แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2403 ฉันเชื่อใจถังถัง / บทที่ 2404 หอมจริงๆ
บทที่ 2403 ฉันเชื่อใจถังถัง
ถึงแม้ตอนที่ปฏิบัติต่อถังถัง อินเยวี่ยหรงจะเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน แต่พอมองคนอื่นๆ ก็จะสลับมาอยู่ในโหมดเย็นชาอีกครั้ง
อินเยวี่ยหรงกวาดสายตามองคนทั้งสี่แวบหนึ่ง แววตาเยียบเย็นไร้ความอบอุ่น “ดูเหมือนทุกท่านจะเห็นเรือนหมื่นเหมยของฉันเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสินะ คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปงั้นเหรอ”
ซือเยี่ยหานหรี่ตาลงนิดๆ “อิน…”
ผลคือ ไม่รอให้ซือเยี่ยหานทันพูดจบ ถังถังก็พูดขึ้นมาดื้อๆ ว่า “ใช่แล้ว ทิวทัศน์ที่นี่ดีมากเลย ข้างหลังมีดงเหมยที่สวยมากๆ ด้วย! พ่อครับ แม่ครับ คุณอาทั้งสองด้วย ทุกคนมาได้จังหวะพอดี พวกเราจะได้มากินข้าวด้วยกัน! กินเสร็จแล้วก็ไปชมดอกไม้ที่ดงเหมยได้!”
อินเยวี่ยหรงนิ่งไปแล้ว
ซือเยี่ยหานและเยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกเลย
อวี๋เซ่ากับหลินเชวียก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
ชมดอกไม้เหรอ ยัง…ยังจะให้อยู่กินด้วยอีก ล้อกันเล่นสินะ!
อินเยวี่ยหรงไม่สับพวกเขาทำเป็นปุ๋ยบำรุงดงเหมยก็ดีแค่ไหนแล้ว!
สีหน้าของอินเยวี่ยหรงมืดครึ้ม แปรเปลี่ยนไปมา
ถังถังเอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “อีกเดี๋ยวทุกคนก็จะได้ชิมฝีมือของคุณย่าแล้ว คุณย่าน่ะสุดยอดไปเลย!”
อารมณ์ของอินเยวี่ยหรงเปลี่ยนสลับไปมาอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็กลับสู่สีหน้าไร้อารมณ์ “อีกเดี๋ยวอาหารก็มาแล้ว เชิญทุกท่านตามสบาย”
มองเห็นว่าอินเยวี่ยหรงไม่ทำอะไรพวกเขาเลย ทำเพียงหันหลังกลับเข้าไปทางห้องครัว ทิ้งให้สี่คนด้านหลังตกตะลึงตาค้าง
“แม่งเอ้ย! นี่…นี่หมายความว่ายังไง…ให้พวกเราอยู่กินข้าวจริงๆ งั้นเหรอ” หลินเชวียทำหน้าเหมือนเห็นผี
อวี๋เซ่าก็ตื่นตระหนกอยู่บ้างเช่นกัน นับตั้งแต่เดินเข้ามาในเรือนหมื่นเหมย เรื่องราวทุกอย่างได้เปลี่ยนไปอย่างน่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง
….
ผ่านไปครู่หนึ่ง อาหารทั้งหมดก็ขึ้นโต๊ะแล้ว
อินเยวี่ยหรง ถังถัง ซือเยี่ยหาน เยี่ยหวันหวั่น หลินเชวีย และอวี๋เซ่าต่างก็นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน
หลินเชวียและอวี๋เซ่าไม่กล้าหายใจแรง ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับอินเยวี่ยหรง แถมอินเยวี่ยหรงยังลงมือทำอาหารด้วยตัวเองอีก ถึงขั้นที่ว่ากลางโต๊ะมีถังหูลู่สีแดงสดใสแวววาวจานหนึ่งตั้งอยู่ด้วย!
เรื่องนี้พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ!
ผู้คนร่วมโต๊ะ คงมีแค่ถังถังที่นิ่งสงบได้อยู่คนเดียว
ถึงแม้อินเยวี่ยหรงจะอนุญาตให้พวกเขาสี่คนอยู่ต่อ แต่กลับทำเหมือนพวกเขาไม่มีตัวตน นั่งกินข้าวไปคนเดียว
พ่อหนูคีบซี่โครงเปรี้ยวหวานชิ้นหนึ่งให้แม่ก่อนเป็นอันดับแรก “คุณแม่รีบชิมสิครับ!”
เยี่ยหวันหวั่นกลืนน้ำลาย ซี่โครงเปรี้ยวหวานที่อินเยวี่ยหรงทำ…
เธอจะกล้ากินงั้นเหรอ
แต่ว่า สถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าไม่กินก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีสินะ
เยี่ยหวันหวั่นดึงสติกลับมา แล้วรีบพยักหน้า “ได้…ได้จ๊ะ…”
ผลคือ พอเตรียมจะอ้า ก็ถูกซือเยี่ยหานปรามไว้ “อย่าแตะ”
ชัดเจนมาก ซือเยี่ยหานไม่ไว้ใจอินเยวี่ยหรง
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของซือเยี่ยหานไม่รอดพ้นไปจากสายตาของอินเยวี่ยหรง มือของอินเยวี่ยหรงที่ถือตะเกียบอยู่แข็งทื่อไปแวบหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวเยียบเย็นลงทันที
เยี่ยหวันหวั่นลอบถอนหายใจกับตัวเองด้วยความจนปัญญา แล้วกดเสียงต่ำเอ่ยกับซือเยี่ยหาน “ฉันรู้ว่าคุณไม่ไว้ใจเธอ ฉันก็ไม่ไว้ใจเหมือนกัน”
พอพูดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็นิ่งไป และมองไปที่ถังถังลูกรัก “แต่ว่า ฉันเชื่อใจถังถัง”
ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนอย่างอินเยวี่ยหรง ถ้าอยากวางยาพิษเธอ ก็สามารถทำให้เธอไร้ทางป้องกันได้อย่างสิ้นเชิงแน่ ยังไงก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ลูกไม้ตื้นๆ อย่างวางยาพิษในอาหารเลย
พอพูดจบ เธอก้มหน้าลงทันที ส่งซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานชิ้นหนึ่งเข้าปาก
ซือเยี่ยหานเบิกตามองเยี่ยหวันหวั่นกินซี่โครงเข้าไป ขบกรามแน่นขึ้นมาทันที
เยี่ยหวันหวั่นร้องออกมา “อ๋า…”
ซือเยี่ยหานตื่นตระหนก “เป็นอะไร!”
เยี่ยหวันหวั่นอุทาน “นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว!”
ซือเยี่ยหานพูดไม่ออกเลย…
—————————————————————————————
บทที่ 2404 หอมจริงๆ
“อร่อยใช่ไหมครับ! ผมก็บอกแล้วว่าคุณย่าน่ะสุดยอดมาก คุณย่าทำเป็นทุกอย่างเลย!” หนูน้อยถังถังเอ่ยอย่างมีความสุข
สีหน้าของอินเยวี่ยหรงที่อยู่ด้านข้างคล้ายจะอ่อนโยนลงหลายส่วนอย่างที่สังเกตแทบไม่เห็น
“พ่อครับ พ่อก็กินด้วยสิ!” ถังถังคีบปลาน้ำแดงชิ้นหนึ่งให้ซือเยี่ยหาน
“พี่เก้า อย่านะ พี่ไว้ใจน้าหรงจริงๆ เหรอ…” หลินเชวียกระซิบอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล
ซือเยี่ยหานไม่พูดอะไร กินเนื้อปลาที่ถังถังคีบให้เขาเข้าไป จากนั้นก็มีสีหน้าตะลึงนิดๆ
เขาคิดมาโดยตลอดว่าหวันหวั่นแค่กลัวว่าอินเยวี่ยหรงจะโกรธ เลยจงใจพูดแบบนั้น แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า ฝีมือการทำอาหารของอินเยวี่ยหรงจะดีมากจริงๆ
“พ่อ อร่อยไหมครับ” หนูน้อยถังถังถามทันที
ซือเยี่ยหานเงียบอยู่นาน จากนั้นถึงพยักหน้า “อืม”
เมื่ออินเยวี่ยหรงได้ยิน สีหน้าก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับเป็นปกติ
พอเห็นซือเยี่ยหานกิน อวี๋เซ่าจึงได้แต่คีบมากินชิ้นหนึ่งเหมือนกัน
“บัดซบ! พวกนายก็ใจกล้าเกินไปแล้ว! ยังไงฉันก็ไม่กิน! ตีให้ตายฉันก็ไม่กิน!” หลินเชวียส่ายหัวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
สุดท้ายน่ะเหรอ…
เห็นคนอื่นกินกันดูน่าอร่อยมาก หลินเชวียอดไม่ได้ที่จะเอ่ยพึมพำ “อร่อยขนาดนั้นเลยจริงๆ น่ะเหรอ ฉันจะชิมดูสักหน่อย…”
หลินเชวียใช้ตะเกียบคีบอย่างระมัดระวัง จากนั้น ดวงตาก็ลุกวาว
“นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว! ฝีมือการทำอาหารของน้าหรงดีขนาดนี้เชียวเหรอ”
สุดท้าย คนทั้งโต๊ะก็เริ่มกินกันอย่างจริงจังขึ้นมา อาหารทั้งหมดถูกกวาดจนเกลี้ยง หลินเชวียกินไปเยอะที่สุด
หอมจริงๆ!
ตอนกินข้าว เยี่ยหวันหวั่นกินไปพลางส่งสายตาสอบถามซือเยี่ยหานอยู่เรื่อยๆ ไปพลาง แต่ซือเยี่ยหานได้แต่แสดงท่าทีจนปัญญา สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อนเลย
ถึงยังไงอินเยวี่ยหรงก็แสดงท่าทีรังเกียจและต่อต้านถังถังต่อหน้าพวกเขาหลายครั้ง ถึงขั้นที่ตอนอยู่ในทางเดินสภาตุลาการครั้งนั้น ได้พูดจาดุร้ายออกมาต่อหน้าด้วย
แต่หลังจากได้มาเห็นด้วยตาตัวเองกลับพบว่า ความจริงนั้นต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง
ปฏิกิริยาของถังถังก็ไม่ใช่การเสแสร้ง พ่อหนูอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ แต่อารมณ์กลับสงบมั่นคงมาก ไม่ใช่แค่สงบมั่นคง เรียกได้ว่าอยู่ในสภาพดีเยี่ยม ได้รับการดูแลเอาใจใส่ดีมากเช่นกัน
อินเยวี่ยหรงถึงขั้นที่ลงครัวทำอาหารให้ถังถังกินด้วยตัวเอง อีกทั้งอินเยวี่ยหรงที่ไม่เคยแตะอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์เลยแต่กลับทำอาหารที่มีเนื้อมากมาย…
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้อินเยวี่ยหรงจะอาละวาดแล้วชัดๆ แต่ว่า เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของถังถัง ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมให้พวกเขาอยู่กินข้าวจริงๆ
ดวงตาของซือเยี่ยหานราวกับทะเลลึกกว่าสองพันฟุต ที่มีคลื่นใต้น้ำปั่นป่วน
อินเยวี่ยหรงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ กับอินเยวี่ยหรงคนนั้นที่เขารู้จัก ราวกับเป็นคนละคนกัน
แต่ว่า นี่ก็เป็นเพียงตอนที่อยู่ต่อหน้าถังถัง แต่ท่าทีที่เธอมีต่อคนอื่นที่ไม่ใช่ถังถัง ก็ยังคงเป็นอินเยวี่ยหรงคนนั้น ไม่อย่างนั้น เขาคงถึงขั้นที่นึกสงสัยแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนอื่นที่ปลอมตัวมา
“แม่คุณนี่มันยังไงกัน…ฉันสับสนไปหมดแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นกัดตะเกียบด้วยความกระวนกะวาย
“บางที เธอควรจะถามลูกชายเธอนะ” สายตาของซือเยี่ยหานมองไปทางพ่อหนูที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างอินเยวี่ยหรงและเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นขบคิดอย่างจริงจังอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ตบเข่าแล้วเอ่ยออกมา “คุณเก้า ฉันรู้สาเหตุแล้ว…”
ซือเยี่ยหานมองเธอ “อะไร”
เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างมั่นใจ “ต้องเป็นเพราะลูกชายของฉันน่ารักเกินไปแน่ๆ!”
ซือเยี่ยหานเงียบไปทันที
ซือเยี่ยหานมีท่าทางยากจะพูดอยู่บ้าง ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักขนาดไหนก็ไม่มีทางเป็นสาเหตุที่ทำให้อินเยวี่ยหรงหวั่นไหวได้
แต่ว่า ถ้านอกเหนือจากนี้ไป เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าสาเหตุที่อินเยวี่ยหรงปฏิบัติต่อถังถังเป็นอย่างดีแบบนี้คืออะไรกันแน่
“ทำไม คุณไม่เชื่องั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว
ซือเยี่ยหานไม่ตอบ แต่ท่าทางกลับมอบคำตอบให้เธอแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างเฉยเมย “เข้าใจยากนักรึไง เมื่อก่อนก็ไม่ใช่เพราะฉันน่ารักเกินไปหรอกเหรอคุณถึงได้ตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกเห็นน่ะ”
ซือเยี่ยหานคัดค้าน “เรื่องนี้จะเอามาปนกันไม่ได้”
เยี่ยหวันหวั่นบ่นอุบ “หลักการไม่ต่างกันเลยชัดๆ”
—————————————————————————————