แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2359 เธอพูดจามีเหตุผลมาก / บทที่ 2360 สมองนายมีปัญหาเหรอ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2359 เธอพูดจามีเหตุผลมาก / บทที่ 2360 สมองนายมีปัญหาเหรอ
บทที่ 2359 เธอพูดจามีเหตุผลมาก
“สมบัติเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นผงะไปแวบหนึ่ง “สมบัติอะไร สมบัติที่ไหน ฉันไม่มีสมบัตินะ”
“ยังจะทำไขสืออีก ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ ของเธอ จะปกปิดฉันได้งั้นเหรอ อย่ามัวพูดไร้สาระ เอาออกมาซะ” อี้หลิงจวินเอ่ย
“เอ่อ…งั้นคุณใบ้ให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่เข้าใจจริงๆ” เยี่ยหวันหวั่นรีบพูด
“ใบ้เหรอ” อี้หลิงจวินยิ้มนิดๆ “ปัง! ปัง! ปัง!”
เยี่ยหวันหวั่นยังงงอยู่ดี
“เอาละ เธอก็น่าจะเข้าใจเสียงปังๆ นะ” อี้หลิงจวินเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นนึกอยู่ในใจ
เฒ่าประหลาดคนนี้รู้ได้ยังไง เขาจะรู้มากเกินไปหน่อยแล้วรึเปล่า
“ยังไม่เอาออกมาอีก รอให้ฉันช่วยเธอหยิบรึไง” อี้หลิงจวินปรายตามองเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้ากระอักกระอ่วนอยู่บ้าง สุดท้ายด้วยความหมดหนทาง จึงล้วงปืนพกกระบอกหนึ่งออกมาจากอก แล้ววางลงบนโต๊ะเบาๆ
ในเวลานี้ อี้หลิงจวินจ้องปืนพกที่อยู่บนโต๊ะ มองไปมองมา พิจารณาอยู่พักใหญ่ แล้วจึงหัวเราะเสียงเย็นพลางกล่าวว่า “น่าสนใจจริงๆ…ใช้ได้นี่ ใจกล้ามาก เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าที่รัฐอิสระการใช้อาวุธปืนเป็นเรื่องต้องห้าม แบบนี้ถือเป็นความผิดร้ายแรง เธอยังจะกล้าทำอีกงั้นเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มประจบ “คุณพ่อขา คุณดูสิ รัฐอิสระอันตรายขนาดนี้…ฉันพกสิ่งนี้ไว้ เพื่อป้องกันตัวไม่ใช่รึไง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ใช้เลยนะ”
ตอนซือเซี่ยเปิดฉากปฏิวัติขึ้นที่เมืองอวิ๋นครั้งก่อน ตัวเองฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นไม่ได้สังเกตฉกปืนพกกระบอกนี้มา หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ตัวเองถึงได้เอาออกมาใช้ป้องกันตัว
“คุณพ่อขา คุณคิดดูนะ ฉันคืออี้อวิ๋นโม่ อี้อวิ๋นโม่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศตั้งหลายปี ดังนั้นเลยมีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน…” เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อไป
“เธอกำลังตะล่อมฉันอยู่งั้นเหรอ ที่นี่ใช่ต่างประเทศรึไง” อี้หลิงจวินย้อนถาม
“อี้อวิ๋นโม่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน ไม่เข้าใจกฎระเบียบของรัฐอิสระ นั่นไม่ใช่เรื่องที่พอจะเข้าใจได้หรอกเหรอ อย่างที่กล่าวกันว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะแหะๆ
“เธอพูดจามีเหตุผลมาก” อี้หลิงจวินพยักหน้า จากนั้นก็หยิบปืนบนโต๊ะขึ้นมา “แต่ต้องถูกริบอยู่ดี”
“บัดซบ!” เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาใส่อี้หลิงจวินอย่างโมโหมาก นี่เป็นสมบัติช่วยชีวิตของตัวเองเชียวนะ!
“ทำไม ไม่พอใจรึไง” อี้หลิงจวินยิ้มเยาะ
“ฮึ่มๆๆ ถือว่าคุณเหี้ยมโหดแล้ว ไม่ส่งคนมาคุ้มกันฉัน แถมยังยึดสมบัติฉันไปอีก ถือว่าคุณเหี้ยมมาก! ฮึ!” เยี่ยหวันหวั่นหันหลังเตรียมจากไป
“กลับมาหาฉัน” อี้หลิงจวินเรียก
“ยังมีอะไรล่ะ คุณพ่อ!” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยความหงุดหงิด
อี้หลิงจวินกวาดสายตามองไปรอบๆ แวบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคน ถึงได้เอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่นอย่างมีลับลมคมนัย “มานี่ เข้ามาใกล้ๆ สิ”
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงเดินเข้าไปหาอี้หลิงจวิน
มองเห็นอี้หลิงจวินลากลิ้นชักโต๊ะออกมา
เยี่ยหวันหวั่นตะลึงงันอยู่ที่เดิม
แม่เจ้าโว้ย…
ในลิ้นชักเต็มไปด้วย…สมบัติ!
“หึหึ…อันเมื่อกี้ของเธอจะไปสนุกอะไร กระจอกเกินไปแล้ว ยิงได้แค่ไม่กี่นัด ถ้ายิงไม่โดนขึ้นมา แบบนั้นจะไม่ทำให้ตัวเองซวยหรอกเหรอ อีกอย่าง กระบอกนั้นของเธอระยะยิงไม่ได้เรื่อง เสียงดังเกินไปด้วย จะโดนจับได้ง่ายๆ!”
พออี้หลิงจวินพูดจบ ก็หยิบกระบอกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักแล้วยื่นให้เยี่ยหวันหวั่น “ดูกระบอกนี้สิ ระยะยิงไกล เสียงเบา เปลี่ยนกระสุนเร็ว และที่สำคัญที่สุด…”
อี้หลิงจวินหยิบตัวเก็บเสียงสีดำออกมา “ถ้าใส่ของเล่นชิ้นนี้เข้าไป แบบนั้นจะสามารถฆ่าคนได้อย่างไร้สุ้มเสียงขนานแท้เลย ยอดไปเลยใช่ไหม!”
เยี่ยหวันหวั่นยังคงอึ้งอยู่
นี่…นี่คือเฮ่อเหลียนเจวี๋ยที่เธอรู้จัก ไม่…ไม่ผิดแน่…
เยี่ยหวันหวั่นไม่คาดคิดเลยว่า อี้หลิงจวินที่มีฐานะเป็นถึงประธานสภาตุลาการ จะมีสมบัติอยู่มากมายขนาดนี้…ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนไม่เคารพกฎระเบียบดั้งเดิมมากที่สุด!
—————————————————————————————
บทที่ 2360 สมองนายมีปัญหาเหรอ
“มาๆๆ ฉันจะเพิ่มกระสุนให้เธออีกนิดแล้วกัน…แบบนี้มีค่าเท่ากองทัพนับพันรึยังล่ะ” อี้หลิงจวินหัวเราะเบาๆ
เยี่ยหวันหวั่นรับสมบัติมาแบบเงียบๆ
“ช่วงนี้เธออยู่ในบ้านอย่าออกไปไหนจะดีที่สุด ฉันจะส่งลูกน้องไปเฝ้าแถวละแวกที่พักไว้” จากนั้นอี้หลิงจวินก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“อื้ม เข้าใจแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
อันที่จริง พอเธอมีสมบัติชิ้นนี้แล้ว…เธอยังจะต้องการลูกน้องอะไรซะที่ไหนกัน
หลังออกมาจากบ้านตระกูลอี้ เยี่ยหวันหวั่นก็กลับไปยังที่พัก ไม่ออกไปไหนเลยสามวันเต็มๆ
แต่ในระยะสามวันนี้ ผู้ชายคนนั้นไม่มาปรากฏตัวเลย
เยี่ยหวันหวั่นอดหัวเราะเยาะไม่ได้ พูดไว้ซะดิบดีว่าจะมาเอาชีวิตตัวเองในสามวัน สุดท้ายก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
….
ผ่านไปราวหนึ่งสัปดาห์
ในเวลากลางดึกเช่นเคย มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นภายในที่พักอีกครั้ง
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแน่น ครั้งนี้กลับฉลาดขึ้นแล้วลองเปิดสวิตช์ไฟในห้องนอนดู
จากนั้นสถานการณ์ครั้งนี้ยังคงเป็นเช่นเดียวกับครั้งก่อน น่าจะถูกตัดวงจรแล้ว เลยเปิดไฟไม่ติด
เยี่ยหวันหวั่นบรรจุรังกระสุน แล้วเดินย่องออกมาจากห้องนอน
“ฮ่า คุณหนูอี้ ขอโทษด้วย หลายวันก่อนมีธุระบางอย่าง ก็เลยล่าช้าไป คงไม่ทำให้คุณหนูอี้ต้องคอยนานใช่ไหม” เสียงของชายคนนั้นแว่วดังมาจากที่เดิม
“ไม่เป็นไร ฉันอยากรู้มากเลย เป็นใครกันที่ส่งแกมาฆ่าฉัน” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“คุณหนูอี้ ทุกเรื่องของนายจ้าง พวกเราต่างก็เก็บเป็นความลับ” ชายคนนั้นเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“งั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นยกมุมปากขึ้นนิดๆ แล้วเล็งปากกระบอกปืนสีดำไปทางชายคนนั้น “ถ้าฉันถามนายแบบนี้ จะยังเป็นความลับอยู่ไหม”
ด้วยแสงจันทร์ที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามา ชายคนนั้นจึงมองเห็นปืนในมือของเยี่ยหวันหวั่นเช่นกัน
“คุณหนูเป็นลูกสาวประธานสภาตุลาการ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะแหกกฎ ใช้ปืนงั้นเหรอ?!” ชายคนนั้นขมวดคิ้วนิดๆ
“ฮ่า ต้องมีคนพบเห็นไม่ใช่เหรอ…ถึงจะเป็นการแหกกฎ” ขณะที่พูดเยี่ยหวันหวั่นก็ได้ใส่ตัวเก็บเสียงเข้าที่ปืน “นายดูสิ ตัวเก็บเสียงของฉันไม่เลวเลยใช่ไหม พอใส่เจ้านี่เข้าไป นายก็จะตายแบบเทพไม่รู้ผีไม่เห็น ไม่มีทางจะมีคนรู้ และไม่มีใครรู้ว่านายตายแบบไหน”
“ในเมื่อแกไม่ยอมบอก ฉันก็ไม่อยากรู้แล้ว ลาก่อน”
ขณะที่พูด มุมปากของเยี่ยหวันหวั่นก็ยกขึ้นนิดๆ แล้วกดเหนี่ยวไกเบาๆ
ทว่าวินาทีต่อจากนั้นกลับเงียบสนิท
“เวรเอ้ย…ทำไมตัวเก็บเสียงนี่ไม่มีเสียงสักนิดเลยล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าประหลาดใจ
“เฮอะๆ คุณหนูอี้ ฉันว่าไม่ใช่เพราะตัวเก็บเสียงหรอก แปดในสิบคงเป็นในปืนคุณไม่มีกระสุนมากกว่า” น้ำเสียงของชายคนนั้นยังคงแว่วดังอยู่
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแน่น แล้วแกะรังปืนดู ไม่น่าเชื่อเลยว่า กระสุนที่ตัวเองบรรจุไว้ในตอนแรกจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
กระสุนของเธอล่ะ?!
“คุณหนูอี้ นี่ใช่ของคุณรึเปล่า” ชายหนุ่มยื่นมือออกมา ค่อยๆ ปล่อยกระสุนลงบนพื้น
“แก…ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าแปลกใจ ผู้ชายคนนี้ เอากระสุนของเธอไปงั้นเหรอ?!
“ฮ่าๆ คุณหนูอี้ คุณอาจจะประเมินความสามารถของผมต่ำไปนะ” ชายคนนั้นส่ายหน้า แล้วสอดมือเข้าไปในอกเสื้อ ล้วงปืนกระบอกหนึ่งออกมา ปากกระบอกปืนสีดำสนิทเล็งไปที่เยี่ยหวันหวั่น
ชัดเจนมาก ผู้ชายคนนี้ก็ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเหมือนกัน โชคดีที่ตัวเองใส่เสื้อเกราะกันกระสุนเอาไว้…ขอแค่ไม่ยิงหัวเธอ ก็ไม่เป็นเรื่องใหญ่…
“เอาล่ะ คุณหนูอี้ ทุกอย่างต้องจบลงตรงนี้แล้ว ขอถามคุณหนูอี้ว่ามีอะไรอยากสั่งเสียไหม” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันอ้าปาก กลับมีเสียงมือถือดังขึ้น
ชายคนนั้นมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างรู้สึกผิดอยู่บ้าง “คุณหนูอี้ รอเดี๋ยวนะ ฉันขอรับสายก่อน”
ว่าแล้วชายคนนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาโดยไม่สนใจเยี่ยหวันหวั่นเลย
“เนี่ยอู๋หมิง สมองนายมีปัญหาเหรอ…ไม่รู้รึไงว่าฉันอยู่ระหว่างทำภารกิจ โทรหาฉันตอนนี้เนี่ยนะ”
น้ำเสียงของชายคนนั้นดูไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
—————————————————————————————