แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2277 ถูกคนสะกดรอยตาม / บทที่ 2278 คำเชิญจากประธานสภา
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2277 ถูกคนสะกดรอยตาม / บทที่ 2278 คำเชิญจากประธานสภา
บทที่ 2277 ถูกคนสะกดรอยตาม
“ผู้อาวุโสสาม นายต้องมีความมั่นใจในตัวเอง เรื่องนี้ นายทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ แน่” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยกับผู้อาวุโสสาม
“เหอะๆ ผู้อาวุโสใหญ่ สุภาษิตว่าไว้ เชือดไก่ไม่จำเป็นต้องใช้มีดแล่วัว…ไม่ใช่สิ อย่าทำเครื่องลายครามโดยไม่มีเพชร ฉันไม่มีความสามารถพอ แต่นายมี งั้นงานนี้นายรับไปเถอะ” ผู้อาวุโสสามพูดพลางหัวเราะหยัน
ล้อกันเล่นรึไง ใครบ้างจะไม่รู้ว่าอินเยวี่ยหรงเป็นปรมาจารย์ด้านการใช้พิษ ทุกที่ในบ้านมีพิษทั้งนั้น เขาไม่อยากตายโดยไม่รู้ตัวหรอกนะ ใครอยากไปก็ไปเถอะ แต่เขาไม่ไป
“ฉันว่าพวกนายสองคน…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เปลี่ยนชื่อเป็นเซินกงเป้ากันทั้งคู่เถอะ”
“ผู้นำครับ หมายความว่ายังไงครับ” ผู้อาวุโสสามไม่เข้าใจ
“หมายความว่ายังไงน่ะเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเบ้ปาก “ยังจะมาถามอีก สหายพรตสิ้นแต่ตัวอาตมารอดไง”
สองผู้อาวุโสไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ต่างก็มีสีหน้างุนงง
“ฮ่าๆๆ ไม่เคยดูพงศาวดารห้องสิน[1]รึไง…ก็คือเซินกงเป้าคนนั้น ทุกครั้งจะส่งคนอื่นไปตายแทนตลอด…” เป่ยโต่วหัวเราะดังลั่น
ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสใหญ่เหวอไปแล้ว…
“สหายเต๋าเซินทั้งสอง ฉันว่าพวกนายไปด้วยกันเถอะ จะได้คอยดูแลอีกฝ่าย ห้ามพวกนายเข้าไปในบ้านตระกูลอิน แค่ตรวจสอบว่าสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลอินเป็นยังไงก็พอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
ด้วยความหมดหนทาง ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามจึงทำได้เพียงตอบรับคำสั่ง
เป่ยโต่วกระซิบคุยกับฟู่หมิงซี “เวรแล้ว อินเยวี่ยหรงคนนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นว่าที่แม่สามีของพี่เฟิงหรอกเหรอ…ปากพี่เฟิงบอกว่าตัวเองไม่สนใจ แต่กลับไปสืบข่าวบ้านว่าที่แม่สามีแล้ว!”
“ฉันว่าด้วยนิสัยของอินเยวี่ยหรง คิดว่าน่าจะอยู่ด้วยลำบาก เฮ้อ…ความสัมพันธ์ของแม่ผัวลูกสะใภ้ ต่อไปคงตึงเครียดมาก” ฟู่หมิงซีกระซิบ
“คุยอะไรกัน” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“เปล่า พวกเราปรึกษากันว่าเย็นนี้จะกินอะไรน่ะ” เป่ยโต่วหัวเราะแหะๆ
หลังจากผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งพาคนที่เหลือออกเดินทาง แต่จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว
ไม่ใช่แค่เยี่ยหวันหวั่น สีหน้าของเป่ยโต่วที่อยู่ข้างๆ เยี่ยหวันหวั่นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน
“พี่เฟิง มีคนตามพวกเรามา” ชีซิงบอก
“เป็นคนหรือเป็นผี แสดงตัวซะ” สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเฉยเมย พลางเอ่ยเสียงเย็น
ระหว่างที่พูด หนึ่งชายหนึ่งหญิงเดินออกมาจากมุมอับ ใบหน้าของคนทั้งสองฉาบรอยยิ้มแปลกๆ ไว้ จ้องมองเยี่ยหวันหวั่น “คุณหนูเนี่ยมาเยือนเมืองเทียนสุ่ย ไม่ได้ออกมาทำหน้าที่เจ้าถิ่น ละอายใจเหลือเกิน”
“พวกนายเป็นใคร” เยี่ยหวันหวั่นมองคนหนุ่มสาวคู่นั้นพลางเอ่ยถาม
“คุณหนูเนี่ย พวกเราเป็นใครไม่สำคัญ เพียงแต่ มีคนอยากพบคุณหนูเนี่ยสักครู่” เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแน่น ตัวเองเพิ่งจะมาถึงเมืองเทียนสุ่ยก็ถูกคนสังเกตเห็นร่องรอยแล้ว คนที่อยากพบตัวเอง ต้องมีอำนาจสูงแน่นอน…
คงไม่ใช่ว่าเป็น…อินเยวี่ยหรงแม่ของคุณเก้าใช่ไหม…
“พวกนายเป็นคนตระกูลอินงั้นเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นมองคนทั้งสอง แล้วลองเอ่ยถามดู
พอเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ สีหน้าของพวกเป่ยโต่วและฟู่หมิงซีก็พลันแปรเปลี่ยน จากนั้นก็ถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ
ถ้านี่เป็นคนจากตระกูลอินจริงๆ งั้นก็คงเป็นผู้ใช้พิษ…พกพิษร้ายแรงติดตัวมาด้วย...
คู่หนุ่มสาวสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าให้เยี่ยหวันหวั่น จากนั้นเด็กหนุ่มก็ตอบว่า “คุณหนูเนี่ยเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลอิน พวกเราอยู่ในสังกัดของสภาตุลาการ ได้รับการไหว้วานมาจากประธานอี้”
“อี้หลิงจวินงั้นเหรอ” ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความฉงน ตัวเองไม่รู้จักอี้หลิงจวินสักหน่อย เขาอยากจะพบตัวเองไปทำไม
“นายบอกว่าพวกนายเป็นคนของสภาตุลาการ แล้วมีหลักฐานไหม” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
พอพูดไปแล้ว เด็กหนุ่มก็หยิบบัตรประจำตัวพนักงานออกมา
—————————————————————————————
บทที่ 2278 คำเชิญจากประธานสภา
“ใช่สภาตุลาการจริงๆ” ชีซิงเอ่ยเบาๆ กับเยี่ยหวันหวั่น
อย่างไรก็ตาม บัตรประจำตัวชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์เลยว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เพราะในสิบสองเขตของรัฐอิสระ ไม่ใครกล้าแอบอ้างเป็นคนของสภาตุลาการอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเมืองเทียนสุ่ยแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ของสภาตุลาการตั้งอยู่เลย
“ในเมื่อประธานอี้อยากพบฉัน งั้นฉันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่ ฉันกับประธานอี้ไม่ได้รู้จักกัน ขอถามว่า…ประธานอี้จะพบฉันด้วยเหตุผลอะไร” เยี่ยหวันหวั่นถามด้วยความสงสัย
“คุณหนูเนี่ย เรื่องนี้พวกเราก็ไม่ทราบเลยครับ ประธานสภาต้องการพบคุณ แสดงว่าประธานสภาจะต้องมีเป้าหมายอยู่ ถ้าคุณหนูเนี่ยอยากรู้ ก็ทำได้แค่ไปถามประธานสภาเองแล้ว พวกเราไม่สามารถให้คำตอบได้ครับ” เด็กหนุ่มเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นอดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มเยาะ อี้หลิงจวินคนนั้น ช่างวางมาดยิ่งใหญ่ซะจริงๆ นะ!
แต่พอคิดดูอย่างละเอียดแล้ว…
นั่นคือประธานสภาตุลาการเชียวนะ เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดแห่งสิบสองเขตของรัฐอิสระ!
ไม่ยอม…คงไม่ได้จริงๆ!
อย่าว่าแต่ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยตัวเล็กๆ อย่างเธอเลย ถ้าประธานสภาตุลาการอยากพบใคร น่ากลัวว่าจะพูดแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
“ตกลง”
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบตกลง ถึงยังไงก็เป็นถึงประธานสภาตุลาการ ต่อให้อยากปฏิเสธ ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ พอดีเลย ตัวเองจะได้ไปฟ้องร้องพวกสายหลักด้วยเลย!
“ทุกท่านโปรดหยุดก่อน”
เด็กสาวขวางพวกเป่ยโต่วชีซิงเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ขออภัยด้วยค่ะ ประธานอี้ต้องการพบคุณหนูเนี่ยแค่คนเดียว ไม่ได้เชิญทุกท่านด้วย ดังนั้นทุกท่านไม่สามารถตามไปได้ค่ะ”
“ฉันอารมณ์บ่จอยแล้วนะโว้ย!”
พอพูดจบ เป่ยโต่วที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวก็ถลกแขนเสื้อขึ้น “ดูถูกใครกัน ประธานสภาตุลาการของพวกแกแล้วยังไง เจ๋งมากรึไง ล่วงเกินไม่ได้เลยงั้นเหรอ”
จากนั้น พอเห็นสีหน้าหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ของเด็กสาว จู่ๆ เป่ยโต่วก็ฉีกยิ้มแล้วเอ่ยต่อไปว่า “สมกับที่เป็นประธานสภาตุลาการ เจ๋งสุดๆ ล่วงเกินไม่ได้หรอก ฝากทักทายประธานอี้แทนฉันด้วยนะ ฉันรักเขา ฉันบูชาเขา เขาคือไอดอลของฉัน…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกแล้ว…
ตัวเองทำกรรมอะไรไว้กันแน่ ทำไมถึงคิดที่จะพาเป่ยโต่วมาด้วยกันนะ?!
….
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นก็นั่งรถมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเทียนสุ่ย
ไปได้ถึงครึ่งทาง เยี่ยหวันหวั่นก็เอ่ยขึ้นว่า “ทางนี้ ไม่น่าจะใช่ทางไปสำนักงานสภาตุลาการนะ…”
พอเด็กหนุ่มได้ยินก็ยิ้มน้อยๆ “คุณหนูเนี่ยไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกครับ พวกเราไม่ได้จะไปสภาตุลาการจริงๆ นั่นแหละ ตอนนี้ประธานอี้อยู่ระหว่างออกบรรยาย พวกเราจะไปยังสถานที่ที่ประธานสภากำลังออกบรรยายอยู่”
ถึงแม้เยี่ยหวันหวั่นจะไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับอยู่ในสภาวะตื่นตัวระแวดระวังแล้ว ขอแค่สองคนนี้มีความผิดปกติอะไร เธอจะลงมือทันที
ทว่า เรื่องราวพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เธอคิดมากเกินไปจริงๆ
ไม่นาน รถยนต์ก็จอดลงที่หอประชุมแห่งหนึ่ง
เยี่ยหวันหวั่นลงจากรถเข้าไปในหอประชุมพร้อมกันคนทั้งสอง
มองเห็นผู้ชายหน้าตาละเอียดลออ ผมยาวสลวยสีดำขลับ สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง กำลังทำการบรรยายสาธิตอยู่
“เอ๊ะ…”
หลังจากมองเห็นชายคนนั้น สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็พลันแปรเปลี่ยน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
ผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่ชายผมเงินที่เจอกันในประเทศจีนตอนนั้นหรอกเหรอ
ตอนนั้นเยี่ยหวันหวั่นเดาว่า ชายผมเงินน่าจะเป็นเฮ่อเหลียนเจวี๋ย เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าเฮ่อเหลียนเจวี๋ยมาก่อน ทุกครั้งที่พบกัน เฮ่อเหลียนเจวี๋ยก็มักจะสวมหน้ากากไว้ แต่ตอนอยู่ที่จีน ทั้งสองทำความรู้จักกัน บนชื่อล็อกอิน QQ ของชายผมเงินเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า เนี่ยอู๋โยวคือลูกศิษย์ของเขา
ด้วยเหตุนี้ เยี่ยหวันหวั่นจึงเดาว่า ชายผมเงินน่าจะเป็นเฮ่อเหลียนเจวี๋ย...
อย่างไรก็ตาม พอสังเกตอย่างละเอียดแล้ว ชายที่อยู่ในหอประชุม ถึงแม้จะหน้าตาเหมือนชายผมเงินที่จีนทุกอย่าง แต่สง่าราศีกลับต่างกัน ผิดกันลิบลับเลยทีเดียว ราศีแบบนี้ แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่สามารถเสแสร้งแกล้งทำได้เด็ดขาด…
ส่วนเฮ่อเหลียนเจวี๋ย เป็นมารร้ายอย่างสมบูรณ์ ไม่เหมือนกันเลย
—————————————————————————————
[1] พงศาวดารห้องสิน เป็นนวนิยายจีนที่ประพันธ์ขึ้นในยุคราชวงศ์ชิง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทวตำนานต่างๆ มีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยตอน