แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2271 ฟ้าจะถล่มลงมาแล้ว! / บทที่ 2272 เธอถูกสวมเขา
บทที่ 2271 ฟ้าจะถล่มลงมาแล้ว!
“ตุลาการซือ!” ฉินซีย่วนส่งเสียงเรียกเขาทันที
ซือเยี่ยหานชะงักฝีเท้า “คุณหนูฉิน”
“ได้ยินว่าระยะนี้ตุลาการซือดูแลเรื่องร่างกฎหมายอยู่ตลอด แถมยังทำการปฏิรูปที่ยิ่งใหญ่มากด้วย ก่อนหน้านี้อยากจะหารือกับคุณมากเลย ไม่ทราบว่าคืนนี้มีเวลาว่างไหมคะ” ฉินซีย่วนเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์ สีหน้ามั่นใจในตัวเอง
เห็นได้ชัดมากว่า ข้อเสนอนี้ของฉินซีย่วนมีแรงดึงดูดใจเป็นพิเศษ ความหมายนอกเหนือไปจากนี้คือ ถ้าเขาต้องการให้ร่างกฎหมายผ่าน ไม่ว่าจะมองจากแง่ไหน เธอต่างก็เป็นแรงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่มาก
“ไม่ครับ” ซือเยี่ยหานแทบไม่หยุดคิดเลยสักวินาทีเดียว
“งั้นคืนพรุ่งนี้ล่ะคะ” ฉินซีย่วนไม่ยอมแพ้
เมื่อเทียบกับการแก้ต่างอย่างละเอียดกับเยี่ยหวันหวั่นแล้ว เห็นได้ชัดว่าซือเยี่ยหานคร้านจะหาเหตุผลมาอ้างกับฉินซีย่วนด้วยซ้ำ
ดังนั้น ซือเยี่ยหานจึงมองไปที่หลินเชวียแวบหนึ่ง
หลินเชวียได้แต่รับหน้าที่เก็บกวาดให้ จึงกระแอมไอเบาๆ ทีหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ขอโทษด้วยจริงๆ ครับคุณหนูฉิน ระยะนี้ท่านตุลาการของพวกเราต้องเตรียมตัวสำหรับการประชุมสมัชชา ปลีกตัวไปไม่ได้เลยจริงๆ”
เมื่อถูกปฏิเสธซ้ำๆ ในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีย่วนก็เจื่อนลงนิดๆ “ตุลาการซืออาจจะไม่ทราบนะคะ อินเหิงน้องชายบุญธรรมของคุณ ระยะนี้คอยนัดพบฉันอยู่ตลอด ตุลาการซือเป็นคนฉลาด น่าจะทราบนะคะว่านี่หมายความว่ายังไง”
ถ้าแต่งกับเธอ หน้าที่การงานจะราบรื่นก้าวหน้า ยิ่งไปกว่านั่นตัวเธอก็เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเทียนสุ่ยด้วย ทั่วทั้งสิบสองเขตรัฐอิสระนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่อยากแต่งกับเธอ
ดังนั้นถ้าเธอเลือกอินเหิง ซือเยี่ยหานจะเสียสิทธิ์ในการสืบทอดตระกูล ถึงขั้นที่ตัดเส้นทางในอาชีพการงานด้วย
ในช่วงเวลาเดียว ณ บ้านตระกูลอิน
“เป็นไงบ้าง” อินเยวี่ยหรงถือถ้วยน้ำชาไว้
“เรียนนายหญิง คุณหนูฉินมีความรู้สึกดีต่อคุณชายมากค่ะ แต่น่าเสียดาย คุณชายเขา…”
“เฮอะ! ฉันก็รู้อยู่แล้ว เขาถูกนังเด็กป่าคนนั้นล่อลวงจนไม่มีสมองไปนานแล้ว เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งแม้แต่ครอบครัวกับอนาคตก็ไม่เอาแล้วด้วยซ้ำ!”
พอแม่บ้านได้ฟัง หลังจากลังเลอยู่สักพัก แต่ก็ยังลองพูดออกมาอยู่ดี “นายหญิงคะ อันที่จริง ชาติตระกูลของคุณหนูเนี่ยคนนั้นก็นับว่าไม่เลวเลย ได้ยินว่าตอนอยู่ที่โรงเรียนชื่อเยียน ผลการเรียนยอดเยี่ยมมาก
ถึงแม้นิสัยจะโลดโผนไปบ้าง แต่คุณชายนิสัยเงียบขรึม เข้าคู่กันได้พอดี ในเมื่อคุณชายและคุณหนูเนี่ยรักกันด้วยใจจริง นายหญิงจะขัดขวางไปทำไมล่ะคะ จะทำให้คุณชายยิ่งเข้าใจคุณผิดยิ่งกว่าเดิมไปซะเปล่าๆ นะคะ…”
อินเยวี่ยหรงได้ฟังคำพูดเหล่านี้ ก็ราวกับได้ยินเรื่องตลกหลุดโลกอะไรทำนองนั้น “รักกันด้วยใจจริงงั้นเหรอ ความรักเป็นสิ่งที่น่าตลกที่สุดในโลกใบนี้ กลับกลอกที่สุด! ฉันเคยบอกเขาเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้ว เขาก็ยังดึงดันจะซ้ำรอยฉันอีก!”
“นายหญิงคะ มีคำพูดบางอย่าง ต่อให้คุณจะลงโทษ แม่บ้านเฒ่าก็ต้องพูดให้ได้ ความคิดของคุณ สุดโต่งเกินไปแล้วจริงๆ ค่ะ คุณชายไม่ใช่คุณนะคะ ไม่มีทางซ้ำรอยเดียวกันสมอไป…”
อินเยวี่ยหรงหัวเราะหยัน “หึ ได้ งั้นฉันจะดูสิว่า ที่แท้พวกเขารักกันด้วยใจจริงแค่ไหน จะผ่านบททดสอบมากมายไปได้รึเปล่า!”
….
ตกดึก ณ วิลล่าเขตชานเมืองของเมืองเทียนสุ่ย ซือเยี่ยหานสะสางงานตลอดทั้งคืน
รุ่งเช้าวันต่อมา จู่ๆ หลินเชวียก็พุ่งเข้ามาในห้องหนังสือของซือเยี่ยหานด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนฟ้าจะถล่มลงมา
“พี่เก้า! พี่เก้า! จบเห่แล้ว! ครั้งนี้ตายแน่!” หลินเชวียหอบหายใจ ในมือถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งไว้
เนื่องจากทำงานโต้รุ่ง ใต้ตาของซือเยี่ยหานจึงมีวงคล้ำสีเขียว ถึงได้ยินก็ยังคงอ่านเอกสารต่อไปไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย
หลินเชวียร้อนใจแทบแย่ จึงทำได้เพียงเอ่ยโพล่งออกไป “พี่เก้าพี่หยุดทำงานก่อน ฟ้าจะถล่มลงมาแล้ว! พี่รีบดูหนังสือพิมพ์ฉบับนี้สิ!”
ซือเยี่ยหานถึงได้เงยหน้าขึ้น สายตามองไปยังหนังสือพิมพ์ที่หลินเชวียยื่นให้แวบหนึ่ง
จากนั้น ซือเยี่ยหานก็หน้าเปลี่ยนสีแล้ว
—————————————————————————————
บทที่ 2272 เธอถูกสวมเขา
บนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์เทียนสุ่ยรายวันมีภาพขนาดใหญ่เด่นหรา
บนภาพคือรูปที่ซือเยี่ยหานกับฉินจงรวมถึงฉินซีย่วนร่วมรับประทานอาหารด้วยกันในวันนั้นสามคน
เขียนพาดหัวข่าวว่า: โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเทียนสุ่ยกับตุลาการหน้าใหม่เข้าพบปะครอบครัว อีกไม่นานคงมีเรื่องมงคล
“บัดซบๆ! ที่ซวยกว่านั้นคือ ตอนนี้ข่าวซุบซิบนี่แพร่กระจายไปทั่วสิบสองเขตรัฐอิสระแล้ว!” หลินเชวียกลืนน้ำลายใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ดังนั้นก็หมายความว่า…ซ้อเก้าต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าเธอโดนสวมเขา!”
ซือเยี่ยหานจ้องมองพาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ ในที่สุดความเฉยเมยบนใบหน้าก็ค่อยๆ พังทลายลงมาทีละนิดๆ
ไม่ใช่แค่รูปนี้อย่างเดียว แต่ในข่าวแม้แต่วันเวลาและสถานที่ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนด้วย
คืนนั้นเยี่ยหวันหวั่นโทรมาหาพอดี ส่วนเขาด้วยความที่ไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดเป็นกังวล จึงไม่ได้พูดความจริง…
ถ้าเธอเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เข้า ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองหลอกเธอ ผลลัพธ์…ก็ไม่กล้าจินตนาการแล้ว!
….
ในเวลาเดียวกันนี้
ณ เมืองอวิ๋น เยี่ยหวันหวั่นกำลังตกปลาเป็นเพื่อนคุณตาอยู่ริมทะเลสาบ
“อู๋โยว หลานไปเล่นที่อื่นเถอะ! ยุกยิกไปมา ทำปลาของตาตกใจหนีไปแล้ว!”
“เอ่อ งั้นหนูไม่ยุกยิกแล้วก็ได้!”
“ช่างเถอะ จิตใจหลานไม่สงบ จะตกปลาได้ยังไง” คุณตามองหญิงสาวอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง “คิดถึงเจ้าเก้าสินะ”
“อื้อ…คิดถึงค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นคาบก้านต้นหญ้าหางสุนัข พลางพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเลเลย
ที่มีมากกว่าคือความเป็นห่วง ห่วงว่าแม่ของเขาจะสร้างปัญหาให้เขา…
จนปัญญาที่ว่าก่อนจะไป เธอได้รับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะเป็นเด็กดีรอเขา ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่รอคอยข่าวคราวจากทางเขา
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังพูดคุยกับคุณตาอยู่ ไม่ไกลนัก พวกเป่ยโต่ว ชีซิง ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสสาม และฟู่หมิงซีลอบจับกลุ่มชุมนุมกัน นายผลักฉัน ฉันดันนาย โต้เถียงกันในกลุ่ม ถึงขั้นที่เกือบจะลงไม้ลงมือกันแล้ว
ผู้อาวุโสสามพูดว่า “เป่ยโต่ว ข่าวนี้เป็นแกได้ยินมาคนแรกสุด! จะต้องเป็นแกที่ไปแจ้งผู้นำ!”
เป่ยโต่วไม่ยอม “แกมันตาเฒ่าจ้าเล่ห์ แกจะส่งฉันไปตายสินะ! เรื่องอันตรายแบบนี้ แน่นอนว่าสมควรให้…ให้คนที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเราไปบอก!”
พอเป่ยโต่วพูดจบ สายตาของทุกคนก็เคลื่อนไปที่ร่างของผู้อาวุโสใหญ่
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยขึ้นทันควัน “ฉันคิดว่า ผู้อาวุโสสามปราดเปรื่องมีไหวพริบ คารมคมคาย ส่งผู้อาวุโสสามไปบอกข่าวจะเข้าท่าที่สุด”
ผู้อาวุโสสามชี้หน้าด่าผู้อาวุโสใหญ่ทันที “อย่ามาพูดโกหกตาใส ครั้งก่อนที่ฉันไปตรวจร่างกาย หมอยังบอกอยู่เลยว่าฉันมีสัญญาณของโรคอัลไซเมอร์! ฉันว่าชีซิงเข้าท่าที่สุด ชีซิงได้รับความไว้วางใจผู้นำมากที่สุด!”
เป่ยโต่วร้อง ‘เพ่ย’ ใส่ผู้อาวุโสสาม “เหล่าชีพูดจาตรงไปตรงมาขนาดนี้ ไม่อ้อมค้อมสักนิด ถ้าแกให้เขาไปบอก คิดจะทำให้วุ่นวายกันไปทั่วรึไง ฉันว่าช่างเถอะ อย่าบอกเลยดีกว่า! ถึงยังไงทุกคนก็ไม่อยากตายใช่ไหมล่ะ”
คำพูดนี้ของเป่ยโต่ว ได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์อย่างหาได้ยาก ยกเว้นก็แต่ฟู่หมิงซี
“แบบนั้นจะได้ยังไงกัน! แบบนี้จะไม่เป็นการปิดหูปิดตาผู้นำหรอกเหรอ! ไม่ได้ ยังไงก็ต้องบอกผู้นำ ให้ผู้นำรู้ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ชายสารเลวคนนั้น!” ฟู่หมิงซีเอ่ยอย่างฮึกเหิม
เป่ยโต่วเอ็ดใส่เขา “งั้นนายก็ไปสิ! ไปบอกเลย!”
ฟู่หมิงซีก็กลัวเหมือนกัน “ฉันไม่ไป…ฉันยังต้องรักษาชีวิตไว้คอยอยู่เคียงข้างผู้นำนะ!”
“พวกนายมาสุมหัวคุยกันอยู่ตรงนี้ทำไม ฉันอยู่ตั้งไกลยังได้ยินเสียงพวกนายเลย!” ไม่รู้เหมือนกันว่าเยี่ยหวันหวั่นเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
พอทุกคนได้ยินเสียงของเยี่ยหวันหวั่นก็สะดุ้งโหยง จากนั้นแต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตา ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น
“มีเรื่องอะไรกันแน่” เยี่ยหวันหวั่นถาม
—————————————————————————————