แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2309 อดทนไว้ จะโป๊ะแตกไม่ได้! / บทที่ 2310 เป็นฝ่ายรุกก่อน
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2309 อดทนไว้ จะโป๊ะแตกไม่ได้! / บทที่ 2310 เป็นฝ่ายรุกก่อน
บทที่ 2309 อดทนไว้ จะโป๊ะแตกไม่ได้!
“ตุลาการซือ!”
ขณะที่ซือเยี่ยหานกำลังใช้ความคิด อี้หลิงจวินก็ร้องเรียก
ซือเยี่ยหานผงกหัวนิด เดินเข้าไปหาอี้หลิงจวิน อดไม่ได้ที่จะมองหญิงสาวข้างกายอี้หลิงจวินแวบหนึ่ง
“ประธานสภา” ซือเยี่ยหานเรียก
“ตุลาการซือ ความเห็นก่อนหน้านี้ของคุณ ผมทบทวนดูแล้ว คนหนุ่ม อันที่จริงก็สมควรมีความกล้าสักหน่อย หัวคิดก้าวหน้าก็ไม่ใช่เรื่องแย่” อี้หลิงจวินเอ่ยยิ้มๆ
“ขอบคุณประธานสภาที่สนับสนุนครับ” ซือเยี่ยหานกล่าว
“ใช่แล้ว รู้จักกันไว้สิ นี่คืออี้อวิ๋นโม่ลูกสาวฉัน” อี้หลิงจวินชี้ไปยังเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ข้างกาย
เวลานี้ อินเหิงที่อยู่ไม่ไกลเห็นฉากนี้เข้า คิ้วก็ขมวดแน่น ดวงตามืดครึ้ม ประธานอี้คนนี้ ทำไมถึงแนะนำลูกสาวตัวเองให้ซือเยี่ยหานรู้จักกัน?!
ไม่ง่ายเลยกว่าตัวเองจะได้ความชมชอบจากฉินซีย่วน ถ้าซือเยี่ยหานได้อี้อวิ๋นโม่ไป แบบนั้นทุกอย่างก็พังแล้ว
“คุณหนูอี้” ซือเยี่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าเยือกเย็นที่ราวกับสวมหน้ากากเอาไว้มองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ บุคลิกสันโดษตัดขาดเรื่องทางโลก
เยี่ยหวันหวั่นเพียงมองซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง จากนั้นก็เบือนหน้าหนี ไม่ตอบรับอะไรเลย
แต่ในใจนั้น…
โอ้ย! หล่อมาก!!!
แต่งตัวหล่อขนาดนี้ ทำไมตอนนี้เธอไปถอดไม่ได้นะ!
ไม่ได้! อดทนไว้!
บทบาทของเธอจะโป๊ะไม่ได้!
เมื่อเห็นสถานการณ์ในตอนนี้ อินเหิงที่ก่อนหน้านี้ตึงเครียดอยู่บ้างก็พลันลอบยิ้มเยาะ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและดูแคลน อี้อวิ๋นโม่คนนั้น เย็นชาเข้ากระดูก ไม่เห็นใครในสายตา จะใส่ใจซือเยี่ยหานได้ยังไง
ต่อให้ซือเยี่ยหานทั้งมีความสามารถทั้งเลิศเลอแล้วยังไง น่าเสียดาย สายตาตื้นเขินเกินไป ทุกอย่างพังลงเพื่อผู้หญิงคนเดียว
ไม่งั้นถ้าซือเยี่ยหานจับฉินซีย่วนไว้จริงๆ เขาก็คงหมดหนทางจริงๆ
ส่วนอี้อวิ๋นโม่ ถึงแม้การปรากฏตัวขึ้นในคืนนี้จะทำให้คนแปลกใจมาก แต่เห็นได้ชัดว่าอี้อวิ๋นโม่ไม่มีความคิดจะสานสัมพันธ์กับใครหน้าไหนในที่นี้เลย ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเรื่องทั้งหมด
สุดท้ายซือเยี่ยหานยังคงจะถูกเขาเหยียบไว้ใต้เท้าอยู่ดี!
อี้หลิงจวินมองเยี่ยหวันหวั่น และอดไม่ได้ที่จะยิ้มแวบหนึ่ง ท่าทางการแสดงนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเลย เข้าถึงบทบาทจริงๆ ช่างสมกับที่เป็นลูกศิษย์และลูกสาวของเขา มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมได้แบบเขาเลย
เวลานี้ เสียงดนตรีอันรื่นหูก็แว่วดังขึ้น งานเลี้ยงในคืนนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
“คุณหนูฉินซีย่วน ให้เกียรติเต้นรำกับผมได้ไหมครับ”
ไม่นาน ก็มีคนหนุ่มมากหน้าหลายตาของสภาตุลาการ ได้เข้ามาหาฉินซีย่วน อยากเชิญฉินซีย่วนไปเต้นรำด้วยกัน
ถึงแม้ฉินซีย่วนจะควงอินเหิงมา แต่คนส่วนใหญ่กลับยังไม่ถอดใจ
ทางอี้อวิ๋นโม่ หลังจากได้เผชิญหน้ากับอุปสรรคก่อนหน้านี้ ก็เห็นได้ชัดเจนมากว่าแทบทุกคนต่างก็ถอยทัพแล้ว ดังนั้นจึงถอยมารอโอกาสอีกครั้ง
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมีคู่เต้นรำแล้ว ขอบคุณ” ใบหน้าของฉินซีย่วนฉาบรอยยิ้ม ปฏิเสธอย่างมีมารยาทมาก
“คู่เต้นรำของคุณหนูฉินซีย่วน เป็นอินเหิงแน่อยู่แล้ว…”
ชั่วขณะนั้น คนในงานก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางฉินซีย่วนและอินเหิง
มุมปากของอินเหิงยกเชิดสูง ผยองอย่างยิ่ง ทั้งสองคนดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย
จากนั้นก็เห็นเพียงว่าอินเหิงยื่นมือออกไปอย่างเป็นสุภาพบุรุษ ยื่นไปหาฉินซีย่วน
ได้เห็นสายตาของฝูงชนกลับมาอยู่ที่ร่างตัวเองอีกครั้ง สีหน้าของฉินซีย่วนถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง วางมือของตัวเองลงบนฝ่ามือของอินเหิงอย่างสง่างาม
ฉินซีย่วนได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก สำหรับงานเข้าสังคมแบบนี้ก็เหมือนปล่อยปลาลงน้ำ ทักษะการเต้นวอลซ์ก็ยอดเยี่ยมมาก จับคู่กับอินเหิงแล้วนับว่าเข้าขากันดี ทั้งสองจึงได้รับเสียงปรบมือในทันใด
“หนุ่มหล่อสาวสวย คู่สวรรค์สร้างจริงๆ!”
—————————————————————————————
บทที่ 2310 เป็นฝ่ายรุกก่อน
“เฮ้อ อินเหิงคนนั้น สง่าราศีก็มี หน้าตาก็ดี แถมยังเป็นว่าที่ผู้สืบทอดหัวหน้าตระกูลอินในอนาคตอีก แข่งด้วยไม่ง่ายเลยจริงๆ…”
“ฮ่า ลองดูตุลาการซือสิ ตามจีบคุณหนูฉินซีย่วนอยู่ตั้งนาน แต่เธอกลับไม่สนใจเขาเลย สุดท้ายก็ตกไปอยู่ในมือของอินเหิง”
“ไม่เห็นรึไง ซือเยี่ยหานรู้ตัวแล้วว่าไม่มีหวังกับทางฉินซีย่วนแล้ว สู้อินเหิงไม่ได้ เมื่อกี้ถึงได้อยากทำความรู้จักกับอี้อวิ๋นโม่ไง!”
เหอะๆ ล้อเล่นอะไรกันอยู่ แม้แต่คุณหนูฉินซีย่วนยังไม่แลเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฐานะระดับอี้อวิ๋นโม่เลยนึกจริงๆ เหรอว่ามีหน้าตาแบบนี้แล้วจะทำให้ผู้หญิงทั้งหมดต้องหลงรักเขาน่ะ…
ไม่ใช่แค่ในวงผู้หญิงหรอก วงผู้ชายก็มีอิจฉาริษยาด้วยเหมือนกัน
ซือเยี่ยหานไต่ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งสูงของสภาตุลาการในรวดเดียว กลายเป็นตุลาการที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสภาตุลาการ อีกทั้งหน้าตาก็แทบจะคว้าหัวใจของสาวๆ ทั่วทั้งเมืองได้แล้ว ประกอบกับซือเยี่ยหานอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด ไม่คบค้าสมาคมกับใคร แน่นอนว่ามีคนแอบเขม่นเขาอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้พอเห็นฉินซีย่วนถูกน้องชายเขาแย่งไปแล้ว คนเหล่านั้นจะต้องยินดีในคราวเคราะห์ของคนอื่นแน่
“ฉันว่าอี้อวิ๋นโม่ไม่ได้คิดว่าตัวเธอเองเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ ด้วยบุคลิกนิสัยแบบนั้นของเธอ คงเห็นตัวเองเป็นเทพไปแล้ว ไม่เห็นหัวคนอื่น จนตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าไปขอเธอเต้นรำเลยสักคน”
นี่ไม่ได้แปลว่าไม่มีใครอยากทำความรู้จักอี้อวิ๋นโม่และขออี้อวิ๋นโม่เต้นรำ เพียงแต่ไม่มีใครที่มีความกล้ามากขนาดนั้น รัศมีอำนาจของอี้อวิ๋นโม่แกร่งกล้าเกินไป เย็นชาสุดขีด
คนประเภทนี้ แม้แต่จะคุยกับคนอื่นก็ยังรำคาญเลย ถ้าเข้าไปขออี้อวิ๋นโม่เต้นรำด้วย แบบนั้นจะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ
ไม่นาน อินเหิงและฉินซีย่วนก็เต้นรำเฉิดฉายอยู่กลางฟลอร์เต้นรำ หนุ่มหล่อสาวสวย ทำให้คนตาร้อนขึ้นมา แทบจะดึงดูดสายตาของทุกคนเอาไว้แล้ว
อินเหิงมองซือเยี่ยหานอย่างเงียบเชียบ ดวงตาเต็มไปด้วยแววยั่วยุ
ฉินซีย่วนจ้องตาซือเยี่ยหาน แววตาเต็มไปด้วยความดูแคลน สื่อสารกับซือเยี่ยหานผ่านสายตา ‘ตอนนี้นึกเสียใจรึยังล่ะ ตุลาการซือ’
“เฮ้อ บุรุษเลิศสตรีงามช่างเป็นคู่ที่สมกันจริงๆ”
“ถ้าคนที่อยู่กับคุณหนูใหญ่ฉินในฟลอร์เต้นรำเป็นฉัน แบบนั้นคงดีมาก…”
“อันที่จริงฉันก็อยากเต้นรำกับคุณหนูอี้นะ!”
“นายฝันเอาเถอะ!”
“ฮ่าๆๆ ฉันก็คิดว่าฉันกำลังฝันอยู่เหมือนกัน!”
หลังจากทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันด้วยสีหน้าอิจฉาริษยา มีคนสังเกตเห็นว่า จู่ๆ อี้อวิ๋นโม่ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาซือเยี่ยหานที่ปลีกตัวอยู่คนเดียว
พอเห็นคนที่มา ซือเยี่ยหานก็เงยหน้ามองอย่างสงบนิ่ง ดวงตาเคลือบประกายความหนาวเย็นพลางมองไปที่หญิงสาว เพียงแต่มองแวบเดียวก็เก็บสายตากลับมาแล้ว คล้ายจะไม่สนใจ
ทุกคนต่างก็คิดว่าอี้อวิ๋นโม่คงเดินผ่านทางไปเท่านั้น ความจริงคงคิดจะไปที่โซนขนมหวาน
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตาค้างคือ…
พออี้อวิ๋นโม่เดินไปถึงตรงหน้าซือเยี่ยหานก็หยุดฝีเท้าลง จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสูงตรงกันข้ามกับซือเยี่ยหาน
พอเห็นหญิงสาวนั่งลงใกล้ๆ ตัวเอง แพขนตาของซือเยี่ยหานขยับไหวนิดๆ อย่างที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้
ตอนนี้ รอบตัวซือเยี่ยหายมีที่ว่างอยู่มากมาย
ด้วยนิสัยของอี้อวิ๋นโม่แล้ว สามารถไปนั่งยังตำแหน่งอื่นที่ไม่มีคนอยู่รอบข้างได้ แต่ว่าเธอกลับนั่งลงตรงข้ามกับซือเยี่ยหาน
อาจจะหาที่นั่งไปเรื่อยเท่านั้นรึเปล่า
แต่ในตอนที่ทุกคนคิดแบบนี้ สายตาของหญิงสาวก็มองไปที่ชายหนุ่มอย่างไม่ปิดบังเลย แล้วเปิดปากเอ่ยเรียบๆ ว่า “ตุลาการซือ ยินดีที่ได้รู้จัก”
พอเยี่ยหวันหวั่นเปล่งเสียงออกมา สายตาของทุกคนที่เดิมทีมองดูอินเหิงและฉินซีย่วน ก็สลายไปแทบจะทันที และหันเหไปมองทางเยี่ยหวันหวั่นแล้ว
ทุกคนต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ อี้อวิ๋นโม่คนนี้…เมื่อกี้เป็นฝ่ายชวนซือเยี่ยหานคุยก่อนงั้นเหรอ
ประกายมืดมนในดวงตาของซือเยี่ยหานแวบผ่านเข้ามาแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นริมฝีปากบางก็ขยับเล็กน้อย ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
พอพูดจบ ซือเยี่ยหานก็ไม่ได้อ้าปากพูดอะไรอีก มองหญิงสาวด้วยแววตาสอดส่องค้นหา คล้ายอยากรู้เจตนาในการมาของเธอ
หญิงสาวยังคงมีสีหน้าและท่าทางการพูดที่ไม่เห็นใครในสายตาอยู่เหมือนเดิม “ตุลาการซือเต้นรำเป็นไหม”
สีหน้าของซือเยี่ยหานชะงักค้างไปแวบหนึ่ง “พอเป็นบ้าง”
เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “งั้นเต้นรำด้วยกันไหม”
ซือเยี่ยหานเงียบไปทันที…
ทุกคนต่างก็มึนงง…
ถ้าเป็นเมื่อกี้ยังพอฝืนอธิบายได้ว่าอี้อวิ๋นโม่อาจจะแค่ทักทายไปส่งๆ แต่ตอนนี้ต้องตกตะลึงตาค้างกันอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
อี้อวิ๋นโม่ที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เป็นฝ่ายขอซือเยี่ยหาน..เต้นรำงั้นเหรอ
—————————————————————————————