แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2411 สิ่งที่คุณย่าชอบที่สุดเป็นฉันต่างหาก / บทที่ 2412 ไม่มีใครรังเกียจคุณแม่ฉัน
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2411 สิ่งที่คุณย่าชอบที่สุดเป็นฉันต่างหาก / บทที่ 2412 ไม่มีใครรังเกียจคุณแม่ฉัน
บทที่ 2411 สิ่งที่คุณย่าชอบที่สุดเป็นฉันต่างหาก
ในที่สุดก็คอยอยู่จนถึงเช้าวันต่อมา
อาจงไปซื้อลูกกวาดที่ห้างมากองหนึ่ง จากนั้นก็เตรียมพร้อมสำหรับไปหาถังถังอย่างลับๆ
ดูเหมือนว่าตั้งแต่ถังถังเข้ามา อินเยวี่ยหรงที่ในอดีตอยู่ในโหมดคนบ้างานก็เปลี่ยนแปลงไป วันนี้ทำการลาหยุด พักผ่อนอยู่ที่บ้านจริงๆ ไม่ได้ไปไหนเลย และไม่ได้ทำงานนอกเวลาด้วย
เห็นอยู่ว่าการประชุมแก้ไขร่างกฎหมายใกล้เข้ามาแล้ว แต่กลับไม่ร้อนรนเลย ไม่ได้ลนลานเหมือนเมื่อก่อน เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เวลานี้ ถังถังเพิ่งกินข้าวเช้ากับอินเยวี่ยหรงเสร็จ
“คุณย่า ผมไปเด็ดดอกเหมยสักสองสามกิ่งที่ดงเหมยได้ไหมครับ” ถังถังกะพริบดวงตากลมโตพลางเอ่ยถาม
อาจงที่อยู่ด้านข้างฟังแล้วยิ้มหยัน ไร้การอบรมจริงๆ สิน่า
ดอกเหมยเป็นสิ่งที่อินเยวี่ยหรงโปรดปรานที่สุด คนใช้แตะมั่วซั่วสักกิ่งก็ต้องได้รับโทษหนัก ต่อให้เป็นเขาก็ด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งไม่ทันระวังทำกิ่งดอกเหมยหักเข้า ก็ถูกตำหนิไปยกหนึ่ง แล้วจะอนุญาตให้ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ไปเด็ดมั่วซั่วได้ยังไง
อาจงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ดอกเหมยพวกนี้เป็นสิ่งที่นายหญิงโปรดปรานที่สุด จะเด็ดมั่วซั่วได้ยังไง”
ถึงแม้แม่นมเฉียวจะอยากเปิดปากพูด แต่ก็ทราบถึงกฎระเบียบของอินเยวี่ยหรงดี ดังนั้นจึงไม่ได้พูดออกมา
อินเยวี่ยหรงมองถังถังแวบหนึ่ง ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธเลย แล้วพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบ “ดอกไม้พวกนี้บานอยู่บนต้นไม่ใช่ว่าดีมากอยู่แล้วเหรอ”
ถังถังเขยิบเข้าไปอยู่ตรงหน้าอินเยวี่ยหรง พร้อมเผยรอยยิ้มกว้าง “บานอยู่บนกิ่งก็สวยมากครับ แต่ถังถังคิดว่า การที่ดอกเหมยพวกนี้ผลิบานอยู่บนกิ่ง ยังสู้มาอยู่ข้างตัวคุณย่าผมไม่ได้เลย!”
อินเยวี่ยหรงฟังแล้วสีหน้าก็นิ่งงันไปแวบหนึ่ง จากนั้นมุมปากก็หยักขึ้นนิดๆ เผยรอยยิ้มที่เฉียดใกล้ความอ่อนโยนเข้ามาแล้ว
ถังถังพูดเจื้อยแจ้ว “ผมอยากเด็ดมาวางไว้บนโต๊ะหนังสือของคุณย่าสักกิ่ง เป็นแบบนี้คุณย่าจะได้เห็นตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีกเหรอครับ”
“นายหญิงคะ คุณดูสิคะว่าคุณชายน้อยกตัญญูมากเลย!” ยิ่งเห็นเด็กน้อยคนนี้แม่นมเฉียวก็ยิ่งชอบมากขึ้นไปเรื่อยๆ จริงๆ เธอจำไม่ได้แล้วว่านายหญิงไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองให้ดีมานานแค่ไหน หลังจากคุณชายน้อยมา อารมณ์ของนายหญิงก็ดีวันดีคืน มีรอยยิ้มบนใบหน้ามากขึ้น
ถังถังนิ่งไป ตั้งใจมองไปที่อาจงแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นมา “อีกอย่าง ตอนนี้สิ่งที่คุณย่าชอบที่สุดไม่ใช่ดอกเหมย แต่เป็นฉันต่างหาก!”
สีหน้าของอาจงดำคล้ำเหมือนก้นหมอ
“พรืด…” แม่นมเฉียวหลุดขำออกมา
แม้แต่อินเยวี่ยหรงก็หัวเราะเบาๆ “เธอไม่ถ่อมตัวเอาเสียเลย”
อาจงนึกถึงว่าวันนี้ตัวเองยังมีเรื่องต้องให้ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ช่วยอยู่ เลยสะกดกลั้นความโกรธไว้ ในใจเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
คุณชายอินเหิงพูดถูก ถ้าปล่อยให้ไอ้เด็กเหลือขอนี่ได้รับความโปรดปรานต่อไป พอตระกูลอินผลัดมือแล้ว จะยังมีที่สำหรับเขาได้ยังไง
….
ณ ดงเหมย
อาจงพกลูกกวาดไว้ แล้วแอบตามถังถังไป
รอจนไปถึงสถานที่ปลอดคนแล้ว อาจงจึงเอ่ยเรียกทันที “ไอ้เด็ก…คุณชายน้อย!”
ถังถังได้ยินเสียงจากด้านหลัง เลยหันกลับไป “อาจง นายนี่เอง มีอะไร”
หนูน้อยคนนี้เพิ่งอายุสี่ห้าขวบชัดๆ เวลามองคนยังต้องเงยหน้าอยู่ แต่ท่าทางตอนที่ดวงตาเยือกเย็นคู่นั้นมองมากลับดูเหมือนก้มมองเขาจากที่สูง ทำให้หัวใจเขาอึดอัดขึ้นมา
“คุณชายน้อย นี่เป็นลูกกวาดกับของเล่นที่ผมซื้อให้คุณครับ คุณดูเถอะว่าชอบไหม!” อาจงมีสีหน้าประจบเอาใจ
ถังถังมองลูกกวาดกองใหญ่และของเล่นสารพัดของอาจง แล้วเลิกคิ้วนิดๆ ในดวงตากลมโตมีประกายแสงวาบผ่านแวบหนึ่ง
ทำดีโดยไม่มีสาเหตุไม่ใช่ไส้ศึกก็หัวขโมย
อาจงเห็นดวงตาของพ่อหนูส่องประกาย ใบหน้าจึงฉายแววภาคภูมิใจ “คุณชายน้อย อยากได้ไหมครับ ขอแค่คุณยอมช่วยเป็นธุระให้ผมนิดหน่อย ของพวกนี้จะให้คุณไปเลย!”
—————————————————————————————
บทที่ 2412 ไม่มีใครรังเกียจคุณแม่ฉัน
ถังถังเอ่ยอย่างไม่เร่งร้อน “ธุระอะไร”
อาจงเหลียวซ้ายแลขวาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ล้วงกล่องไม้แกะสลักงามประณีตใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “คุณชายน้อย ของสิ่งนี้ คุณช่วยผมเอาไปวางไว้ในลิ้นชักที่ห้องหนังสือของนายหญิงได้ไหม”
ถังถังมองกล่องใบนั้นแวบหนึ่ง “ทำไมนายไม่เอาไปวางเองล่ะ”
อาจงถอนหายใจกล่าวไปว่า “นายน้อย คุณก็รู้นี่ครับ ถ้าผมไม่ได้รับคำอนุญาตจากนายหญิงก็ไม่สามารถเข้าห้องหนังสือได้ เพราะงั้นถึงได้แต่รบกวนคุณให้ช่วยเป็นธุระแล้ว!”
“ในนี้คืออะไร” ถังถังถามอีก
อาจงรีบเปิดออก “เป็นเครื่องเคลือบชิ้นหนึ่งครับ”
ด้านในมีจานใบเล็กๆ สีครามแบบบางใบหนึ่ง
ถังถังยังถามต่อไป “ทำไมนายต้องเอาของนี่ไปวางในห้องหนังสือของคุณย่าด้วย”
อาจงกัดฟันกรอด ไอ้เด็กเหลือขอนี่ จะจุกจิกจู้จี้มากขนาดนั้นไปทำไมกัน
อาจงตีหน้าโศกหมอง แล้วพูดอย่างน่าสงสาร “เฮ้อ ความจริงเป็นแบบนี้ครับ…ครั้งก่อนนายหญิงให้ผมเข้าไปทำความสะอาดห้องหนังสือ ผลน่ะเหรอ ตอนที่ผมทำความสะอาด ไม่ทันระวังทำเครื่องเคลือบชิ้นนี้ตกแตก
ผมกลัวจะโดนนายหญิงตำหนิ ไม่กล้าบอกนายหญิง เลยไปซื้อของแบบเดียวกันมา คิดจะวางกลับไปก่อนที่นายหญิงจะรู้ตัว! คุณชายน้อย คุณทำได้แน่ครับ ช่วยทีเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าถังถังไม่พูดอะไร อาจงจึงเอ่ยเสียงอ่อน “คุณชายน้อยครับ คุณแค่ต้องฉวยโอกาสที่นายหญิงไม่อยู่ ช่วยผมเอาของเข้าไปวางก็ใช้ได้แล้ว ง่ายมากเลยนะครับ!”
ถังถังไม่ได้ตอบรับ และไม่ได้ปฏิเสธ ใบหน้าน้อยๆ ฉายแววครุ่นคิด
อาจงเห็นว่ามีหวัง ก็ยิ่งพยายามเกลี้ยกล่อมเขายิ่งขึ้นไปอีก “คุณชายน้อยครับ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ผมจะเคยล่วงเกินไปมาก แต่นั่นก็เป็นเพราะผมหวังดีกับคุณนะครับ! คุณรู้ไหมครับ ปกติแล้วนายหญิงเธอเข้มงวดมาก ผมกลัวว่าถ้าเกิดคุณทำพลาดอะไรไป แหย่ให้เธอโกรธขึ้นมา กลัวว่าเธอจะสั่งลงโทษคุณ ดังนั้นถึงได้เอ่ยเตือนให้ระมัดระวังอยู่ข้างๆ ทุกครั้ง!”
ถังถังเอียงคอ “งั้นเหรอ”
ดวงตาของอาจงทอแววเจ้าเล่ห์แวบหนึ่ง เตรียมจะใช้โอกาสนี้ยุแยงอีกสักหน่อย ดังนั้นจึงเอ่ยไปว่า “ใช่ครับ คุณชายน้อย หรือคุณไม่รู้เลยสักนิดครับ อันที่จริงความสัมพันธ์ของนายหญิงกับคุณพ่อของคุณย่ำแย่มาก ทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุกับคุณพ่อของคุณไว้มากมาย ขับไล่คุณพ่อคุณออกจากตระกูล แล้วนายหญิงยังรังเกียจคุณแม่คุณมากด้วย…”
อาจงพูดยังไม่จบ ทว่าถังถังที่เมื่อกี้ยังฟังเขาพูดด้วยความสนอกสนใจ สีหน้ากลับแปรเปลี่ยนไปทันที สายตาที่ราวกับคมมีดน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่ “ไม่มีใครรังเกียจคุณแม่ฉัน!”
“แค่ก...” อาจงจนปัญญาอยู่บ้าง “แต่คุณชายน้อยครับ สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงแน่นอน ถ้าไม่เชื่อคุณออกไปสอบถามดูได้ เรื่องพวกนี้ทุกคนต่างรู้กันดี!”
ใบหน้าอมชมพูของถังถังฉายแววเย็นชาไม่เข้ากับอายุเลย เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ทำไมฉันต้องออกไปสอบถามด้วย ฉันแค่ฟังที่คุณแม่ฉันบอกฉันก็พอแล้ว แม่บอกว่าคุณย่าเป็นคนดี คุณย่าก็ต้องเป็นคนดี! นายว่าร้ายคุณย่าฉัน นายเป็นคนไม่ดี!”
อาจงไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ จึงค่อนข้างสับสนขึ้นมาทันที
ตอนแรกเตรียมการไว้ว่ามาจะมาสร้างความรู้สึกดี ใส่ร้ายอินเยวี่ยหรง แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงกลายเป็นคนไม่ดีล่ะ
ไม่ถูกสิ ตอนแรกอินเยวี่ยหรงก็ร้ายอยู่แล้ว ยังจะต้องให้เขาใส่ร้ายอะไรอีก แต่ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้โง่เง่าขนาดนี้ได้ยังไง พูดอะไรไปดันไม่เชื่อสักอย่าง
อาจงหมดหนทาง จึงได้แต่ยอมอ่อนให้ “คุณชายน้อย ผมผิดเอง ผมผิดไปแล้วครับ คุณจะไม่เชื่อผมก็ได้ เป็นผมที่ปากมากเอง ไม่ควรพูดเหลวไหล ขอร้องคุณช่วยผมด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว!”
—————————————————————————————