แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2275 พาผมไปด้วยสิ โฮ่งๆๆ / บทที่ 2276 ศัตรูของคนหมู่มาก
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2275 พาผมไปด้วยสิ โฮ่งๆๆ / บทที่ 2276 ศัตรูของคนหมู่มาก
บทที่ 2275 พาผมไปด้วยสิ โฮ่งๆๆ
ฟู่หมิงซีจ้องเยี่ยหวันหวั่น คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็หุบปากลงอย่างรู้ความ
นี่มองยังไงก็ไม่เหมือนไปเที่ยวเลย เหมือนจะไปจับชู้คาเตียง จากนั้นก็สับชายโฉดหญิงชั่วที่เล่นชู้กันให้เป็นชิ้นๆ
พอคิดมาถึงตรงนี้ แววตาของฟู่หมิงซีพลันเปล่งประกาย รีบเอ่ยไปว่า “ผู้นำทำถูกแล้วครับ! สับชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นให้หมากินเลย!”
“นายว่าไงนะ”
พอได้ยินคำพูดนี้ของฟู่หมิงซี เยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดคิ้วนิดๆ แล้ว
“ไม่มีอะไรครับ เขาบอกว่าพี่เฟิงจะเดินทางไกล อยากเอาหมาไปด้วยสักตัวไหม” เวลานี้ เป่ยโต่วได้อุดปากฟู่หมิงซีไว้แล้ว
ไอ้หมอนี่ ตัวเองไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว แต่พวกเขายังอยากมีชีวิตอยู่นะ พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดซะได้
“พาหมาที่ไหนไป” เยี่ยหวันหวั่นปรายตามองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง
เป่ยโต่วคิดอยู่พักหนึ่ง ก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะตอบยังไง จึงเอ่ยด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม “พี่เฟิง พาผมไปด้วยสิ โฮ่งๆๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกเลย…
ฉายาอลาสก้าแห่งรัฐอิสระ ช่างสมชื่อจริงๆ
ในวันนั้น เยี่ยหวันหวั่นพาคนกลุ่มหนึ่งจากพันธมิตรอู๋เว่ย เร่งเดินทางไปยังเมืองเทียนสุ่ย
เพิ่งมาถึงเมืองเทียนสุ่ย เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วจุ๊ปาก เมืองหลักสุดแข็งแกร่งของสิบสองของเขตรัฐอิสระ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เกรงว่าน่าจะเทียบเคียงกับเมืองหลวงอันงดงามรุ่งโรจน์ของจีนได้เลย เต็มไปด้วยกลิ่นอายความหรูหรา
ซุปเปอร์คาร์แล่นอยู่บนท้องถนน เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองแวบหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถระบุชื่อของพวกมันได้ วิ่งกันขวักไขว่ไปทั่ว
ถึงขั้นที่ทำให้เยี่ยหวันหวั่นลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองยังอยู่ที่รัฐอิสระ
“เวรเอ๊ย เมืองเทียนสุ่ยของเขตนี้ ต่างไปจากเขตนั้นของพวกเราจริงๆ…เมืองไหนก็สู้กับเมืองของชาวบ้านเขาไม่ได้เลย พี่เฟิง ผมไม่อยากกลับไปแล้ว ผมจะอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีแห่งนี้ค่อยๆ ต้มตุ๋นเอา…” เป่ยโต่วมองไปรอบๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็เหลือบมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง “ต้มตุ๋นน่ะไม่ง่ายหรอกนะ ไม่สู้ไปเป็นศพเถอะ ฉันจะสงเคราะห์ให้นายตอนนี้เลย”
เป่ยโต่วมองดาบที่อยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยหวันหวั่น แล้วเงียบไปหลายวินาที แต่จู่ๆ ก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่เฟิง สถานที่ผุพังแห่งนี้มีอะไรดีกัน ถ้าอยู่เมืองนี้นานไป น่ากลัวว่าแม้แต่วรยุทธ์คงหดหายไปด้วย เทียบกับเมืองอวิ๋นของพวกเราแล้ว ยังด้อยกว่าลิบลับเลย”
“หุบปาก” ฟู่หมิงซีกลอกตาใส่เป่ยโต่วแวบหนึ่ง “ปู่ของฉันบอกว่า เมืองเทียนสุ่ยไม่ใช่สิ่งที่เมืองอวิ๋นจะไปเทียบชั้นได้ สำนักงานสภาตุลาการตั้งอยู่ที่นี่ ประธานสภาคนปัจจุบันของพวกเขา ชื่ออี้หลิงจวินอะไรนี่แหละ เป็นเจ้าบ้านตระกูลอี้ พวกนายรู้จักตระกูลอี้ไหม…ก็คือตระกูลนักยุทธ์สุดแข็งแกร่งตลอดกาลของสิบสองเขตรัฐอิสระยังไงละ”
“ตระกูลอี้ ในสิบสองเขตรัฐอิสระนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักจริงๆ แหละ” ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างพยักหน้ารับ “โดยเฉพาะหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลอี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“พลังยุทธ์แข็งแกร่งมากเลยเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอียงคอ พลางมองไปที่ผู้อาวุโสสาม
สำหรับตระกูลอี้ เยี่ยหวันหวั่นแค่เคยได้ยินมาเท่านั้น แต่ไม่รู้จัก ในสิบสองเขตของรัฐอิสระ ชื่อเสียงของตระกูลอี้ ถ้าบอกว่าเป็นที่สอง ก็คงไม่มีตระกูลไหนกล้ายกตัวเองเป็นที่หนึ่งแล้ว เป็นตระกูลยอดยุทธ์ขนานแท้
“ผู้นำครับ นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องพลังยุทธ์ ประเด็นคือความเข้าใจเชิงทฤษฎีของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมมาก รอบรู้สารพัด หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันขอบงตระกูลอี้ เป็นปรมาจารย์ตัวจริง ออกไปบรรยายนอกประเทศแทบตลอดเลย” ผู้อาวุโสสามเล่า
“ความหมายของนายคือ ตระกูลอี้เป็นพวกดีแต่ปากงั้นเหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิด
พอได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสสามก็พลันแปรเปลี่ยน จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วตอบไปว่า “ผู้นำ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ อีกอย่าง หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลอี้ ไม่ได้มีแค่ความรู้เชิงทฤษฎี แต่พลังก็แกร่งกล้ามากครับ เจ้าเฒ่าเฮ่อเหลียนเจวี๋ยคนนั้น ผมคิดว่าทุกคนคงจะคุ้นกันดี...”
—————————————————————————————
บทที่ 2276 ศัตรูของคนหมู่มาก
เมื่อเอ่ยถึงเฮ่อเหลียนเจวี๋ย มุมปากของเยี่ยหวันหวั่นก็กระตุกนิดๆ
ปีนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปยุแหย่เฮ่อเหลียนเจวี๋ยยังไงเข้า ไม่ว่าตัวเองจะไปทางไหน ก็ดึงดันอยากรับตัวเองเป็นศิษย์สายตรงให้ได้ เพียงแต่ตัวเองไม่เคยตอบตกลงเลยเท่านั้น
ถึงยังไงเธอก็มีคุณตาอยู่แล้ว ไม่สามารถรับคนอื่นเป็นอาจารย์ได้อีก
“เฮ่อเหลียนเจวี๋ยใครบ้างจะไม่รู้จัก…ก็แค่ตาเฒ่าประหลาดๆ คนหนึ่ง ชอบท้าต่อยตีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอำนาจไหนตระกูลไหนได้หาเรื่องเขาหรือไม่ ขอแค่เป็นผู้แข็งแกร่ง เขาก็จะไปหาเรื่องท้าต่อย และที่น่าโมโหที่สุดคือ หลังจากที่ทำให้คนอื่นพ่ายแพ้แล้ว ยังมาว่าชาวบ้านเขาเป็นขยะอีก…และที่ทำให้คนเขาโมโหสุดๆ คือยังไม่มีใครสู้เขาได้เลย แน่นอนว่าด่าก็ด่าไม่ได้ด้วย ในสิบสองเขตรัฐอิสระ เฮ่อเหลียนเจวี๋ยเป็นศัตรูของคนหมู่มากขนานแท้เลย…” เป่ยโต่วกล่าว
เยี่ยหวันหวั่นเงียบแล้ว
เรื่องที่เป่ยโต่วพูด เยี่ยหวันหวั่นเห็นด้วยอย่างยิ่ง
นึกย้อนกลับไปในปีนั้น ตัวเองไม่ได้ไปหาเรื่องเฮ่อเหลียนเจวี๋ยเลย แต่กลับถูกเฮ่อเหลียนเจวี๋ยจับทุ่มติดพื้น บอกว่าเธอเป็นขยะ…
เยี่ยหวันหวั่นในตอนนั้น อยากถลกหนังของเฮ่อเหลียนเจวี๋ยออกมาใจแทบขาดแล้ว แต่กลับจนปัญญาที่ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ต่อมา เฮ่อเหลียนเจวี๋ยบอกว่าหน่วยก้านของเธอไม่เลวเลย มาตามตื้อจะรับเธอเป็นศิษย์
“หลายปีก่อน อี้หลิงจวินยังไม่ได้เป็นประธานสภาตุลาการชุดนี้ สภาตุลาการไปหาอี้หลิงจวิน ต้องการให้อี้หลิงจวินไปปราบเฮ่อเหลียนเจวี๋ย ต่อมา ได้ยินว่าทั้งสองสู้กันอยู่สามวันสามคืน แต่ก็ไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้จริงๆ…และต่อสู้จนเสมอกับเฮ่อเหลียนเจวี๋ย พลังของหัวหน้าตระกูลอี้คนนี้ เป็นที่ประจักษ์แล้ว” ผู้อาวุโสสามเอ่ยเสริม
สำหรับพลังของเฮ่อเหลียนเจวี๋ย เยี่ยหวันหวั่นนั้นรู้ดี ขนาดตอนนั้นที่เธอต่อสู้กับสวะหมา และไม่ถูกซ้อมจนอนาถขนาดนั้น…
“อีกอย่าง ทั่วทั้งสิบสองเขตของรัฐอิสระ ไม่เคยมีใครเคยได้เห็นหน้าของเฮ่อเหลียนเจวี๋ยเลย ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว ก็แต่สวมหน้ากากไว้ตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นปริศนาใหญ่ของรัฐอิสระว่า…ที่แท้เฮ่อเหลียนเจวี๋ยหน้าตาเป็นยังไงกันแน่” เป่ยโต่วเล่าต่อ
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าอย่างเห็นด้วยมากๆ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเฮ่อเหลียนเจวี๋ยเลย ทุกครั้งที่เจอกัน เฮ่อเหลียนเจวี๋ยก็สวมหน้ากากที่น่าสะพรึงอันนั้นไว้ตลอด
“พวกนายว่า อี้สุ่ยหานจะเกี่ยวข้องกับตระกูลอี้ไหม…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างใช้ความคิด
ผู้อาวุโสใหญ่ฟังแล้วยิ้มนิดๆ “ไม่เกี่ยวอะไรกันหรอกครับ แซ่อี้ของอี้สุ่ยหาน เป็นสาขาย่อยสายหนึ่งของสายหลักในเขตของพวกเรา ส่วนแซ่อี้ของอี้หลิงจวิน ต้นตระกูลที่แท้จริงคือแซ่เฮ่า แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยครับ”
“ผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสใหญ่” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สองผู้อาวุโสก้าวออกมาทันที
“พวกนายสองคน ไปสืบเรื่องตระกูลอินมาให้ฉันแบบชัดๆ ซะ” เยี่ยหวันหวั่นสั่งการ
“ตระกูลอิน…” ผู้อาวุโสสามผงะไป “ผู้นำครับ…ตระกูลอินไหน”
“อินเยวี่ยหรง” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
พอสิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามก็เปลี่ยนสีไปพร้อมกันทันที
“ผู้นำครับ เรื่องนี้ ผมคิดว่าทำคนเดียวจะดีกว่า” ผู้อาวุโสใหญ่มองเยี่ยหวันหวั่น “ผู้อาวุโสสามกล้าหาญปราดเปรียว เฉียบแหลมมีไหวพริบ ดังนั้น ผมคิดว่า ผู้อาวุโสสามคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้อ้าปากพูด ผู้อาวุโสสามก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ๆๆ ผู้นำครับ ในหมู่พวกเรา พลังของผู้อาวุโสใหญ่แข็งแกร่งที่สุด อีกอย่างเขาก็เป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ ผมคิดว่า ภารกิจสำคัญแบบนี้ นอกจากผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่มีใครอื่นแล้วครับ!”
เยี่ยหวันหวั่นเผยสีหน้ามึนงง ก็แค่ไปสืบมาให้แน่ชัดว่าสถานการณ์ของตระกูลอินเป็นยังไงกันแน่สองคนนี้กลับเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา อะไรกันเนี่ย…
—————————————————————————————