แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2399 ลงครัวด้วยตัวเอง / บทที่ 2400 ใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2399 ลงครัวด้วยตัวเอง / บทที่ 2400 ใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้
บทที่ 2399 ลงครัวด้วยตัวเอง
ถังถังมีสีหน้าหมดคำพูดอยู่บ้าง “คืนนั้นที่พ่อเกิดหนาวมาก เพราะงั้นเลยชื่อเยวี่ยหานเหรอครับ คุณย่า ชื่อนี้คุณย่าตั้งลวกๆ เกินไปหน่อยแล้วจริงๆ”
ตอนแรกสีหน้าอินเยวี่ยหรงยังอึมครึมอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ถูกท่าทางของพ่อหนูน้อยหยอกจนมุมปากยกขึ้นนิดๆ “งั้นเหรอ”
ถังถังเอ่ยขึ้นมาทันที “ใช่ครับ ลวกๆ เกินไปแล้ว! ชื่อถังถังของผมแม่ตั้งแบบจริงจังมากเลยนะครับ!”
ชื่อของถังถังงั้นเหรอ
เนี่ยถังเซียว…ถังเซียว…
“ถ้างั้นชื่อของเธอ มีความหมายว่ายังไงล่ะ” อินเยวี่ยหรงถามกลับ
ถังถังกะพริบตา “คุณย่าลองเดาสิครับ!”
อินเยวี่ยหรงคิดดูเล็กน้อย “ยิ่งใหญ่เกรียงไกร หลุดพ้นเหนือธุลีใช่ไหม”
ถังถังส่ายหัว เอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิ “ไม่ใช่ครับ เป็นเพราะแม่ผมชอบกินซี่โครงเปรี้ยวหวานสุดๆ เพราะงั้นแม่เลยตั้งชื่อผมว่าเนี่ยถังเซียว!”
อินเยวี่ยหรงพูดไม่ออกแล้ว…
ซี่โครง…เปรี้ยวหวาน…
แน่ใจเหรอว่าชื่อนี้ไม่ได้ตั้งแบบลวกๆ น่ะ
พ่อหนูบอกกับอินเยวี่ยหรงพูดคุยกันอย่างมีความสุขต่อไป “ซี่โครงเปรี้ยวหวานเป็นอาหารที่แม่ผมชอบกินที่สุด แม่เอาชื่อของที่ชอบที่สุดมาตั้งชื่อให้ถังถัง นี่แสดงให้เห็นว่าแม่ชอบถังถังสุดๆ คุณย่า ฟังดูดีมากเลยใช่ไหมครับ”
อินเยวี่ยหรงมองท่าทางสดใสของพ่อหนูน้อยและดวงตาที่ส่องประกายพร่างพราวเหมือนเต็มไปด้วยหมู่ดาว แววตาจึงค่อยๆ อ่อนโยนลงอย่างอดไว้ไม่อยู่ “อืม เป็นชื่อที่เพราะมาก”
ดูเหมือนเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นอย่างลวกๆ แต่กลับมีความอบอุ่นขนาดนั้น
แต่ถังถังกลับถอนหายใจอย่างเสียดายอยู่บ้าง “เฮ้อ น่าเสียดายที่พ่อกับแม่ของผมทำอาหารไม่เก่งกันทั้งคู่ ทำซี่โรงเปรี้ยวหวานไม่อร่อยเลย! คุณย่า คุณย่าทำซี่โรงเปรี้ยวหวานเป็นไหมครับ”
พออินเยวี่ยหรงได้ฟัง ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก็เงียบไป ไม่ตอบเลย
เธอแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่าความจริงเธอทำอาหารเป็น ตอนนั้นเพื่อซือไหวจางแล้ว เลยเรียนรู้จนฝีมือเป็นเลิศ
เพียงแต่ เขาไม่เคยกินเลยสักครั้ง
ทว่าเธอเคยเห็นเขากินข้าวกล่องที่ผู้หญิงคนนั้นทำมาให้เขาที่บริษัท หน้าตาของอาหารในกล่องย่ำแย่มาก ถึงขั้นที่ไหม้เกรียมนิดหน่อยด้วย แต่เขากลับเห็นเป็นสมบัติล้ำค่า เพราะเธอปัดอาหารที่ผู้หญิงคนนั้นทำคว่ำ เลยโมโหเป็นฟืนเป็นไฟใส่เธอ
นับตั้งแต่นั้นมา เธอจึงไม่เคยลงครัวอีกเลย
ถังถังร้องเรียก “คุณย่า! คุณย่าครับ”
อินเยวี่ยหรงได้สติกลับมา “เป็นนิดหน่อย”
ถังถังมีสีหน้าเลื่อมใสและคาดหวังขึ้นมาทันที “จริงเหรอครับ คุณย่าทำเป็นเหรอ”
อินเยวี่ยหรงถามกลับ “อยากกินเหรอ”
ถังถังพยักหน้าอย่างใสซื่อ “อยากกินฝีมือคุณย่าครับ”
ในเวลาเดียวกันนี้ ที่ห้องครัว
อาจงกำลังโมโห “ล้อเล่นอะไรอยู่ ต้องทำอาหารเจสิ! คุณไม่รู้เหรอว่าหลายปีมานี้นายหญิงกินเจมาตลอด ให้ไอ้เด็กเหลือขอคนนั้นได้กินสักคำก็ดีมากแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะจุกจิกเลือกกินอีก! ไม่ได้การแล้วผมต้องไปคุยกับนายหญิงให้รู้เรื่อง!”
ขณะที่แม่นมเฉียวกำลังจะอ้าปากพูด ตอนนี้ เสียงของอินเยวี่ยหรงก็แว่วดังมาจากข้างหลัง “หาฉันทำไม”
อาจงรีบฟ้องด้วยท่าทางโมโหฟึดฟัด “นายหญิงครับ แม่นมเฉียวไม่สนกฎเกณฑ์ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะให้ห้องครัวทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์ให้ไอ้เด็กเหลือขอคนนั้น คุณไม่รู้รึไงว่านายหญิงไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ นี่มันอะไรกัน! ตั้งใจจะทำให้นายหญิงไม่มีความสุขชัดๆ!”
อินเยวี่ยหรงปรายตามองเขาอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง “ใครบอกว่าฉันจะให้ห้องครัวทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์”
พออาจงได้ยินก็ผยองยิ่งกว่าเดิม “แม่นมเฉียว คุณหลอกผมว่าเป็นคำสั่งของนายหญิง ช่างกล้าหาญจริงๆ!”
แม่นมเฉียวทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง “นายหญิงคะ…นี่…”
อินเยวี่ยหรงค่อยๆ พับแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่อนาทรร้อนใจ พลางเอ่ยว่า “นมเฉียว ไปเตรียมวัตถุดิบให้ดี ฉันจะทำเอง”
แม่นมเฉียวตะลึงงัน
อาจงเหวอไปแล้ว…
อะไรนะ
นายหญิงจะลงครัวเอง!
อาจงตาค้างอ้าปากหวอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเมื่อกี้ตัวเองได้ยินอะไร
….
—————————————————————————————
บทที่ 2400 ใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้
ณ วิลล่าของซือเยี่ยหาน
หลังจากสืบข่าวและเตรียมตัวอยู่หลายวัน ซือเยี่ยหานก็แน่ใจในตำแหน่งที่อยู่ของถังถัง และรู้อย่างชัดเจนในรูปแบบการคุ้มกันของเรือนหมื่นเหมยแล้ว ในเวลานี้ คนทั้งหมดต่างก็ถูกระดมพลมาแล้ว พร้อมเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ
พอนึกถึงว่าสถานที่ที่ต้องไปบุกคือเรือนหมื่นเหมยซึ่งเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในเมืองเทียนสุ่ย หลินเชวียก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านขึ้นมา “เรือนหมื่นเหมยเป็นสถานที่สำหรับเพาะกู่ของอินเยวี่ยหรงโดยเฉพาะ มีกู่ยุ่บยั่บไปหมด ต้นไม้รอบๆ ต่างก็มีไอพิษ ไม่มีใครในเมืองเทียนสุ่ยกล้าเข้าใกล้…”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้น “ฉันวานพี่ชายฉันสั่งให้เจ้าคนตายเตรียมยากันไว้แล้ว อีกเดี๋ยวนายเอาไปแจกจ่ายให้ทุกคนซะ จะสามารถต้านพิษกู่กับไอพิษได้”
เมื่อนึกถึงว่าถังถังอยู่ในสถานที่น่ากลัวแบบนั้นมานานขนาดนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ร้อนใจเหมือนไฟลนแล้ว
ตอนแรกเธอนึกมาตลอดว่าอินเยวี่ยหรงแค่เสียหน้าไม่ได้ อีกไม่กี่วันต้องเอาตัวถังถังมาแลกกับอินเหิงแน่
แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ทางฝั่งอี้หลิงจวินลองไปเจรจากับอินเยวี่ยหรงอยู่หลายครั้ง อินเยวี่ยหรงกลับนิ่งสงบดั่งขุนเขา
ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นฐานหลักของสภาตุลาการ ถ้าเรื่องราววุ่นวายใหญ่โตเกินไป สภาตุลาการไม่มีทางอยู่เฉยแน่ พอถึงเวลาอี้หลิงจวินก็ยากจะจัดการได้
ดังนั้นหลายวันมานี้เธอจึงคอยเกลี้ยกล่อมซือเยี่ยหาน ให้อดทนเอาไว้ รอข่าวจากอี้หลิงจวิน
แต่ผลคือเจ็ดวันผ่านไปแล้ว อินเยวี่ยหรงกลับยังไม่ยอมปล่อยถังถัง ตอนนี้พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว มีแต่ต้องใช้ไม้แข็ง
“พี่เก้า ซ้อเก้า งั้น…พวกเรารอให้ฟ้ามืดกว่านี้อีกหน่อยดีไหม ดึกๆ ค่อยไปน่าจะดีกว่า!” หลินเชวียเกลี้ยกล่อม
ดวงตาของซือเยี่ยหานไร้ซึ่งระลอกอารมณ์ “บอกทุกคนว่าให้ออกเดินทางทันที”
ตอนนี้ถ้าล่าช้าไปแม้แต่นาทีเดียว ถังถังก็มีอันตรายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเท่า
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยสีหน้าจนปัญญา “นายคิดว่าอินเยวี่ยหรงไม่ได้เตรียมการไว้เลยรึไง อันที่จริงจะกลางวันหรือว่ากลางคืนส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างกันหรอกน่า”
หลินเชวียอึกอัก “เอ่อ…”
เขาไม่สามารถโต้แย้งคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นได้จริงๆ เขาก็แค่คิดว่ารอให้ดึกหน่อยค่อยไปตายก็เท่านั้น…
สุดท้าย ซือเยี่ยหานและเยี่ยหวันหวั่นก็นำทีมหัวกะทิกลุ่มหนึ่ง บุกตรงไปที่เรือนหมื่นเหมย
ณ เรือนหมื่นเหมย
แม่นมเฉียวให้คนจัดซื้อวัตถุดิบสดใหม่มามากมาย ถึงขั้นที่แม้แต่ผ้ากันเปื้อนก็เตรียมมาด้วย
อินเยวี่ยหรงเปลี่ยนไปสวมชุดลำลอง ล้างมือ สวมผ้ากันเปื้อน จากนั้นก็เริ่มเตรียมมื้อค่ำที่ห้องครัว
จำได้เลือนลางว่าไม่ได้ลงครัวมานานกี่ปีแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะฝีมือคงตกแล้ว แต่ว่า พอหยิบมีดขึ้นมา ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็หวนคืนกลับมาทันที
เวลานี้เธอถึงได้พบว่า ที่จริงความทรงจำพวกนั้นไม่เคยเลือนหายหรือหลงลืมไปเลย แค่ถูกสะกดไว้ในส่วนลึกเท่านั้น
เธอไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันที่ตัวเองได้ลงครัวเพื่อใครสักคนด้วย…
ในครัวมีกลิ่นควันคราบน้ำมันเยอะ อินเยวี่ยหรงไม่อนุญาตให้ถังถังเข้ามา ดังนั้นพ่อหนูเลยทำได้แค่ทำตาละห้อยนั่งคอยอยู่ในห้องรับแขก
“คุณชายน้อยคะ นายหญิงกำลังทำอาหาร คุณเป็นเด็กดีเล่นอยู่ที่นี่สักเดี๋ยวนะคะ รอแปบเดียวเท่านั้น!” แม่นมเฉียวเอ่ยด้วยความอ่อนโยน
ถังถังตอบอย่างว่าง่าย “ได้เลย”
หลังจากแม่นมเฉียวคุยกับคุณชายน้อยอยู่พักหนึ่ง ก็ไปช่วยอินเยวี่ยหรงที่ครัวต่อ
แต่ผลคือ เพิ่งไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีคนวิ่งผลุนผลันเข้ามาจากด้านนอก “แม่บ้านเฉียวครับ! แย่แล้วครับแม่บ้านเฉียว!”
แม่นมเฉียวขมวดคิ้วนิดๆ “เอะอะทำไม เกิดอะไรขึ้น”
ชายที่ดูเหมือนบอดี้การ์ดหอบหายใจรายงานว่า “มีคนบุกโจมตีจากด้านนอก ว่องไวมาก ตอนนี้มาถึงตีนเขาแล้วครับ…”
แม่นมเฉียวโมโหขึ้นมาทันที “นายว่าไงนะ ใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้ แม้แต่เรือนหมื่นเหมยก็กล้าบุก!”
—————————————————————————————