แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2427 คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ / บทที่ 2428 เป็นเพราะรัก
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2427 คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ / บทที่ 2428 เป็นเพราะรัก
บทที่ 2427 คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์
พอสิ้นเสียงของอี้หลิงจวิน ทั้งห้องก็เงียบลง
ใครบ้างจะไม่รู้ ว่าอี้หลิงจวินมีใจอยากปรับแก้กฎข้อนี้ ถ้าคัดค้าน แบบนั้นจะไม่เป็นการต่อต้านอี้หลิงจวินหรอกเหรอ…
อีกอย่าง ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะขัดแย้งกับประธานสภาและพวกตุลาการซือหรือไม่เลย แค่ตัวกฎข้อนี้ มันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่มากจริงๆ
“ฮ่าๆ ประธานอี้ คุณก็พูดบอกเองนะครับ กฎข้อนี้สืบทอดกันมาแต่อดีต อดีตคืออดีต ปัจจุบันคือปัจจุบัน นี่มันยุคไหนกันแล้ว ผมคิดว่า กฎที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้ สมควรต้องปรับเปลี่ยน ไม่สิ ควรล้มเลิกไปซะ”
ตุลาการคนหนึ่งมองไปที่อี้หลิงจวิน พลางหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“ถูกต้อง ตุลาการโจวพูดถูก สมัยโบราณพูดได้ว่า วิวาห์เป็นเรื่องใหญ่ ต้องให้พ่อแม่จัดการ แต่นี่มันยุคไหนกันแล้ว ใครๆ ก็รู้จักเสรีภาพในการเลือกคู่ มีอิสระในการคบหา เอากฎคร่ำครึแบบนี้มาผูกมัดความสุขในชีวิตของคนหนุ่มสาว นี่ก็ออกจะประหลาดเกินไป ผมคิดว่า กฎนี้สมควรถูกยกเลิก ไม่อย่างนั้นแล้วคงเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว!”
ตุลาการมีทั้งหมดสิบสองคน รวมซือเยี่ยหานด้วย มีตุลาการสิบเอ็ดคนที่เห็นชอบให้ยกเลิกกฎข้อนี้ เหลือแค่อินเยวี่ยหรงคนเดียวที่ยังไม่ได้เปิดปากพูด
แต่ถ้าจะดำเนินการยกเลิกกฎ จะต้องได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ ขาดไปไม่ได้เลยสักเสียง
“ถ้างั้น ตุลาการอินคิดเห็นว่ายังไง” ผ่านไปพักหนึ่ง อี้หลิงจวินจึงมองอินเยวี่ยหรงแล้วเอ่ยถาม
จากนั้น สายตาของทุกคนต่างก็มองไปที่อินเยวี่ยหรง
ใครบ้างจะไม่รู้ ว่าความสัมพันธ์ของซือเยี่ยหานและแม่ของตัวเอง เป็นเหมือนน้ำกับไฟ ซือเยี่ยหานนั้นทุ่มเทสนับสนุนกับการยกเลิกกฎข้อนี้อย่างสุดตัว ในช่วงที่ผ่านมานี้ แม้จะได้ควบคุมสิทธิ์เสียงทุกอย่างแล้ว แต่ในเมื่อเป็นสิ่งที่ซือเยี่ยหานเสนอ อินเยวี่ยหรงจะอนุมัติได้ยังไง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นเด้งขึ้นมาถึงคอหอยแล้ว หวังให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่เห็นด้วย”
อินเยวี่ยหรงมองอี้หลิงจวิน แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ซือเยี่ยหานฟังแล้วขมวดคิ้วแน่น “ตุลาการอิน…”
“ตุลาการซือ ตอนที่ฉันพูดอยู่ หวังว่าคุณจะไม่แทรกนะคะ” อินเยวี่ยหรงเอ่ยเสียงเย็น
พออินเยวี่ยหรงพูดจบ จึงหันไปพูดกับอี้หลิงจวินต่อ “ความสมเหตุสมผลในการมีอยู่ คือปัญญาของบรรพบุรุษ ฉันไม่มีทางนึกเคลือบแคลง เพราะงั้น ฉันไม่เห็นด้วยค่ะ”
ห่างออกไป ในใจของเยี่ยหวันหวั่นรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เพียงแต่ ต่อให้ปีนี้ไม่ผ่าน แต่ก็ยังมีปีหน้า…ถ้าพยายามกันต่อไป อาจจะทำให้อินเยวี่ยหรงเปลี่ยนความคิดได้
ได้แต่หวังว่าพี่ใหญ่จะไม่วู่วามแบบนั้นอีก เรื่องของเขากับหลิงเหมี่ยว ต้องมีบทสรุปที่ดีแน่นอน
“เอาละ งั้นทุกคนมาลงคะแนนเสียงเถอะ”
สุดท้ายอี้หลิงจวินก็กล่าวขึ้น
ในใจของทุกคนไร้ความพูด ทัศนคติของอินเยวี่ยหรงแจ่มแจ้งแบบนี้ การให้ลงคะแนนเสียงอีกนั้นไม่จำเป็นเลยจริงๆ
เพียงแต่ ยังต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนอยู่ดี ตุลาการทั้งสิบเอ็ดคนลงคะแนนเสียงเห็นชอบ
“ตุลาการอิน คะแนนเสียงของคุณล่ะ” อี้หลิงจวินมองอินเยวี่ยหรงที่นั่งนิ่ง จึงเอ่ยถาม
“ครั้งนี้ฉันไม่ลงคะแนนค่ะ” อินเยวี่ยหรงตอบ
“ไม่ลงคะแนน…หมายความว่ายังไง” ใบหน้าของอี้หลิงจวินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ฉันของดออกเสียงค่ะ” อินเยวี่ยหรงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
พอได้ยินคำพูดนี้ ซือเยี่ยหานและเยี่ยหวันหวั่นรวมถึงทุกคนในที่ประชุม ต่างก็ตะลึงงันไป งดออกเสียงเหรอ?!
“คุณคัดค้านไม่ใช่เหรอ” ใบหน้าของอี้หลิงจวินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“การที่ฉันต่อต้านกับการที่ฉันงดออกเสียงจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกันด้วยเหรอคะ” อินเยวี่ยหรงย้อนถาม
“ไม่เลยๆ ไม่เกี่ยวข้องกันเลย!” อี้หลิงจวินยิ้มนิดๆ “ดี ในเมื่อตุลาการอินงดออกเสียง แบบนั้นเท่ากับว่ามติเป็นเอกฉันท์แล้ว หลังจบการประชุม ตุลาการโจวรบกวนคุณช่วยยกเลิกกฎที่ว่าห้ามสมรสกับคนนอกรัฐให้ทีนะ”
“ทราบแล้วครับ” ตุลาการโจวตอบรับ
—————————————————————————————
บทที่ 2428 เป็นเพราะรัก
การประชุมจบลงในที่สุด
นี่เป็นการประชุมครั้งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐอิสระ
ไม่นานข่าวก็แพร่ออกไปทั่วทั้งสิบสองเขตของรัฐอิสระแล้ว
หลังออกจากตึกสภาตุลาการ อินเยวี่ยหรงก็เงยหน้าขึ้น มองท้องสีฟ้าครามเหนือศีรษะ
ในชีวิตของเธอ จมอยู่กับการไล่ตามซือไหวจางไปครึ่งชีวิต อีกครึ่งชีวิตที่เหลือก็อยู่กับการไล่ตามอำนาจ ทั้งชีวิตไม่เคยได้รับความสุขเลย ไม่เคยใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ตอนนี้ เธอเหนื่อยแล้ว
ถึงแม้จะทำเรื่องที่ขัดต่อหลักการเดิมและความตั้งใจลงไป แต่ว่า ในใจกลับปลอดโปร่งและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ยังไงก็ตาม การยอมประนีประนอมบ้างก็ไม่แปลว่าจะพ่ายแพ้ ถึงยังไงท้องฟ้าก็กว้างไกลไร้ขอบเขต
ทันทีที่ข่าวออกมา เยี่ยหวันหวั่นส่งข้อความบอกข่าวดีเรื่องนี้ให้เนี่ยอู๋หมิงรับรู้ทันที
เธอก้าวเดินออกไปด้านนอก พลางทอดถอนใจคุยกับซือเยี่ยหานไปด้วย “ผลลัพธ์แบบนี้ ทำให้คนตกตะลึงเกินไปแล้วจริงๆ ฉันนึกว่าแม่คุณจะไม่ยอมให้ผ่านแน่นอนซะอีก แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะงดออกเสียง! ฉันเตรียมพร้อมสำหรับศึกอันยาวนานไว้แล้วด้วยซ้ำ!”
ซือเยี่ยหานเอ่ยสั้นๆ “ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”
ระยะนี้อินเยวี่ยหรงทำเรื่องที่ต่างไปจากความเข้าใจของเขามากมายเหลือเกิน
ทั้งสองคนเพิ่งออกมาจากอาคาร ก็มองเห็นอินเยวี่ยหรงที่รอรถอยู่หน้าประตูพอดี
เมื่อทั้งสามเผชิญหน้ากัน ก็เงียบงันกันไปชั่วขณะ เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เวลานี้ รถยนต์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามา และคนขับรถของอินเยวี่ยหรงก็มาถึงแล้ว ในที่สุดความเงียบที่น่ากระอักกระอ่วนก็ถูกทำลายลง
อินเยวี่ยหรงเก็บสายตากลับไป จากนั้นก็ก้าวไปหยุดข้างๆ รถยนต์
ก่อนจะก้าวขึ้นรถ จู่ๆ อินเยวี่ยหรงก็ชะงักเท้า แล้วหันกลับมา มองซือเยี่ยหานและเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง
จากนั้น สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างซือเยี่ยหาน “ลูกเก้า อันที่จริงในตอนนั้น แม่เฝ้ารอการเกิดของลูกมาโดยตลอด ลูกเกิดมาโดยโอบอุ้มความหวังทั้งหมดของแม่เอาไว้…”
พอได้ยินคำพูดของอินเยวี่ยหรง ม่านตาของซือเยี่ยหานก็หดตัวลงเล็กน้อย
ถ้อยคำพวกนี้อินเยวี่ยหรงไม่เคยพูดกับเขามาก่อน
“แต่ว่า…ที่ผ่านมา เป็นเพราะแม่อ่อนแอเกินไป เลยถูกจองจำไว้ด้วยความรักและชีวิตที่ล้มเหลว แถมยังกักขังลูกเอาไว้ในกรงที่มืดมนไร้แสงสว่างไปกับแม่ด้วย…เพราะต้องการให้ลูกอยู่ในความมืดมิดนี้เป็นเพื่อนแม่…”
อินเยวี่ยหรงเงยหน้าขึ้นนิดๆ มองลูกชายที่อยู่เบื้องหน้า แล้วค่อยๆ เผยรอยยิ้มที่เศร้าหมองออกมาเล็กน้อย “ลูกเก้า ความจริงแล้ว แม่แค่…อ้างว้างเหลือเกิน…”
“ลูกเก้า ขอโทษนะ…”
ได้ยินอินเยวี่ยหรงค่อยๆ เอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมา สองมือของซือเยี่ยหานก็กำแน่นจนกลายเป็นหมัดแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นยื่นมือออกไป กอบกุมมือของซือเยี่ยหานที่สั่นระริกอยู่เล็กน้อยอย่างแผ่วเบา
อันที่จริง ถึงปากของซือเยี่ยหานจะไม่ได้พูด แต่เรื่องแม่ของเขากลับเป็นปมในใจของเขามาโดยตลอด
ที่ผ่านมาซือเยี่ยหานไม่เคยรู้เลยว่าทำไมคนเป็นแม่ ถึงได้ใจไม้ไส้ระกำกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้ขนาดนี้ ตอนแรกเริ่ม เขายังคงโอบกอดความหวังไว้ เขายังคงอยากถามว่าเพราะอะไร แต่กลับต้องสิ้นหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
จนตอนสุดท้าย ในที่สุดเขาก็ไม่ถามอีก และไม่โอบอุ้มความคาดหวังใดๆ เอาไว้อีกแล้ว
แต่ว่าลึกๆ ในหัวใจ สิ่งที่ยังคงต้องการที่สุดกลับเป็นคำอธิบายเหล่านี้จากอินเยวี่ยหรง ปมในใจหลายปีมานี้ กลับได้เพียงคำว่า ‘ขอโทษนะ’ สามคำนี้
อินเยวี่ยหรงมองหญิงสาวที่อยู่ข้างกายซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง “ลูกเก้า สายตาในการมองคนของลูกดีกว่าแม่มาก”
หลังจากพูดประโยคนี้จบ อินเยวี่ยหรงก็ก้าวขึ้นรถไป จากนั้นรถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป แล้วหายลับไปจากสายตา
เยี่ยหวันหวั่นกุมมือของซือเยี่ยหานไว้ พลางเอ่ยเสียงแผ่ว “เมื่อก่อนฉันคิดมาตลอดว่าทำไมถังถังถึงทำให้อินเยวี่ยหรงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้ แต่ตอนนี้จู่ๆ ดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว…คงเป็นเพราะรักสินะ…”
อินเยวี่ยหรงถูกความรักทำให้กลายเป็นคนเย็นชาแบบนั้น จากนั้นก็ถูกความรักหลอมละลายและเปลี่ยนแปลง
….
—————————————————————————————