แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2261 พ่อพึ่งพาบารมีลูก! / บทที่ 2262 รอฉันกลับมาแล้ว พวกเราก็แต่งงานกันเถอะ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2261 พ่อพึ่งพาบารมีลูก! / บทที่ 2262 รอฉันกลับมาแล้ว พวกเราก็แต่งงานกันเถอะ
บทที่ 2261 พ่อพึ่งพาบารมีลูก!
ชายชราร้องเฮอะทีหนึ่ง “ผิดพลาดตรงไหนกัน ตาจะไม่รู้จักนิสัยหลานได้ยังไง”
“ผิดสิคะ ปกติแล้ว คำพูดเมื่อกี้นี้คุณตาควรไปถามผู้ชายที่จะมาเอาตัวหลานสาวของคุณตาไปสิถึงจะถูก…” เยี่ยหวันหวั่นบ่นอุบอิบด้วยความไม่พอใจ
ชายชรากล่าวสั้นๆ ว่า “หลานก็รู้เหรอว่านั่นคือสถานกรณ์ปกติ”
เยี่ยหวันหวั่นไม่คิดจะพูดอะไรอีกแล้ว
หลังจากถอนหายใจยาวๆ อย่างยอมรับชะตากรรม เยี่ยหวันหวั่นก็กอดแขนซือเยี่ยหานไว้ แล้วเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มละไม “รับผิดชอบสิคะ รับผิดชอบแน่นอน จะไม่รับผิดชอบได้ยังไง! ต้องแต่งแน่อยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน ค่อยว่ากันเรื่องต่อเรื่องเถอะค่ะ ไม่งั้นหนูคงจัดงานแต่งงานไปตั้งนานแล้ว!”
พอได้ยินคำพูดของหญิงสาว หัวใจของซือเยี่ยหานก็ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน
พอผู้เป็นตาได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าถึงได้อ่อนลงเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่รู้ว่าหวนนึกถึงอะไรขึ้นมา ดูเหมือนจะเหม่อลอยอยู่บ้าง
ถ้าปีนั้นเขาไม่หัวรั้นจนเกินไป หมกมุ่นอยู่กับการขัดขวางการแต่งงานของลูกสาว และสุดท้ายก็ออกมาจากตระกูลเนี่ย บางทีเรื่องต่างๆ อาจจะไม่มาจนถึงขั้นนี้…
ตอนนี้สำหรับเขา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของครอบครัวอีกแล้ว
“แต่ว่า คุณตาค่ะ ตอนนี้มีปัญหาใหญ่อยู่ข้อหนึ่งค่ะ ทางพ่อแม่ของหนู เขาไม่ถูกใจคุณเก้านิดหน่อย ไม่เห็นด้วยที่พวกเราจะอยู่ด้วยกัน
คุณตาก็รู้นี่คะ คุณเก้าเป็นผู้นำของอาชูร่า เป็นหนึ่งในแกนนำหลักของคุกคนบาป ดังนั้นพ่อแม่หนูเลยรู้สึกว่าชื่อเสียงของเขาไม่ค่อยดี รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนดี คิดว่าเขาจะรังแกหนู อันที่จริงไม่ใช่แบบนั้นเลยนะคะ นั่นเป็นแค่ข่าวลือภายนอกทั้งนั้น…
เพราะงั้น พอถึงเวลาอาจต้องขอให้ผู้อาวุโสอย่างคุณตาช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อแม่หนูทีนะคะ!” เยี่ยหวันหวั่นถือโอกาสเอ่ยขอร้องด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย
ตอนนี้เรื่องทางแม่ของคุณเก้าที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาอีก เธอกลัวว่าพ่อแม่จะไม่เห็นด้วยกว่าเดิม
ชายชรามองหลานสาวตัวเองแวบหนึ่ง เอ่ยเรียบๆ ว่า “พูดเหมือนชื่อเสียงของหลานดีนักนี่ ชื่อเสียงของหลาน ยิ่งกว่าเจ้าเก้าซะอีก! พวกเขาเอาอะไรมารังเกียจคนอื่น”
เยี่ยหวันพูดไม่ออกเลย
เฮอะๆ เป็นคุณตาแท้ๆ จริงๆ ใช่ไหม…
ซือเยี่ยหานที่อยู่ด้านข้างลูบหัวหญิงสาวที่หูตกแล้ว “คุณตาครับ อู๋โยวเป็นคนที่ดีมาก เป็นผมเองที่ไม่คู่ควรกับเธอ ผมพอจะเข้าใจความกังวลของคุณลุงคุณป้าครับ”
เยี่ยหวันหวั่นอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง รู้สึกตื้นตันและตกตะลึงไปพร้อมๆ กัน ทักษะการเจรจาของซือเยี่ยหานพัฒนาขึ้นแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าชายชราพอใจซือเยี่ยหานมาก ต่อมา ในที่สุดน่าจะตระหนักได้แล้วว่าหลานสาวของตัวเองโตเป็นสาวแล้วจึงกระแอมไอเบาๆ มองซือเยี่ยหานแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเก้า ฉันอยากเตือนเธอไว้สักประโยค ในเมื่อฉันยกหลานสาวให้เธอแล้ว จะปล่อยให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะใคร หรือเรื่องอะไรก็ตาม เธอเข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม”
ซือเยี่ยหานเข้าใจดีว่าคุณตาห่วงเรื่องอะไร “เข้าใจครับ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
หลังจากคุยกับจบ หนูน้อยถังถังก็เสนอตัวขออยู่เป็นเพื่อนคุณตาทวดอย่างมีน้ำใจ
เมื่อเดินพ้นจากห้องแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นก็ทนไม่ไหวจึงจับจ้องซือเยี่ยหานแล้วเอ่ยถามขึ้นทันที “โถ่เอ้ย! ซือเยี่ยหาน! คุณทำอะไรกันแน่ ทำไมคุณตาของฉันถึงชอบคุณขนาดนี้ ถึงกับมาอบรมหลานสาวแท้ๆ อย่างฉันยกหนึ่งด้วย!”
ซือเยี่ยหานตอบด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง “ใช่เหรอ”
เยี่ยหวันเอ่ยอย่างโกรธๆ “ก็ใช่น่ะสิ คุณรู้ไหมว่าคุณตาของฉันมีท่าทีแบบไหนกับพ่อของฉัน พอเอามาเทียบกับท่าทีที่มีกับคุณแล้ว คุณจะได้รู้ว่าอะไรคือไม่มีการเปรียบเทียบไม่เกิดอันตราย
ถ้าพ่อฉันรู้ว่าคุณตาดีกับคุณขนาดนี้ คิดว่าคงโมโหตายแน่! น่าแปลก! ทำไมคุณตาฉันถึงถูกชะตากับคุณขนาดนี้กันนะ”
ซือเยี่ยหานตอบเรียบๆ “คงจะเป็น…พ่อพึ่งพาบารมีลูกน่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นมองซือเยี่ยหานพูดคำว่า ‘พ่อพึ่งพาบารมีลูก’ ออกมา ก็แทบจะสำลักแล้ว
พ่อพึ่งพาบารมีลูกอะไรกัน!
—————————————————————————————
บทที่ 2262 รอฉันกลับมาแล้ว พวกเราก็แต่งงานกันเถอะ
ซือเยี่ยหานมองออกไปไกลๆ พลางพูดอย่างใจลอยเล็กน้อย “หวันหวั่น อีกไม่นานสภาตุลาการจะจัดประชุมสมัชชาประจำปี ฉันต้องไปที่เมืองเทียนสุ่ยสักระยะ”
การประชุมสมัชชาประจำปี สภาตุลาการจะจัดการกับวาระสำคัญบางส่วน รวมถึงยื่นเสนอปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎเกณฑ์ของสิบสองเขตรัฐอิสระ
เยี่ยหวันหวั่นฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ประชุมงั้นเหรอ…”
การประชุมสมัชชาตุลาการของสภาตุลาการ อินเยวี่ยหรงต้องอยู่ด้วยแน่นอน อีกทั้งอินเยวี่ยหรงแม่ของซือเยี่ยหานก็เป็นคนเมืองเทียนสุ่ยด้วย
เยี่ยหวันหวั่นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นกังวลอยู่บ้าง
ถึงแม้จะไม่รู้จักอินเยวี่ยหรงเท่าไร แต่ว่า มองจากความหวาดระแวงที่ซือเยี่ยหานมีต่อแม่ของเขาแล้ว ก็รู้ว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ประกอบคำพูดประโยคนั้นของอินเยวี่ยหรงที่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนที่จะจากไป ค่อนข้างทำให้คนขนลุกอยู่บ้างจริงๆ
ซือเยี่ยหานชะงักไปเล็กน้อย ประกายความประหม่าที่สะกดข่มไว้คล้ายจะวาบผ่านเข้ามาแวบหนึ่ง ทว่าสีหน้ากลับดูเฉยเมยอย่างที่เป็นมา เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบยิ่ง “รอฉันกลับมาแล้ว พวกเราแต่งงานกันเถอะ”
เยี่ยหวันหวั่นที่กำลังเหม่อลอยไปไกลพอได้ยินประโยคนี้ ก็เงยหน้าขึ้นทันที จากนั้นก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ได้! ได้เลย!”
เมื่อเห็นดวงตาที่ส่องประกายของหญิงสาว หัวใจของซือเยี่ยหานจึงกลับมาอยู่ที่เดิม มุมปากที่เคร่งเกร็งก็ยกขึ้นเป็นองศาที่ชวนให้คนใจสั่นอย่างมาก จากนั้นก็รั้งตัวหญิงสาวเข้าสู่อ้อมแขน แล้วประทับจุมพิตลงตรงมุมปากของหญิงสาว…
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตา ยากจะเข้าใจปฏิกิริยาของซือเยี่ยหานได้ “ที่รัก ทำไมคุณต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย ฉันรับปากคุณแบบนี้แล้วยังไม่มั่นใจอีกเหรอ!”
เวลานี้เอง จู่ๆ เสียงของหลินเชวียก็แว่วมาจากทางด้านหลังของคนทั้งสอง “อะแฮ่ม…ขอรบกวนหน่อย…ตรงนี้ยังมีคนอยู่…”
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองหลินเชวียแวบหนึ่ง จากนั้นก็ร้อง “โอ๊ะ” ทีหนึ่ง “ฉันรู้หรอกน่า นายตัวใหญ่ซะขนาดนี้ ฉันจะไม่เห็นได้ยังไง!”
หลินเชวียพูดไม่ออกเลย
ในเมื่อเห็นแล้วก็ช่วยใส่ใจความรู้สึกของหมาโสดอย่างเขาบ้างไม่ได้รึไง
หลินเชวียยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ ท่าทางหมดคำพูดแล้ว
ไม่รู้ว่าหลินเชวียนึกอะไรได้ มองซือเยี่ยหานเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็เงียบไป แต่สุดท้ายก็อดไม่อยู่จนต้องพูดออกมา “พี่เก้า พวกเราต้องกลับเมืองเทียนสุ่ยจริงๆ เหรอ นั่นเป็นถิ่นของน้าหรงนะ ถ้า…ไปแล้วไม่ได้กลับ…”
หลินเชวียยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกสายตาคมปลาบของซือเยี่ยหานทำให้สะดุ้งจนต้องหุบปากแล้ว
ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นไม่อยากถามมาก แต่ในเวลานี้ ไม่ถามไม่ได้แล้วจริงๆ “คุณเก้า คุณกับแม่ของคุณ…เป็นยังไงกันแน่”
ซือเยี่ยหานขยาดอินเยวี่ยหรงมากจริงๆ พอได้ยินชื่อของคนคนนี้ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปเลย
ผ่านไปพักใหญ่ ซือเยี่ยหานถึงได้เปิดปากพูด “หวันหวั่น ฉันไม่ได้อยากปิดบังเธอ แต่แม่ฉันเป็นคนที่อันตรายมาก ช่วงนี้เธออย่าอยู่คนเดียวจะดีกว่า ยังมีถังถังอีก ไม่ต้องไปโรงเรียนสักพักเถอะ ฉันจะให้เจียงเหยียนมาติดตามคุ้มกันพวกเธอ”
เหตุผลที่เขาต้องกลับไปเมืองเทียนสุ่ย ก็เพื่อเจรจากับแม่ของเขา
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว “ร้ายแรงขนาดนี้เชียว…คุณต้องกลับไปให้ได้เลยเหรอ”
ซือเยี่ยหานตอบสั้นๆ “จะขาดการประชุมครั้งนี้ไม่ได้”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว “งั้นฉันจะไปกับคุณด้วย!”
“ไม่ได้” ซือเยี่ยหานปฏิเสธในทันที
หลินเชวียได้รับสายตาจากพี่เก้าของตัวเอง จึงทำได้แค่ผสมโรงพูดกล่อมไปว่า “นั่นสิ ซ้อเก้า อันที่จริงน้าหรงก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก เธอไม่ได้ฆ่าหั่นศพสามี และไม่ได้เลาะเอ็นถลกหนังชู้รักของสามี ยิ่งไม่ได้ต้มลูกชายทั้งเป็นด้วย เธอก็เห็นนี่ว่าพี่เก้ายังอยู่ดีน่ะ…ข่าวลือพวกนั้นน่ะปลอมทั้งนั้น…เธออย่าไปเชื่อเลย…”
—————————————————————————————