แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2281 นึกถึงใครคนหนึ่ง / บทที่ 2282 ต้องลงโทษให้หนัก
บทที่ 2281 นึกถึงใครคนหนึ่ง
อีกอย่าง อี้หลิงจวินดูจะใส่ใจคนรู้จักคนนี้ของเธอเกินไปหน่อยแล้วรึเปล่า
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังคาดเดาอยู่ อี้หลิงจวินก็มีสีหน้าปกติแล้ว ราวกับเมื่อครู่นี้เธอแค่หลอนไปเอง
“ได้ยินคุณหนูเนี่ยบอกว่ามีคนที่หน้าตาเหมือนฉันขนาดนี้ ทำให้อยากรู้อยู่บ้าง ก็เลยถามเยอะไปหน่อยน่ะ คุณหนูเนี่ยไม่ถือสาหรอกใช่ไหม”
“ไม่ถือสาค่ะไม่ถือสาเลย อันที่จริงโลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ จะมีคนที่หน้าตาคล้ายกันมากอยู่บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
“เพียงแต่…ฟังจากที่คุณหนูเนี่ยบรรยายถึงก่อนหน้านี้ ฉันกลับนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา” อี้หลิงจวินกล่าว
เยี่ยหวันหวั่นสงสัย “ใครกันคะ”
“เฮ่อเหลียนเจวี๋ย ไม่รู้ว่าคุณหนูเนี่ยเคยได้ยินชื่อนี้บ้างไหม” อี้หลิงจวินเอ่ยขึ้นมา
“เอ่อ…” เยี่ยหวันหวั่นผงะไปแวบหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าอี้หลิงจวินจะเดาได้ แต่ตัวเองก็บอกไปชัดเจนมากจริงๆ
ดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงเกาหัว ไม่ปิดบังแล้วเช่นกัน “ที่ฉันพูดถึง…ก็คือคนคนนี้แหละค่ะ…”
อี้หลิงจวินส่ายหน้า หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวไปว่า “คิดว่าคุณหนูเนี่ยน่าจะทราบดี ในรัฐอิสระชื่อเสียงของเฮ่อเหลียนเจวี๋ยนั้นเลวร้ายมาก มีภาษิตว่าใกล้ชาดเปื้อนแดงใกล้หมึกเปื้อนดำ หวังว่าคุณหนูเนี่ยจะอยู่ให้ห่างจากคนแบบนี้ ไม่เข้าไปคลุกคลีใกล้ชิด”
ลือกันว่าเฮ่อเหลียนเจวี๋ยเคยต่อสู้กับอี้หลิงจวิน ประกอบกับวิถียุทธ์ที่ทั้งสองคนนับถือนั้นแตกต่างกัน ผู้กล้าพบคนพาล ย่อมเป็นได้เพียงศัตรู
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้วแววตาก็วูบไหวนิดๆ จากนั้นก็โบกมือรัวๆ “ไม่ใกล้ค่ะไม่ใกล้ เมื่อกี้พูดไปแล้วไงคะ ฉันกับเฮ่อเหลียนเจวี๋ยไม่คุ้นเคยกัน เอ๋…ดูความทรงจำของฉันสิ…เฒ่าประหลาดคนนั้นชื่อเฮ่อเหลียนอะไรกันนะ…จู่ๆ ฉันก็จำไม่ได้แล้ว!”
อี้หลิงจวินจ้องเยี่ยหวันหวั่น มุมปากกระตุกนิดๆ “งั้นเหรอ แต่จากที่ผู้เฒ่าอย่างฉันได้ยินมา คุณหนูเนี่ยกับเฮ่อเหลียนเจวี๋ยมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์อาจารย์กัน”
พออี้หลิงจวินพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที จึงรีบตอบว่า “ข่าวลือค่ะ!”
เวรเอ้ย! เรื่องที่เฮ่อเหลียนเจวี๋ยอยากรับเธอเป็นศิษย์มีน้อยคนที่จะรู้ แต่อี้หลิงจวินรู้ได้ยังไง
แต่ว่าคนอื่นเขามีหูตาอยู่ทั่ว จะรู้เรื่องก็ไม่แปลก
“เป็นแบบนี้จริงๆ น่ะเหรอ” อี้หลิงจวินสีหน้าเรียบเฉย
“จริงยิ่งกว่าจริงเลยค่ะ!” เยี่ยหวันหวั่นยืนยันหนักแน่น “ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับเฮ่อเหลียนเจวี๋ยแน่นอนค่ะ ไปตรวจสอบได้เลย!”
คำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่นก็นับว่าไม่ใช่คำโกหก ตอนนั้นเฮ่อเหลียนเจวี๋ยตั้งมั่นจะรับเธอเป็นศิษย์สายตรงให้ได้ แถมยังต้องการให้เธอไปตัดขาดกับอาจารย์คนอื่นๆ ให้หมดด้วย ไม่สามารถไปเรียนวรยุทธ์จากคนอื่นได้อีก แม้แต่คุณตาก็ไม่ได้
คิดดูเถอะเธอไม่สามารถยอมรับได้หรอกนะ!
อยู่ในรัฐอิสระเฮ่อเหลียนเจวี๋ยก็ไม่ต่างไปจากอาชญากรเลย แถมยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของประธานสภาตุลาการอีก แบบนี้ถ้าถูกอี้หลิงจวินทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเฮ่อเหลียนเจวี๋ยเข้า แบบนั้นคงไม่ได้การแล้ว
“อืม งั้นก็ดีแล้ว” ผ่านไปพักหนึ่ง อี้หลิงจวินก็ยิ้มนิดๆ
“ใช่แล้ว…ประธานอี้คะ วันนี้ได้พบคุณพอดี ไหนๆ ฉันก็มาแล้ว มีเรื่องที่จะขอให้ประธานอี้ช่วยตัดสินให้ทีค่ะ” หลังจากเยี่ยหวันหวั่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นมา
“ว่ามาสิ” อี้หลิงจวินจ้องเยี่ยหวันหวั่น
“ประธานอี้คะ เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ คิดว่าคุณเองก็น่าจะทราบ ทางเขตนั้นของพวกเรา เมื่อไม่นานมานี้สายหลักและสายรองเปิดศึกกัน และหลายปีมานี้ฉันได้ก่อตั้งกลุ่มอำนาจแห่งหนึ่งชื่อพันธมิตรอู๋เว่ย ช่วงที่สายหลักและสายรองเตรียมเปิดศึกกัน พันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเราได้ลงนามในหนังสือร่วมศึกกับสายหลัก ตกลงว่าจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
แต่คุณเดาสิคะว่าเป็นยังไง สายหลักเชื่อถือไม่ได้เกินไปแล้ว ตอนที่พันธมิตรอู๋เว่ยเราประสบปัญหา สายหลักไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเราเลย ทำให้พันธมิตรอู่เว่ยของพวกเราแพ้ศึก ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง!”
—————————————————————————————
บทที่ 2282 ต้องลงโทษให้หนัก
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วนท่าทางเคร่งขรึม หลังจากที่เล่าจบใบหน้าก็เต็มไปด้วยความขุ่นข้อง ราวกับอยากสับสายหลักเป็นหมื่นๆ ชิ้นใจแทบขาด
“โอ้ มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ” อี้หลิงจวินท่าทางครุ่นคิด
“ใช่ค่ะใช่ ไม่คิดเลยว่าสายหลักจะเป็นแบบนี้…พวกเราเสียหายร้ายแรง ตอนแรกฉันก็คิดจะไปหาสภาตุลาการให้ช่วยมอบความเป็นธรรมให้ฉัน!”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้ารัวๆ แล้วเอ่ยต่อไปว่า “สัญญาที่พันธมิตรอู๋เว่ยและสายหลักลงนามด้วยกัน เป็นสัญญาที่ผ่านการรับรองจากสภาตุลาการ สายหลักทำแบบนี้ ทรยศหักหลังยังถือว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่เท่ากับว่าไม่เห็นสภาตุลาการอยู่ในสายตาเลย สายหลักไม่เห็นสภาตุลาการอยู่ในสายตาก็แล้วไปเถอะ แต่ไม่เห็นประธานอี้อยู่ในสายตาไปด้วย ฉันไม่รู้ว่าคุณจะคิดยังไงนะคะ แต่ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ฉันทนไม่ได้หรอกค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า
“อืม ถ้าเป็นตามที่เธอว่ามา แบบนั้นสายหลักก็โอหังเกินไปจริงๆ ท้าทายอำนาจของสภาตุลาการอย่างโจ่งแจ้ง” อี้หลิงจวินกล่าว
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้วดวงตาก็เปล่งประกาย พยักหน้าหงึกๆ เหมือนไก่จิกข้าวสาร “ใช่ค่ะ ใครว่าไม่ใช่กัน โอหังเกินไปแล้ว ไร้กฎไร้ระเบียบ! ต้องลงโทษให้หนัก เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง”
“อืม” อี้หลิงจวินยิ้มแวบหนึ่ง “งั้นเธอคิดว่า พวกเราสภาตุลาการควรจัดการเรื่องนี้ยังไงถึงจะเหมาะสมล่ะ”
“เรื่องนี้ ต้องให้ประธานอี้ตัดสินเองแล้วค่ะ ฉันจะกล้าพูดอะไรมากได้ยังไง…ฉันขอเสนอว่า ให้สายหลักจ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้พันธมิตรอู๋เว่ยเราสิบเท่า ขอเพียงสายหลักยินยอมชดเชยแบบนี้ก็พอ อันที่จริง พันธมิตรอู๋เว่ยของเราก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ยินดีให้จบลงตามนี้” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“แบบนี้…” อี้หลิงจวินจ้องเยี่ยหวันหวั่น “คุณหนูเนี่ย ปากเปล่าไร้หลักฐาน เธอมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ถึงยังไงพวกเราสภาตุลาการก็ไม่สามารถรับฟังแค่คำพูดของเธอได้หรอกนะ”
“มีค่ะ มีแน่นอน!” ระหว่างที่พูด เยี่ยหวันหวั่นก็รีบหยิบหนังสือลงนามร่วมศึกที่พกติดตัวออกมา แล้วยื่นให้กับอี้หลิงจวิน
“ประธานอี้ คุณดูสิคะ นี่ก็คือสัญญาที่ฉันลงนามร่วมกับสายหลักไว้ในตอนแรก กระดาษขาวเขียนด้วยหมึกดำแจ่มแจ้งชัดเจน”
อี้หลิงจวินหยิบสัญญาขึ้นมาดู หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่เลว นี่คือร่างสัญญาที่สภาตุลาการเราส่งไปยังเขตต่างๆ จริงๆ และเป็นต้นฉบับด้วย”
“งั้น…ประธานอี้คะ ที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ คุณคิดว่า…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพร้อมใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
“พูดอะไรเหรอ” อี้หลิงจวินเอ่ยด้วยความสงสัย
“ก็ที่ว่าจะให้สายหลักจ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้กับพันธมิตรอู๋เว่ยของเราสิบเท่าไงคะ ทำไมคุณลืมไปแล้วล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“ไม่ได้ๆ” อี้หลิงจวินส่ายหน้า
พอได้ยินคำพูดนี้ของอี้หลิงจวิน เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วนิดๆ “มากเกินไปเหรอคะ…โอเค ฉันก็รู้สึกว่าข้อเรียกร้องนั้นสูงเกินไป ถ้างั้น…แปดส่วน…ก็ได้ แต่เห็นแก่หน้าประธานอี้ หกส่วนแล้วกันค่ะ”
“แบบนั้นก็ไม่ได้” อี้หลิงจวินตอบ
เยี่ยหวันหวั่นจ้องอี้หลิงจวิน ลูกตากลอกกลิ้งแวบหนึ่ง “ฮ่าๆ…ประธานอี้คะ ครั้งนี้ที่ฉันมาเมืองเทียนสุ่ย มาแบบฉุกละหุกมาก ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมาให้คุณเลย เอาแบบนี้ดีไหมคะ ให้สายหลักจ่ายค่าชดเชยให้ฉันหกเท่า แบ่งให้ประธานอี้สามสิบเปอร์เซ็นต์…”
“อืม ไม่เลว เป็นเด็กที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี” อี้หลิงจวินพยักหน้านิดๆ
เยี่ยหวันหวั่นลอบเบ้ปาก หลงนึกว่าประธานสภาตุลาการจะมีคุณธรรมสูง ไม่น่าเชื่อเลยว่าประธานอี้จะเป็นแบบนี้
“ถึงแม้ฉันเองก็หวั่นไหวมาก แต่น่าเสียดาย เธอไม่มีหลักฐาน แล้วฉันจะให้สายหลักชดใช้ค่าเสียหายให้เธอได้ยังไงล่ะ” อี้หลิงจวินถอนหายใจ
—————————————————————————————