แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2367 เห็นฉันกินเจเหรอ / บทที่ 2368 ต้นขาใหญ่ๆ ต้องกอดให้แน่น
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2367 เห็นฉันกินเจเหรอ / บทที่ 2368 ต้นขาใหญ่ๆ ต้องกอดให้แน่น
บทที่ 2367 เห็นฉันกินเจเหรอ
“ท่านประธาน…นี่…” หลังจากแม่บ้านทึ่มทื่ออยู่ครู่หนึ่ง ถึงจำผู้ชายที่อยู่บนเตียงได้ ตกใจยิ่งขึ้นกว่าเดิมทันที
นี่ไม่ใช่ตุลาการซือหรอกเหรอ
คุณหนูทำให้โลกต้องตะลึงเกินไปแล้วจริงๆ ตอนแรกเธอคิดว่าคุณหนูแค่มีความรู้สึกดีๆ ต่อตุลาการซือเท่านั้น แล้วดูตอนนี้สิ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะพาเขาขึ้นเตียงแล้ว!
แถมอีกฝ่ายดูเหมือนจะมีคู่หมั้นอยู่แล้วด้วย…
“อือ…หนวกหู…” เยี่ยหวันหวั่นถูกเสียงเอะอะปลุกให้ตื่น ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วนิดๆ แล้วลูบหัวกล่อมหญิงสาว “ไม่มีอะไร นอนต่อเถอะ”
“อื้อ…” น้ำเสียงที่อ่อนโยนทำให้เยี่ยหวันหวั่นเข้าสู่ห้วงความฝันอีกครั้ง
ซือเยี่ยหานลุกขึ้นอย่างแผ่วเบาที่สุด มองไปที่อี้หลิงจวิน สื่อให้เขาไปคุยกันที่อื่น
“ประธานสภา เชิญครับ”
อี้หลิงจวินมองท่าทางไม่สนโลกของเยี่ยหวันหวั่น แล้วถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธ จากนั้นก็ให้แม่บ้านออกไป แล้วไปที่ห้องรับแขกพร้อมกับซือเยี่ยหาน
ด้วยเหตุนี้ ในห้องรับแขกจึงเหลือแค่ซือเยี่ยหานและอี้หลิงจวินสองคน
“ตุลาการซือ เรื่องในวันนี้ เธอควรจะให้คำอธิบายกับฉันหน่อยนะว่าไหม” อี้หลิงจวินมีสีหน้าบึ้งตึง
“เป็นความผิดของผมเองครับ” ซือเยี่ยหานกลับไม่แก้ตัว และยอมรับผิดตรงๆ
ท่าทางนี้ ทำให้อี้หลิงจวินโมโหไม่ออกแล้ว
“เธอพูดมาสิ เธอผิดตรงไหน” อี้หลิงจวินเอ่ยพร้อมใบหน้าที่ตึงเครียด วางมาดเป็นพ่อตาทดสอบลูกเขยอย่างเต็มที่ วางท่ายิ่งกว่าพ่อแท้ๆ อย่างเนี่ยไฮว่หลี่ซะอีก
ซือเยี่ยหานตอบ “ผมควรจะพิจารณาถึงผลกระทบต่อหวันหวั่น”
อี้หลิงจวินร้องเฮอะ “เธอยังรู้จักคำว่าผลกระทบด้วยเหรอ ต่อให้เธอคบหาดูใจกับลูกสาวฉัน แต่ถึงยังไงก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่มานอนค้างอ้างแรมด้วยกันแบบนี้ นี่มันอะไรกัน”
ซือเยี่ยหานไม่เถียงเลย “ประธานพูดถูกทุกอย่างครับ”
สรุปแล้วไม่ว่าอี้หลิงจวินจะพูดอะไร ซือเยี่ยหานก็รับฟังอย่างตั้งใจทุกอย่าง ไม่แก้ต่างให้ตัวเอง และไม่เคยโต้ตอบเลย ซ้ำยังเป็นฝ่ายยอมรับผิดด้วยตัวเอง แค่ไม่กี่ประโยคความโมโหของอี้หลิงจวินก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว
อี้หลิงจวินพยักหน้าด้วยความพอใจ “เธอรู้ก็ดีแล้ว ตัวเธอน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจชื่อเสียงของลูกสาวฉัน…”
ขณะที่อี้หลิงจวินกำลังจะทำหน้าที่พ่อต่อไป อบรมว่าที่ลูกเขยอย่างจริงจัง เวลานี้ ก็มีเสียงฝีเท้าแว่วดังมาจากชั้นบน
“ที่รัก…” จากนั้น ก็มองเห็นเยี่ยหวันหวั่นที่สะลึมสะลือเดินโงนเงนลงมาจากชั้นบน
ถึงแม้สองตาจะยังไม่ลืมขึ้นมา แต่กลับจับตำแหน่งของซือเยี่ยหานได้อย่างแม่นยำ เดินตรงปรี่เข้าไปหาเขา
ดวงตาของซือเยี่ยหานฉายแววอ่อนโยนทันที “ตื่นแล้วเหรอ”
พอเยี่ยหวันหวั่นเดินมาถึงด้านหลังโซฟา ซือเยี่ยหานก็หันหลังไป เธอก้มหน้าลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ จุ๊บหน้าผากเขาหนึ่งครั้งทันที แล้วเอ่ยอย่างแง่งอนว่า “พูดไว้ดิบดีว่าจะนอนเป็นเพื่อนฉัน ทำไมถึงหนีมากลางคันล่ะ”
อืม…ไม่เห็นเลยว่าบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับซือเยี่ยหานยังมีใครอีกคน…
ซือเยี่ยหานเปิดปากเอ่ย “หวันหวั่น ถึงยังไงพวกเราก็ยังไม่ได้แต่งกัน แยกห้องนอนจะเหมาะกว่า”
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ฟัง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “คุณว่าไงนะ แยกห้องนอนเหรอ รู้จักกันมานานขนาดนี้ คุณนึกว่าฉันเป็นพวกกินเจรึไง”
ซือเยี่ยหานเงียบไป
อี้หลิงจวินก็เช่นกัน
เมื่อกี้เขายังอบรมลูกเขยด้วยอย่างมีเหตุมีผลอยู่เลย แต่ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของลูกสาว สีหน้าจึงมืดดำไปหมดแล้ว
ซือเยี่ยหานดันตัวหญิงสาวที่เกาะติดเขาออกเล็กน้อยด้วยท่าทางจนปัญญา ดึงให้เธอนั่งลงบนโซฟาข้างๆ ตัวเอง “ประธานอี้มาแล้ว”
ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นถึงได้มองไปที่อีกฝั่ง “เอ๋ พ่อ พ่อมาได้ยังไง!”
อี้หลิงจวินพูดไม่ออกเลย เหอะๆ ในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นแล้วสินะว่าเธอยังมีพ่อคนนี้อยู่ด้วย!
—————————————————————————————
บทที่ 2368 ต้นขาใหญ่ๆ ต้องกอดให้แน่น
พอเห็นสีหน้าของอี้หลิงจวิน เยี่ยหวันหวั่นก็ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง แล้วก้าวเข้าไปหาทันที คล้องแขนอี้หลิงจวินไว้ “พ่อคะ หนูได้ยินทุกอย่างแล้ว เรื่องเกี่ยวการปรับแก้กฎหมายและกฎระเบียบสำคัญๆ ในระยะนี้ พ่อช่วยคุณเก้าไว้มากเลย”
อี้หลิงจวินฟังแล้วจ้องหน้าเยี่ยหวันหวั่น พลางเบ้ปาก “อื้ม ไม่เลวนี่ ยังรู้เรื่องนี้อยู่สินะ”
“ต้องรู้แน่นอนสิคะ พ่อช่วยคุณเก้าขนาดนั้น คุณเก้ารู้สึกซาบซึ้งมาก พูดเรื่องพวกนี้กับหนูทั้งวัน บอกว่าต่อไปพวกเราจะกตัญญูต่อพ่อแน่นอน” ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
อี้หลิงจวินมองไปทางซือเยี่ยหาน “ไอ้หนุ่มคนนี้นับว่ามีมโนธรรมอยู่บ้าง”
พอได้รับสายตาตักเตือนจากภรรยาตัวเอง ซือเยี่ยหานจึงไม่พูดอะไร และเลือกที่จะเงียบไว้
พอเห็นสีหน้าจริงจังของซือเยี่ยหาน อี้หลิงจวินจึงมองเขาอย่างเคร่งขรึม “เกิดอะไรขึ้น”
ซือเยี่ยหานเล่าเรื่องเมื่อคืนให้อี้หลิงจวินฟังคร่าวๆ หลังจากอี้หลิงจวินได้รับรายงานจากซือเยี่ยหาน ก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เรื่องที่มีคนต้องการลอบสังหารเยี่ยหวันหวั่น อี้หลิงจวินทราบเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ตอนนั้นเขามอบ ‘สมบัติ’ ที่เพียงพอจะป้องกันตัวได้ให้เยี่ยหวันหวั่น แต่ไม่คิดเลยว่า เยี่ยหวันหวั่นดันรู้จักกับนักฆ่า และไต่ถามข้อมูลบางส่วนมาได้
จากการสันนิษฐานของซือเยี่ยหาน ผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือรองฉิน ส่วนคนที่ออกหน้าคืออินเหิงลูกชายบุญธรรมของตระกูลอิน
ถ้าสันนิษฐานดูตามปกติแล้ว ดูเหมือนจะเป็นแบบนี้จริงๆ
แต่การดำเนินงานของสภาตุลาการ สิ่งที่ต้องการไม่ใช่ข้อสันนิษฐาน แต่เป็นหลักฐาน
อย่าว่าแต่เรื่องนี้ที่เป็นเพียงการสันนิษฐานเลย ต่อให้นักฆ่าออกหน้าเป็นพยานให้ คิดจะโค่นรองประธานสภาตุลาการคนหนึ่ง แบบนั้นก็ดูเลื่อนลอยอยู่ดี
สิ่งที่เรียกว่าหลักฐาน จะต้องเป็นหลักฐานที่แน่ชัด สภาตุลาการไม่สามารถฟังความจากนักฆ่าคนเดียวแล้วตัดสินโทษใครได้อย่างเด็ดขาด
“เรื่องคนร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหน้า พวกเธอยังไม่จำเป็นต้องไปสืบหาให้ความสนใจหรอก” ผ่านไปครู่หนึ่ง อี้หลิงจวินก็เอ่ยขึ้นพลางมองไปที่เยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหาน
พอได้ฟังคำพูดนี้ของอี้หลิงจวิน เยี่ยหวันหวั่นก็ผงะไปแวบหนึ่ง แล้วเผยสีหน้าไม่เข้าใจออกมา “พ่อ! จะไม่สืบไม่สนได้ยังไง คนที่ชาวบ้านเขาอยากฆ่า เป็นลูกสาวสุดที่รักของประธานสภาตุลาการอย่างพ่อนะ เป้าหมายของชาวบ้านเขาไม่ใช่อี้อวิ๋นโม่ แต่เป็นพ่อ…แบบนี้พ่อทนได้รึไง”
มีต้นขาใหญ่ๆ อยู่ทั้งทีจะไม่กอดได้ยังไง เยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะกอดไว้ให้แน่น
อี้หลิงจวินมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง จะไม่เข้าใจความคิดของสาวน้อยคนนี้ได้ยังไง “เธอคิดว่าคนอื่นเขาโง่เหมือนเธองั้นเหรอ ในเมื่อมีคนกล้าจ้างนักฆ่ามาลอบสังหารลูกสาวฉัน ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ แน่นอนว่าชาวบ้านเขาไม่เกรงกลัวการสืบสวนของสภาตุลาการเลย ต้องคิดแผนการที่รอบคอบรัดกุมเอาไว้ล่วงหน้าแล้วแน่นอน
ถ้าเป็นไปตามที่พวกเธอสันนิษฐาน รองฉินคือผู้บงการเบื้องหลัง แบบนั้นยิ่งไม่ต้องเปลืองเวลาไปสืบเลย ฉินจงไม่มีทางปล่อยให้พวกเธอสืบเจออะไร อย่าว่าแต่พวกเธอสองคนเลย ต่อให้เป็นฉัน ก็ไม่มีทางสืบเจออะไรแน่นอน”
ซือเยี่ยหานไม่ปริปากพูดเลย เพียงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง
อันที่จริง อี้หลิงจวินพูดถูกต้องอย่างมาก
ข้อมูลเดียวของเรื่องนี้ ก็คือนักฆ่าคนนั้น แต่ถึงแม้นักฆ่าจะยินดีหักหลังนายจ้าง ออกหน้าซัดทอดไปหาฉินจงกับอินเหิง แต่หลักฐานล่ะ
ใครจะรับประกันได้ว่าไม่ใช่เพราะอี้หลิงจวินอยากแผ้วทางให้ลูกสาวของเขาอย่างอี้อวิ๋นโม่ เลยจงใจเอานักฆ่าคนหนึ่งมาใส่ความรองฉิน เขี่ยหินที่ขวางทางการไต่เต้าเข้าสู่สภาตุลาการของอี้อวิ๋นโม่อย่างเขาออกไป
ถ้าอาศัยเพียงเรื่องเดียวไปเคลื่อนไหว แถมยังไม่มีหลักฐานชัดเจน มีแต่จะถูกคนอื่นจับจุดไว้แล้วกลับมาแว้งกัดตัวคุณ
—————————————————————————————