แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2219 ใช่สวะหมาไหม / บทที่ 2220 ผมนับถือ
บทที่ 2219 ใช่สวะหมาไหม
เยี่ยหวันหวั่นจ้องชายชุดดำตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
พลังของชายชุดดำคนนี้ ลึกเกินหยั่งรู้ได้ มีแค่อี้สุ่ยหานที่รับมือไหว
อย่างไรก็ตาม อี้สุ่ยหานก็เป็นคนของสายหลักเหมือนกัน
เวลานี้ ชายชุดดำใส่แหวนลงในกระเป๋าเสื้อ ไม่เหลียวมองเยี่ยหวันหวั่นเลยสักแวบก็ไปจากที่นี่แล้ว
….
หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ผู้อาวุโสสามก็สลัดเชือกที่มัดอยู่บนร่างของตัวเองได้แล้ว หลังจากช่วยแก้มัดให้กับเป่ยโต่ว ทั้งสองก็พุ่งลงมาที่คุกใต้ดินเลย
“พี่เฟิง พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?!”
เป่ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่นที่ถูกมัดไว้ด้านข้าง พลางเอ่ยถามด้วยความร้อนรน
“อย่ามัวแต่พล่าม! รีบมาแก้มัดให้ฉัน!” เยี่ยหวันหวั่นบอก
ระหว่างที่พูด ผู้อาวุโสสามก็เข้าถึงตัวเยี่ยหวันหวั่นแล้ว และช่วยแก้มัดให้เธอ
“เวรเอ้ย พี่เฟิง เกิดอะไรขึ้น นี่คือสมาชิกจากสายหลักคนนั้นไม่ใช่เหรอ” เป่ยโต่วมองศพที่ปลายเท้า และอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง
“ผู้นำครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ครับ คนชุดดำคนนั้นล่ะครับ” ผู้อาวุโสสามมองสำรวจรอบข้างอย่างระแวดระวัง
“เขาไปแล้ว คนของสายหลักคนนี้ก็เป็นคนชุดดำที่ฆ่า” เยี่ยหวันหวั่นอธิบายอย่างคร่าวๆ รอบหนึ่ง
เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสสามและเป่ยโต่วก็สบตากัน ชายชุดดำคนนั้น ใจคอโหดเหี้ยมจริงๆ คนกันเองก็ยังฆ่าได้…
“ไม่คิดเลยว่าในสายหลักจะยังมีคนแบบนี้อยู่…น่ากลัวเหลือเกิน” ผู้อาวุโสสามอดไม่ได้ที่จะผวาอยู่บ้าง
หากว่าวันนี้ชายชุดดำคนนั้นเห็นด้วย เกรงว่าพวกเขาทั้งหมดคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
“ก็ใช่น่ะสิ คิดไม่ถึงเลย แม้แต่พี่เฟิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา…” เป่ยโต่วผงกหัวรัวๆ
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นได้อ้าปากพูด เป่ยโต่วก็คล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้อีกครั้ง จึงเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ “พี่เฟิง ไม่ถูกสิ ทำไมคนของสายหลักถึงรู้ว่าวันนี้พวกเราจะกลับมาที่พันธมิตรอู๋เว่ยล่ะ…หรือว่า จะมีไส้ศึก?!”
พอสิ้นเสียงของเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นก็ปรายตามองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง “ไส้ศึกกับตูดสิ”
“อ่า หมายความว่ายังไงเหรอ” เป่ยโต่วสีหน้ามึนงง
“พวกเราจัดวางหูตาไว้ในละแวกสาขาย่อยสองสามแห่งของสายหลัก แล้วสายหลักจะจัดวางหูตาไม่เป็นรึไง นายนึกว่าทุกคนจะเป็นอย่างนายงั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
เป่ยโต่วเงียบไปแล้ว
“ผู้นำครับ ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสสามก็มองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยถาม
“จัดการที่นี่ให้หมดจด แล้วกลับกัน” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
….
ประมาณช่วงเย็น พวกเยี่ยหวันหวั่นกลับไปถึงสำนักงานเดธโรสอีกครั้ง
หลังจากพวกผู้อาวุโสใหญ่ทราบเรื่องแล้ว ก็รีบไปที่ห้องทำงานทันที
“เป็นไปไม่ได้น่า…”
ผู้อาวุโสใหญ่นั่งอยู่ด้านข้าง เอ่ยขึ้นอย่างใช้ความคิด “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสายหลักมียอดฝีมือระดับนี้อยู่ด้วย แม้แต่ผู้นำก็รับมือคนคนนี้ได้แค่ไม่กี่กระบวนท่า…น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“ใช่แค่น่ากลัวเกินไปซะที่ไหนล่ะ นั่นน่ะน่าหวาดหวั่นเลยต่างหาก!” เป่ยโต่วคึกคักขึ้นมาทันที และเล่าต่อไปว่า “พวกนายไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ คนชุดดำจากสายหลักคนนั้น เดี๋ยวเตะเดี๋ยวต่อย ฉันกับผู้อาวุโสสามถูกซัดจนหมอบกองบนพื้น ไม่มีแม้แต่โอกาสได้ตอบโต้เลย มีแค่พี่เฟิงที่ยังพอต้านได้ไม่กี่กระบวนท่า”
“พวกนายว่า ชายชุดดำคนนั้น จะใช่…สวะหมาไหม”
จู่ๆ ผู้อาวุโสสองที่เงียบมาโดยตลอดก็เปิดปากพูดขึ้นมา
ฟู่หมิงซีพยักหน้า “ปู่ของผมวิเคราะห์ถูกแน่”
เยี่ยหวันหวั่นใช้ความคิด ว่ากันตามหลักเหตุผลทั่วไป น่าจะไม่ใช่อี้สุ่ยหานหรอก
ด้วยนิสัยของอี้สุ่ยหาน ถ้าคิดจะทำอะไรจริงๆ ไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ และอีกอย่าง เป้าหมายของอี้สุ่ยหาน มีแค่โค่นล้มตระกูลเก่าแก่อย่างสายรองมาโดยตลอด
—————————————————————————————
บทที่ 2220 ผมนับถือ
ตามหลักการทั่วไปแล้ว น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับอี้สุ่ยหานมากนัก
อย่างไรก็ตาม…
เยี่ยหวันหวั่นก็ยังไม่มั่นใจว่า กระบวนท่าของคนชุดดำคนนั้น ค่อนข้างคล้ายกับอี้สุ่ยหานจริงหรือไม่
“ยังไงก็ตาม น่าจะไม่ใช่สวะหมาหรอก ถึงยังไง สวะหมาก็เป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเก่าแก่เท่านั้นนี่!” หลังจากเป่ยโต่วเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นมา
“ก็ไม่แน่” ชีซิงส่ายหน้า “สวะหมาเป็นอาจารย์ของนายน้อย หากมีความเกี่ยวข้องกันแบบนี้ คนชุดดำไม่ฆ่าพวกนาย ก็เป็นเรื่องที่อธิบายได้”
พอสิ้นเสียงของชีซิง ทุกคนในห้องต่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
ฉากหน้าสวะหมามีความแค้นกับตระกูลเก่าแก่สายรองเท่านั้น แต่ฉากหลัง เรื่องราวจะเป็นยังไง ก็ไม่มีใครรู้
เยี่ยหวันหวั่นนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน พลางใช้ความคิด
เอาจริงๆ แล้ว เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของอี้สุ่ยหาน น่าจะเป็นตระกูลเก่าแก่สายรองพวกนั้น
เพียงแต่ เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ตระกูลเก่าแก่สายรองก็ยังไม่ถูกอี้สุ่ยหานล้มล้าง
ต่อให้อี้สุ่ยหานแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็มีแค่ตัวคนเดียว ส่วนตระกูลสายรองมียอดฝีมือมากมายดั่งเมฆา อำนาจยิ่งใหญ่ อาศัยแค่ตัวเขา และคิดจะล้มล้างตระกูลเก่าแก่ทั้งหมด น่าจะเกินจริงไป…
แต่ถ้าอี้สุ่ยหานรู้ความลับของเดธโรส และรู้ว่าแหวนวงนั้นของตัวเองคือตัวแทนอำนาจสูงสุดของเดธโรส…แบบนั้น อี้สุ่ยหานจะต้องการแหวนวงนี้ เพื่อที่จะกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของเดธโรส และอาศัยพลังอำนาจของเดธโรส เข่นฆ่าล้างบางตระกูลเก่าแก่ทั้งหมดในรัฐอิสระในคราวเดียวไหม
แน่นอน สำหรับตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ได้แต่วิเคราะห์เท่านั้น สุดท้ายแล้วคนชุดดำกับอี้สุ่ยหานจะเกี่ยวข้องกันไหม เป็นคนคนเดียวกันหรือไม่ ก็ยังไม่อาจตัดสินได้
“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เรื่องนี้ ต้องเก็บเงียบเอาไว้ก่อน”
ผ่านไปพักใหญ่ เยี่ยหวันหวั่นกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในห้องทำงาน จากนั้นก็เอ่ยขึ้น
“พี่เฟิง ต้องไม่พูดออกไปอยู่แล้ว ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยผู้ยิ่งใหญ่ ถูกคนชุดดำที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่งอัด ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปละก็ ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน…ไม่สิ พันธมิตรอู๋เว่ยจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน วันหน้า พวกเราจะยืนอยู่ในรัฐอิสระได้ยังไง ขายขี้หน้าเกินไปแล้ว!” เป่ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วพูดออกไป
เยี่ยหวันหวั่นปรายตามองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง ปากสุนัขของไอ้หมอนี่ไม่มีทางงอกงาช้างออกมาได้สินะ
ที่ไม่ให้พวกเขาพูดออกไป ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องขายหน้าไม่ขายหน้าเลย
หากว่าปล่อยให้คนอื่นรู้ว่า สายหลักยังมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ จะต้องสั่นคลอนขวัญกำลังใจแน่ และกลุ่มอำนาจที่เข้าร่วมกับสายรองพวกนั้นจะคิดยังไงล่ะ
อีกอย่าง ยอดฝีมือของสายหลัก วิ่งมาหาผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยที่พันธมิตรอู๋เว่ย เพื่อจะชิงสิ่งของ แล้วสิ่งที่ชิงไปคืออะไรกันแน่ สรุปแล้วชิงไปได้ไหม จะต้องมีคนคาดเดากันไปมากมายแน่ ในช่วงเวลานี้ ไม่มีผลดีอะไรต่อสายรองเลย
ดังนั้น เรื่องแบบนี้ จะให้หลุดออกไปไม่ได้เด็ดขาด การปิดกั้นข่าวสารไว้ จึงเป็นวิธีที่เหมาะที่สุด
“ความคิดของผู้นำผมเข้าใจครับ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี่ในวันนี้ จะเก็บข่าวไว้ ไม่แพร่งพรายออกไปครับ” ผู้อาวุโสใหญ่มองเยี่ยหวันหวั่นแวบเดียว ก็เข้าใจความคิดของเยี่ยหวันหวั่นได้ในทันที
“ฮ่าๆ ต้องบอกเลยว่า ท่านผู้นำอายุน้อย แต่ความคิดเฉียบขาดลุ่มลึก ผมเลื่อมใสอย่างหมดใจเลย นับถือๆ!” ผู้อาวุโสสามเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
พอได้ยินคำพูดนี้ของผู้อาวุโสสาม เยี่ยหวันหวั่นจึงมองไปที่ผู้อาวุโสสาม “ฉันเชื่อว่าผู้อาวุโสใหญ่เข้าใจว่าฉันคิดอะไรอยู่…ผู้อาวุโสสาม นายมั่นใจนะว่านายก็รู้น่ะ”
“ผมต้องเข้าใจแน่อยู่แล้วครับ เรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่รู้ ผมจะไม่รู้ได้ยังไง!” ผู้อาวุโสสามรีบพูด
เยี่ยหวันหวั่นจึงเอ่ยถาม “งั้น…ฉันคิดว่ายังไง”
ผู้อาวุโสสามเงียบไปครู่หนึ่ง
—————————————————————————————