แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2389 ถังถังโกรธ / บทที่ 2390 เล่านิทาน
บทที่ 2389 ถังถังโกรธ
อินเยวี่ยหรงเดินเข้าไปนั่งอย่างไม่ยี่หระ เมินเฉยคนที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนอย่างสมบูรณ์ ใช้น้ำมะนาวล้างมือ จากนั้นกินข้าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เห็นอินเยวี่ยหรงไม่สนใจตัวเอง ถังถังก็ไม่ใส่ใจ นั่งดูแลตัวเองอยู่ตรงนั้น
อินเยวี่ยหรงกินเจ ดังนั้นอาหารทั้งโต๊ะต่างก็เป็นอาหารเจทั้งหมด แม่นมเฉียวมองพ่อหนูอย่างห่วงๆ อยู่บ้าง เพราะกลัวว่าเขาจะกินไม่ถนัด
ใช่จริงๆ เรื่องที่เธอกังวลเกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบพ่อหนูไม่คีบผักเลย และไม่กินข้าวเลย เอาแต่จ้องหน้าอินเยวี่ยหรง พวงแก้มอมชมพูเต็มไปด้วยสีสันของความไม่พอใจ
แม่นมเฉียวกระแอมไอทีหนึ่ง พยายามปลอบใจ “คุณชายน้อย อาหารเจของทางเราทำได้ไม่เลวเลย คุณลองชิมดูสิคะ!”
อาจงยกชามซุปผักรวมเดินเข้ามา แล้วเอ่ยอย่างเสียดสีแดกดัน “นมเฉียว เขาเป็นคุณชายน้อยที่ถูกเลี้ยงจนเสียคน จะชินกับการกินของแบบนี้ได้ยังไง!”
แม่นมเฉียวขมวดคิ้ว “เด็กเล็กเลือกกินบ้างก็เป็นเรื่องปกติ!”
ถึงแม่นมเฉียวจะพูดแบบนี้ แต่ในใจยังคงเป็นห่วงมากอยู่ดี ต้องรู้ก่อนว่า ในอดีตหากคุณชายใหญ่กล้าเลือกกิน ต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่นอน
อินเยวี่ยหรงถูกเสียงถกเถียงของสองคนนี้ทำให้หงุดหงิด จึงตบตะเกียบลงบนโต๊ะทีหนึ่ง “หุบปาก หนวกหู!”
ในที่สุดแม่นมเฉียวกับอาจงถึงได้เงียบเสียงลง
พออินเยวี่ยหรงพูดจบ ก็มองไปที่พ่อหนูซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าไม่ค่อยน่ามองอย่างเห็นได้ชัด
ถังถังก็ไม่พูดเหมือนกัน ดวงหน้าน้อยๆ ยังคงเรียบตึง ทำเพียงจ้องมองอินเยวี่ยหรงโดยไม่กะพริบตาเลย
ขณะที่อินเยวี่ยหรงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็เห็นพ่อหนูปีนลงมาจากเก้าอี้ จากนั้นก้าวมาหยุดตรงหน้าอินเยวี่ยหรงอย่างรวดเร็ว
อินเยวี่ยหรงขมวดคิ้ว สีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไร ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
หลังจากถังถังเดินเข้าไป ก็ยืดตัวเขย่งเท้า มีเสียง ‘แปะ’ ซึ่งเกิดจากการที่เด็กน้อยแนบฝ่ามือป้อมๆ ลงบนหน้าผากร้อนผ่าวของอินเยวี่ยหรงดังขึ้นเบาๆ
ฝ่ามืออบอุ่นของพ่อหนูแนบเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว อินเยวี่ยหรงจึงตะลึงงันไปแวบหนึ่ง
ไม่ใช่แค่อินเยวี่ยหรง อาจงกับแม่นมเฉียวก็ตกใจเช่นกัน
อินเยวี่ยหรงรังเกียจการถูกคนอื่นสัมผัสเป็นที่สุด เด็กคนนี้อารมณ์เสียจนรนหาที่ตายแล้วสินะ!
อาจงตวาดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวทันที “บังอาจ! ไร้มารยาท! ไอ้เด็กเหลือขอ! แกทำอะไร!”
ถังถังใช้มือแปะหน้าผากอินเยวี่ยหรงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รั้งคออินเยวี่ยหรงลงมา ให้เธอก้มหัวลงเล็กน้อย สุดท้ายก็ใช้หน้าผากตัวเองแนบเข้ากับหน้าผากของอินเยวี่ยหรง...
จากนั้น ใบหน้านุ่มนิ่มน่ารักของพ่อหนูก็เคร่งเครียดขึ้นมา พูดขึ้นอย่างจริงจังมากว่า “คุณย่า! คุณย่าเป็นไข้แล้ว!”
อินเยวี่ยหรงตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น หน้าผากร้อนผ่าวแนบอยู่กับหน้าผากอุ่นๆ ของพ่อหนู จมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นนมหอมหวาน สิ่งที่ปรากฏเข้าสู่สายตาคือแววตาห่วงใยและติเตียน…
ตัวอินเยวี่ยหรงเองก็รู้วิชาแพทย์ เธอจึงจับชีพจรให้ตัวเอง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว
เป็นไข้แล้วจริงๆ…
เธอยุ่งง่วนมาจนถึงตอนนี้ ไม่สังเกตเห็นเลย
“นายหญิง คุณเป็นยังไงบ้างคะ” ในที่สุดแม่นมเฉียวก็ได้สติกลับมา รีบเดินเข้ามาทันที
“เป็นไข้เท่านั้น อย่าตกใจให้มากนักเลย” อินเยวี่ยหรงเอ่ย
ถังถังเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมาก “หน้าผากคุณย่าร้อนมากเลยครับ ไข้สูงมากเลย ต้องรีบกินยาแล้วพักผ่อนนะครับ!”
แม่นมเฉียวมองอินเยวี่ยหรงอย่างละเอียดแวบหนึ่ง แต่กลับเห็นว่าท่าทางของอินเยวี่ยหรงนอกจากจะดูเหนื่อยล้ากว่าปกติ ไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากเท่าไรเลยจริงๆ ดังนั้นเธอจึงมองไม่ออกว่าอินเยวี่ยหรงป่วยแล้ว
ที่แท้ไม่ใช่เพราะจุกจิกเลือกกิน แต่เป็นเพราะคุณย่าป่วย…
—————————————————————————————
บทที่ 2390 เล่านิทาน
“นมเฉียว ไปหยิบยามา”
เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาอันสุกสว่างของพ่อหนู อินเยวี่ยหรงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงยอมจำนน ในที่สุดก็ให้แม่นมเฉียวไปเอายามา
ภายในห้องนอน อินเยวี่ยหรงนอนอยู่บนเตียง กินยาลดไข้ไปแล้ว
ถังถังเฝ้าอยู่ด้านข้างตลอด จนกระทั่งเห็นอินเยวี่ยหรงกินเสร็จถึงได้วางใจ
“นมเฉียว ไปยกเอกสารบนโต๊ะหนังสือของฉันมา” อินเยวี่ยหรงเอ่ย
แม่นมเฉียวกำลังจะทำตาม และถังถังก็มองไปที่อินเยวี่ยหรงทันที “คุณย่า คุณย่าต้องพักผ่อนสิครับ ถึงงานจะสำคัญแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่าสุขภาพของคุณย่านะครับ!”
พอพูดจบ พ่อหนูมองตรงไปที่แม่นมเฉียว “แม่นมเฉียว ปรับอุณหภูมิในห้องให้สูงขึ้นอีกนิด ให้ห้องครัวเตรียมโจ๊กเปล่ามาด้วย นับตั้งแต่ตอนนี้เป็น ให้ปฏิเสธทุกคนที่มาเยี่ยม ช่วยเตรียมจดหมายลาป่วยต่อสภาตุลาการให้คุณย่าด้วยนะ…”
พ่อหนูพูดจาฉะฉานมอบหมายหน้าที่สำหรับทุกคน
แม่นมเฉียวทึ่มทื่ออยู่ตรงนั้น…
อาจงที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าหมิ่นหยาม ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้อยากก่อกบฏรึไง แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ไม่น่าเชื่อว่าจะมาออกคำสั่งฉอดๆ ที่นี่ ครั้งนี้นายหญิงต้องโมโหแน่ ถึงยังไงนายหญิงก็เกลียดคนที่ทำตัวเหนือกฎเกณฑ์ที่สุด!
อินเยวี่ยหรงจ้องเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า เงียบอยู่นาน สุดท้ายจึงหลุบตาลง จู่ๆ ก็หัวเราะเบาๆ คงเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอ เลยทำให้สีหน้าของเธอดูอ่อนโยนลงกว่าปกติหลายส่วน “เจ้าหนูอย่างเธอกลับเจ้ากี้เจ้าการนักนะ”
มองจากท่าทีของอินเยวี่ยหรงแล้ว ไม่มีความไม่พอใจเลย…
“ไม่ได้ยินรึไง ไปจัดการสิ” อินเยวี่ยหรงมองแม่นมเฉียว
แม่นมเฉียวถอนหายใจด้วยความโล่งอก สีหน้าปรีดา และรีบไปจัดการทันที ส่วนอาจงก็ยืนตะลึงตาค้างอยู่ตรงนั้น…
….
หลังจากแม่นมเฉียวกับอาจงไปแล้ว ในห้องจึงเหลืออินเยวี่ยหรงและถังถังแค่สองคน
อินเยวี่ยหรงพิงหัวเตียงแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นไข้”
พ่อหนูกะพริบตาปริบๆ “เพราะคุณย่าดูไม่สบายมากเลย!”
อินเยวี่ยหรงตอบสั้นๆ “งั้นเหรอ…”
เธอเคยชินกับการเสแสร้งมานานแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเผยจุดอ่อนออกมา แม้แต่แม่นมเฉียวที่อยู่ข้างกายเธอมาตลอดก็ดูไม่ออก แต่เด็กคนนี้มองแวบเดียวกลับรู้แล้วว่าเธอป่วย
คงเป็นเพราะแววตาของเด็กน้อยค่อนข้างบริสุทธิ์ เลยมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่สังเกตเห็น
“คุณย่า คุณย่านอนไม่หลับใช่ไหม งั้นให้ถังถังเล่านิทานให้คุณย่าฟังเถอะครับ!” ถังถังเอ่ย
“ตามใจเธอสิ” อินเยวี่ยหรงหลับตาลง
“งั้นผมจะเริ่มเล่าแล้วนะครับ!” ถังถังเคลียร์ลำคอ จากนั้นก็เริ่มเล่านิทานด้วยเสียงอ้อแอ้
“ในอดีตนานแสนนานมาแล้ว มีสาวน้อยคนหนึ่งอาศัยอยู่ในป่า คุณยายของสาวน้อยคนนั้นทำหมวกสีแดงใบหนึ่งให้เธอ สาวน้อยชอบมันเป็นพิเศษ สวมอยู่ทุกวัน ดังนั้นผู้คนจึงเรียกเธอว่าหนูน้อยหมวกแดง…”
“มีวันหนึ่ง หนูน้อยหมวกแดงต้องไปส่งอาหารให้คุณยายที่อยู่ในป่า แต่ว่า ไม่คิดเลยว่าระหว่างทางจะเจอหมาป่าเทาตัวใหญ่ตัวหนึ่งเข้า
หมาป่าตัวนี้หิวมาก พอเห็นหนูน้อยหมวกแดง ก็โผเข้าใส่ทันที แต่ว่า หลังจากหมาป่าโผเข้าใส่หนูน้อยหมวกแดงแล้ว กลับไม่ได้กินหนูน้อยหมวกแดง
คุณย่าครับ คุณย่ารู้ไหมว่าทำไมหมาป่าถึงไม่ได้กินหนูน้อยหมวกแดง”
“ทำไมล่ะ” พออินเยวี่ยหรงรู้ตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองถามออกไปแล้ว
ถังถังยิ้มตาหยีแล้วตอบไปว่า “เพราะหมาป่ารู้สึกว่าหนูน้อยหมวกแดงน่ารักเกินไป ดังนั้นเขาเลยอยากเป็นเพื่อนกับหนูน้อยหมวกแดง ไม่อยากกินหนูน้อยหมวกแดงแล้วครับ!”
ดวงตาของอินเยวี่ยหรงค่อยๆ เผยแววขบขันออกมาแวบหนึ่ง “นิทานเรื่องนี้เป็นแบบนี้เหรอ”
“ใช่ครับ! เป็นแบบนี้แหละ! คุณย่ายังอยากฟังต่อไหมครับ ผมยังมีนิทานอีกเยอะเลย! ผมจะเล่าให้คุณย่าฟังต่อนะครับ!”
—————————————————————————————