แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2349 ไร้ยางอายเกินไปแล้ว / บทที่ 2350 ความลับในอดีต
บทที่ 2349 ไร้ยางอายเกินไปแล้ว
หลินเชวียมีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างหนึ่งขึ้นมา “เธอจะถามอะไร”
เยี่ยหวันหวั่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เรื่องที่เกี่ยวกับอินเยวี่ยหรง”
พอได้ยินชื่ออินเยวี่ยหรง หลินเชวียก็ราวกับได้ยินเรื่องผี ส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋งทันที “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น! ไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”
“โอ้” เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว “จุ๊ๆ ถ้าพี่เก้าของนายรู้ว่านายแจ้นมาหาฉันกลางดึก นายว่าเขาจะคิดยังไง”
หลินเชวียตะลึงงัน “อะไรเนี่ย เป็นเธอที่เรียกฉันมาไม่ใช่เหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นตีหน้าซื่อ “ฉันเปล่าสักหน่อย นายมาเองชัดๆ”
หลินเชวียเบิกตากว้าง “เธอ…”
เยี่ยหวันหวั่นลอยหน้าลอยตา “ฉันทำไม”
หลินเชวียบ่นอยู่ในใจ ไร้ยางอายเกินไปแล้ว
หลินเชวียหมดหนทาง ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม “เธออยากถามเรื่องไหนล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นคิดดูเล็กน้อย แล้วกล่าวไปว่า “แค่เล่าทุกอย่างที่นายรู้ให้ฉันฟังแล้วกัน อย่างเช่นความสัมพันธ์ระหว่างอินเยวี่ยหรงกับคุณเก้า…”
หลินเชวียถอนหายใจ จากนั้นก็เปิดปากเล่า “น้าหรงคนนี้ จะว่ายังไงดีล่ะ ก็แค่ชอบควบคุมจนวิปริตเกินไป ไม่ยอมให้พี่เก้าทำเรื่องอะไรที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอเลย
ตั้งแต่เล็กจนโต ขอเพียงข้างกายพี่เก้าของฉันมีปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือต่อให้เป็นนกน้อยสักตัว ก็ไม่รอดทั้งนั้น
ถ้าพี่เก้าทำผิดแค่นิดเดียว จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักทุกครั้ง ความผิดเล็กๆ นี้ก็อย่างเช่นวันนี้กินข้าวมากไปหนึ่งคำ หรือไม่ก็พูดผิดไปคำหนึ่งอะไรทำนองนี้!
เธอนึกดูสิในฤดูหนาวเธอลงโทษเด็กน้อยที่เพิ่งอายุได้สามขวบให้ไปคุกเข่าบนพื้นหิมะน่ะ
ตอนเด็กๆ ฉันกับพี่เก้าเคยช่วยเสือขาวที่ได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่งไว้ พี่เก้าชอบเสือขาวน้อยตัวนั้นมาก ไปเล่นกับมันทุกวัน ผลคือน้าหรงฆ่าเสือขาวน้อยตัวนั้นทิ้งต่อหน้าพี่เก้า…”
พอฟังมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดคิ้วแน่น และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงต้าไป๋ขึ้นมา
หลังจากความทรงจำของเธอกลับคืนมาถึงได้รู้ว่า ต้าไป๋เป็นเสือที่เธอเคยช่วยกลับมา
ปีนั้นช่วงที่เธอกับซือเยี่ยหานอยู่ด้วยกัน ไปพบลูกเสือขาวบาดเจ็บตัวหนึ่งที่นอกชายป่าเข้า เธอรู้สึกสงสาร อยากช่วยกลับไป แต่ซือเยี่ยหานไม่ใช่เมินเฉยเท่านั้น แต่ยังห้ามไม่ให้เธอช่วยด้วย
เพราะเรื่องนี้ตอนนั้นเธอเลยทะเลาะกับซือเยี่ยหานไปยกหนึ่ง ไม่สนใจเขาอยู่นานมาก ตอนนี้พอคิดๆ ดูแล้ว เกรงว่าคงจะเป็นเพราะเรื่องในปีนั้นเลยทำให้ซือเยี่ยหานเกิดอาการต่อต้านขนาดนี้ ไม่ยอมช่วยเหลือต้าไป๋…
ไม่แปลกเลยที่ซือเยี่ยหานจะใช้ชีวิตจนมีนิสัยโดดเดี่ยวเย็นชาแบบนั้น การอยู่ภายในอิทธิพลและการควบคุมของอินเยวี่ยหรงเป็นเวลานาน ทำให้เขาไม่กล้าปล่อยให้คนหรือสิ่งใดๆ เข้าใกล้ตัวเอง เพราะจิตใต้สำนึกจะรู้สึกอยู่เสมอว่าขอเพียงเขาได้ครอบครองต่างก็จะต้องสูญเสียไป ทุกอย่างที่อยู่ใกล้ต่างก็จะถูกทำลาย
เวลาผ่านไปนานเข้า จึงไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้าใกล้เขา โลกของเขาเหลือแค่ตัวเขาคนเดียว
หลินเชวียเอ่ยอย่างอ้อมแอ้มว่า “ตอนนี้เธอเข้าใจรึยังว่าทำไมพี่เก้าถึงกลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้ ถ้าลองเปลี่ยนเป็นคนอื่น น่ากลัวว่าคงถูกกดดันจนเป็นบ้าไปนานแล้ว!”
“แต่ว่า…สรุปแล้วอินเยวี่ยหรงเป็นแบบนี้เพราะอะไรล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นมีท่าทางไม่เข้าใจ
“เฮ้อ คงเป็นเพราะร้องขอแล้วไม่ได้มา สุดท้ายเลยกลายเป็นมารน่ะสิ!” หลินเชวียถอนหายใจแล้วพูดออกมา
“สาเหตุมาจากพ่อของคุณเก้าเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยคาดเดา
“ประมาณนั้นแหละ…” หลินเชวียอธิบายคร่าวๆ “ความจริงแล้วตอนน้าหรงยังสาวๆ นิสัยไม่ได้เป็นแบบนี้ น้าหรงในตอนนั้นเป็นลูกศิษย์ได้รับความเอ็นดูจากปรมาจารย์กู่พิษที่สุด ทักษะวรยุทธ์ก็สูงส่งมาก บวกกับหน้าตาที่สะสวย ก็เลยมีผู้ชายเยอะแยะมาตามจีบเธอ แน่นอน เรื่องพวกนี้ฉันก็ฟังมาจากพวกผู้ใหญ่อีกที รู้แค่คร่าวๆ เท่านั้น…”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเร่ง “เล่าต่อสิ”
—————————————————————————————
บทที่ 2350 ความลับในอดีต
หลินเชวียเล่าต่อ “ทางด้านซือไหวจางพ่อของพี่เก้า เธอก็รู้ใช่ไหม ตามกฎของรัฐอิสระ ผู้คนจำนวนมากที่คุณสมบัติไม่ถึงขั้นต่างก็จะถูกขับไล่ออกจากรัฐอิสระ คนพวกนี้ส่วนมากต่างก็ไปตั้งรกรากและสร้างอิทธิพลที่จีนทั้งนั้น พวกเขามุ่งมั่นจะปลูกฝังบ่มเพาะลูกหลาน หวังว่าสักวันจะได้หวนกลับไปยังรัฐอิสระ
ซือไหวจางก็เป็นชนรุ่นหลังคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ ต่อมาเขาจึงถูกรับตัวกลับไปที่รัฐอิสระ กลับสู่ตระกูลซืออันเก่าแก่ และได้รับความสำคัญมาก
เขากับน้าหรงเจอกันระหว่างทำภารกิจครั้งหนึ่ง น้าหรงตกหลุมรักเขา ก็เลยเมินเฉยต่อคนหนุ่มมากฝีมือทั้งหมดที่มาตามจีบ หัวใจมอบให้ซือไหวจางเท่านั้น
แต่น่าเสียดาย ที่ฝ่ายหญิงมีใจฝ่ายชายแค่ฝ่ายเดียว พ่อของพี่เก้า ชอบพอผู้หญิงจีนคนหนึ่ง ถึงขั้นที่ยอมสละโอกาสในการกลับมายังรัฐอิสระที่ได้มาอย่างยากเย็นเพื่อผู้หญิงคนนั้นโดยไม่เสียดายเลย หันหลังให้ตระกูลซือหนีไปที่จีนหนีตามกันไปกับผู้หญิงจีนคนนั้น…”
เยี่ยหวันหวั่นฟังแล้วตะลึงอยู่บ้าง เรื่องพวกนี้เป็นความลับมาเนิ่นนาน บวกกับอิทธิพลของอินเยวี่ยหรง จึงไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงอีก แม้แต่พวกผู้อาวุโสใหญ่ก็สืบไม่พบ ถ้าไม่ใช่หลินเชวียเล่าให้เธอฟัง เธอคงไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยจริงๆ
เยี่ยหวันหวั่นเร่งอีก “จากนั้นล่ะ”
หลินเชวียถอนหายใจ “จากนั้น…เธอก็รู้นี่ กฎหมายของรัฐอิสระเข้มงวดมากขนาดไหน แล้วตระกูลซือจะทนรับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง เพื่อให้ได้ทั้งตระกูลต้องเดือดร้อนไปด้วย จึงตามสังหารซือไหวจางมาโดยตลอด เป็นน้าหรงที่ช่วยซือไหวจางไว้ ถึงขั้นที่ออกจากรัฐอิสระเพื่อเขาเลยด้วยซ้ำ”
หลินเชวียชะงักไปแวบหนึ่ง แล้วเล่าต่อไปว่า “ต่อมา ผู้หญิงจีนคนนั้นไม่อยากใช้ชีวิตแบบอกสั่นขวัญแขวนอีก เลยทิ้งซือไหวจาง ไปแต่งงาน…
ซือไหวจางละเมิดกฎของรัฐอิสระ ต้องได้รับโทษร้ายแรง ถึงขั้นที่แม้แต่พ่อแม่ครอบครัวก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย
สุดท้าย เป็นเพราะแม่เขาขอร้องอ้อนวอนและเกลี้ยกล่อมด้วยความลำบากลำบน ซือไหวจางถึงได้จำใจแต่งกับน้าหรง ตอนนั้นอาจารย์ของน้าหรงมีชื่อเสียงในรัฐอิสระมาก ช่วยขอความเมตตาให้ สุดท้ายถึงได้ระงับเรื่องนี้ลง แต่ว่า นับตั้งแต่นั้นซือไหวจางและน้าหรงต่างก็ไม่สามารถกลับมาที่รัฐอิสระได้อีก…”
มิน่าล่ะตอนอยู่ที่จีน คุณย่าถึงเอาแต่บอกว่านึกเสียใจที่ตอนนั้นให้พ่อแม่ของคุณเก้าจับคู่กัน ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุนี้
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นฟังจบ ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเลยจริงๆ “แบบนี้…อินเยวี่ยหรงก็เสียสละไปมากเหลือเกินไม่ใช่เหรอ”
เพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้รักตัวเองเลย ถึงกับยอมสละทุกอย่างของตัวเองไป
“ผู้หญิงคนหนึ่งเสียสละเพื่อตัวเองขนาดนี้ ซือไหวจางจะไม่หวั่นไหวบ้างเลยรึไง” เยี่ยหวันหวั่นคิดไม่ออกเลยว่า ทำไมหลังจากนั้นซือไหวจางยังไปมั่วผู้หญิงมากหน้าหลายตาแบบนั้น แถมยังมีลูกตั้งมากมายขนาดนั้นอีก
หลินเชวียแบสองมือพลางเอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริงได้ยินมาว่าหลังจากพวกเขาสองคนแต่งงานกันตอนแรกความสัมพันธ์ยังโอเคอยู่ ดูแลจัดการตระกูลซือสาขาจีนได้ไม่เลวเลย แต่ภายหลังได้เกิดเรื่องน้ำเน่าขึ้น…รักแรกคนนั้นของซือไหวจางคงเป็นเพราะชีวิตหลังแต่งงานไม่ดีเท่าไร เลยแจ้นมาหาซือไหวจางอีกครั้ง…ซือไหวจางอดใจไม่ได้…ทั้งสองเลยกลับมาคบกันอีกครั้ง…”
มุมปากของเยี่ยหวันหวั่นกระตุกยิกๆ “บัดซบ…เลวทรามขนาดนี้เชียว”
ในส่วนนี้ โชคดีที่คุณเก้าไม่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อของเขา…
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “แบบนั้นอินเยวี่ยหรงจะไม่ระเบิดโทสะได้เหรอ”
หลินเชวียตอบทันที “จะไม่โกรธได้ไง! ต่อให้อินเยวี่ยหรงจะชอบซือไหวจางสักแค่ไหน ให้เกียรติคล้อยตามแค่ไหน ก็ทนรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอก ถึงยังไงคนที่เธอถือสามากที่สุดก็คือรักแรกคนนั้นของซือไหวจาง…ดังนั้นด้วยความโกรธน้าหรงเลยถล่มบริษัทที่ผู้หญิงคนนั้นเปิดกับสามี!”
—————————————————————————————