถ้าไม่หนีแล้วจะอยู่ให้ถูกพวกเขาย่างกินเหรอไง”
“งั้นพี่จะกุมท้องทำไม” เยี่ยหวันหวั่นถามอีก
“ก็ปวดท้องน่ะสิ” เนี่ยอู๋หมิงตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน
—————————————————————————————