แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2435 พวกเรากลับบ้านกัน / บทที่ 2436 รู้อยู่ก่อนแล้ว
เหลียงหวั่นจวินมองสำรวจลูกสาวที่ไม่เจอกันมานานขึ้นๆ ลงๆ ทั้งยังรู้สึกแปลกหน้าและค่อนข้างคุ้นเคย ไหล่บางสั่นไหวนิดๆ “หวันหวั่น แม่นึกว่า…นึกว่าลูกจะไม่กลับมาแล้ว…”
เวลานี้ เยี่ยเส่าถิงที่อยู่ข้างๆ ก็ตื้นตันมาก ได้ฟังแล้วก็หันหลังไปเช็ดน้ำตา
เยี่ยหวันหวั่นน้ำตาคลอ ได้ยินคำพูดของเหลียงหวั่นจวินแล้ว รับรู้ได้รางๆ ว่าเหลียงหวั่นจวินคล้ายจะมีตรงไหนที่แปลกไป แต่เนื่องจากอารมณ์ความคิดในสมองมากเกินไป จึงไม่ได้คิดมาก ฟังแล้วรีบเอ่ยไป “แม่ แม่พูดเหลวไหลอะไรกัน หนูจะไม่กลับมาอีกได้ยังไง! หนูเป็นลูกสาวสุดที่รักของแม่นะคะ ต้องอยู่กับแม่ไปชั่วชีวิตสิ!”
พอเหลียงหวั่นจวินได้ยินประโยคนี้ ก็ควบคุมน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ไหลรินลงมาทันที “หวันหวั่น…”
เยี่ยเส่าถิงตบไหล่เหลียงหวั่นจวิน “เอาละๆ อย่าร้องเลย ลูกกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ เธอดูเธอสิ ทำลูกตกใจแล้ว!”
เยี่ยมู่ฝานก็รีบเข้ามาปลอบเช่นกัน “ใช่แล้ว นี่หวันหวั่นก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ พวกเรากลับบ้านแล้วค่อยคุยกันเถอะ!”
“แม่คะ พวกเรากลับบ้านเถอะ!”
“จ๊ะ…ได้…กลับบ้าน…”
….
จินโตวปี้ไห่
ไม่นาน ทั้งครอบครัวก็ขับรถกลับมาถึงวิลล่าแล้ว
“หวันหวั่น ลูก…ลูกกลับมาแล้วเตรียมจะไปอยู่ที่ไหน” เหลียงหวั่นจวินเอ่ยถามอย่างคล้ายจะประหม่าอยู่บ้าง
เยี่ยหวันหวั่นคล้องแขนเหลียงหวั่นจวินไว้ แล้วรีบตอบไปว่า “อยู่บ้านไงคะ หนูอยากอยู่เป็นเพื่อนพวกพ่อแม่เยอะๆ!”
“ดีจ๊ะดี...” ใบหน้าของเหลียงหวั่นจวินเต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที “มู่ฝาน รีบช่วยยกข้าวของของน้องสาวลูกเข้าไปไว้ในห้องน้องสิ!”
“รู้แล้วครับ!” เยี่ยมู่ฝานบ่นอย่างแง่งอน “แม่ ไม่ใช่ผมจะว่าแม่หรอกนะ รอยยิ้มตอนแม่เพิ่งเจอน้องได้ไม่เท่าไร มากกว่าที่มีให้ผมทั้งเดือนอีก!”
เหลียงหวั่นจวินตวัดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “น้องสาวลูกทั้งว่าง่ายทั้งรู้ความ แถมยังได้คบกับแฟนหนุ่มที่ดีเลิศแบบนั้นอีก แล้วลูกล่ะ! จนตอนนี้แม้แต่เงาคนสักครึ่งตัวก็ยังพากลับบ้านมาหาแม่ไม่ได้!”
เยี่ยมู่ฝานสีหน้าหมดคำพูดทันที “แม่ แม่จะพูดก็พูดไปสิ มาโจมตีคนอื่นเขาทำไม! เมื่อก่อนผมพากลับมาหาแม่ตั้งเยอะ ทำไมไม่พูดล่ะ”
เหลียงหวั่นจวินโมโหแล้ว “แกยังมีหน้ามาพูดถึงเมื่อก่อนอีก! แต่ละวันพาใครก็ไม่รู้กลับมา ถ้าไม่ใช่เพราะน้องแกดูแลแก ตอนนี้น่ากลัวว่าแกคงโดนผู้หญิงเหลวไหลข้างนอกพวกนั้นหลอกจนไม่เหลือแม้แต่กางเกงแล้ว!”
ใบหน้าของเยี่ยมู่ฝานดำเหมือนก้นหม้อทันที “แม่ นี่แม่สองมาตรฐานตรงๆ เลย! เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเมื่อก่อนน้องแย่กว่าผมซะอีก สายตาในการเลือกผู้ชายแย่กว่าสายตาในการเลือกผู้หญิงของผมเป็นร้อยเท่า!”
เหลียงหวั่นจวินไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเข้าไปตรงเข้าไปดึงหูของเยี่ยมู่ฝานทันที “แกว่าน้องได้ยังไงหะ!”
เยี่ยเส่าถิงก็ถลึงตาใส่แวบหนึ่งเช่นกัน “ไอ้เด็กตัวเหม็น! แกวอนเจ็บตัวสินะ!”
….
เยี่ยหวั่นมองบทสนทนาของคนในครอบครัวทั้งสามคน รู้สึกเหมือนเดจาวูอย่างน่าประหลาด
บทสนทนาแบบนี้ละม้ายคล้ายคลึงกับเนี่ยอู๋หมิงและพ่อแม่ของเธอเลย!
เพียงแต่ เห็นทั้งครอบครัวหัวเราะเบิกบานอย่างสมัครสมาน พอเยี่ยหวันหวั่นนึกถึงสิ่งที่ตัวเองจะพูดต่อจากนี้แล้ว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกพูดยากกว่าเดิม
หลังจากเก็บของเสร็จ ทั้งบ้านมานั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก
“เรื่องที่เธอกลับมา เยียนหรานกับกงซวี่รู้เรื่องรึเปล่า” เยี่ยมู่ฝานถาม
เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า “ยังไม่ได้บอก ฉันวางแผนว่าจะแอบไปเซอร์ไพรส์พวกเขาทีละคน!”
“ใช่แล้ว บทที่เธอช่วยเลือกให้กงซวี่ครั้งก่อนไม่เลวเลย คิดว่าครั้งนี้คงได้รางวัลใหญ่ที่ต่างประเทศแน่!” เยี่ยมู่ฝานเอ่ย
“โอ้…” เยี่ยหวันหวั่นร้องออกมา
“เยียนหรานก็ร้ายกาจมาก ก้าวเดินอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ทำให้ผู้คนวางใจได้อย่างดีเยี่ยม” เยี่ยมู่ฝานเอ่ยเสริมขึ้น
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ฟังก็เอ่ยว่า “ถ้าเป็นเยียนหรานฉันวางใจอยู่แล้ว”
….
—————————————————————————————
บทที่ 2436 รู้อยู่ก่อนแล้ว
หลังจากพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง เยี่ยมู่ฝานคงสังเกตเห็นว่าเยี่ยหวันหวั่นใจลอยอยู่บ้างจึงเอ่ยถามขึ้น “คิดอะไรอยู่ ทำไมใจลอยล่ะ”
เหลียงหวั่นจวินรีบซักถาม “หวันหวั่น เหนื่อยเกินไปเหรอจ๊ะ ไม่งั้นรีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องสักหน่อยเถอะ!”
เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ…”
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แล้วหยิบซองเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็มองไปที่เหลียงหวั่นจวิน เยี่ยเส่าถิงและเยี่ยมู่ฝาน “พ่อ แม่ พี่ด้วย ความจริงที่หนูกลับมาครั้งนี้ มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากมาแจ้งทุกคนค่ะ!”
มือของเหลียงหวั่นจวินเกร็งขึ้นมา มองเยี่ยเส่าถิงที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง “เรื่องที่…สำคัญมากเหรอ”
เยี่ยเส่าถิงตบลงบนมือเหลียงหวั่นจวินเบาๆ จากนั้นก็มองเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยถาม “หวันหวั่น มีเรื่องอะไรเหรอ”
เยี่ยมู่ฝานขมวดคิ้ว “มันเรื่องอะไรกันแน่ จริงจังแบบนี้! คงไม่ใช่ว่า…”
สายตาของเยี่ยมู่ฝานมองสลับกันไปมาระหว่างเยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหาน จากนั้นก็มองไปที่เอกสารในมือเยี่ยหวันหวั่น “คงไม่ใช่ว่าพวกเธอเกิดเรื่องขึ้นใช่ไหม เยี่ยหวันหวั่น เธอท้องก่อนแต่งเหรอ หรือว่าในซองเอกสารนี้จะเป็นใบแจ้งผลจากโรงพยาบาล เธอกลัวว่าจะถูกพ่อแม่ตีเธอถึงได้ใจลอยแบบนี้ใช่ไหม”
การคาดเดาที่ไร้ซึ่งความสมเหตุสมผลของเยี่ยมู่ฝาน ทำให้อารมณ์ตึงเครียดและกดดันของเยี่ยหวันหวั่นหดหายไปหมด ถูกสกัดจนพูดไม่ออกแล้ว…
แม้แต่ซือเยี่ยหานก็มีสีหน้ายากจะบรรยายอยู่บ้าง
เยี่ยมู่ฝานเพิ่งพูดจบ ก็ถูกเหลียงหวั่นจวินตีหน้าผากเข้าเต็มแรง “ไอ้เด็กตัวเหม็น แกพูดอะไรเหลวไหล แกคิดว่าหวันหวั่นจะไร้ความคิดแบบแกรึไง”
เยี่ยเส่าถิงก็เอ่ยเสริมด้วย “ถ้าเกิดหวันหวั่นท้องจริง นั่นก็เป็นข่าวที่ดีมาก!”
ใบหน้าของเยี่ยมู่ฝานมืดครึ้ม จากนั้นก็ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ “พ่อ เดือนก่อนพ่อยังบอกผมอยู่เลย ถ้าผมกล้าทำลูกสาวบ้านอื่นท้อง พ่อจะหักขาผม!”
เยี่ยเส่าถิงไม่สน “ฉันพูดแบบนี้แล้วมีปัญหาอะไร”
เยี่ยมู่ฝานสำลักแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ จึงบ่นด้วยความคับข้องใจ “ผมมองออกแล้ว ระหว่างผมกับหวันหวั่น ความจริงแล้วผมต่างหากสินะที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อกับแม่…”
เมื่อคำพูดประโยคนี้ของเยี่ยมู่ฝานถูกเอ่ยออกมา ภายในห้องรับแขกก็เงียบสงัดลงทันที
เยี่ยหวันหวั่นแข็งทื่อไปสองสามวินาที สุดท้ายก็ค่อยๆ ตระหนักถึงอะไรได้แล้ว
คำพูดนี้ของเยี่ยมู่ฝาน…หมายความว่ายังไง
วันนี้ตอนเธอมาถึงสนามบิน ‘นึกว่าลูกจะไม่กลับมาอีก’ ประโยคนั้นของเหลียงหวั่นจวิน เมื่อกี้นี้ตอนที่หลียงหวั่นจวินและเยี่ยเส่าถิงได้ยินว่ามีเรื่องสำคัญ แววตาก็กระจ่างแจ้งดี...
ตามมาด้วยคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจประโยคนนั้นของเยี่ยมู่ฝานอีก…
เยี่ยหวันหวั่นลองเอ่ยถามดู “พ่อ แม่ พวกพ่อรู้หมดแล้วใช่ไหมคะ”
เมื่อเหลียงหวั่นจวินและเยี่ยมู่ฝานได้ยิน ต่างก็เงียบไปชั่วขณะ คล้ายไม่รู้จะพูดยังไง
สุดท้าย ก็ยังคงเป็นเยี่ยมู่ฝานที่เกาหัวแล้วเอ่ยออกมา “แค่ก ที่เธอจะพูด…คือเรื่องที่เธอไม่ใช่น้องสาวฉันใช่ไหม ถ้าจะพูดเรื่องนี้ล่ะก็…พวกเรารู้อยู่แล้ว…”
เยี่ยหวันหวั่นทึ่มทื่อไปทันที จากนั้นก็เผยสีหน้าตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ตอนแรกตัวเองยากจะเปิดปากอธิบายได้ แต่อีกฝ่ายกลับรู้อยู่แล้ว “พวกพี่รู้ได้ยังไง”
เยี่ยมู่ฝานเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นถอนหายใจแล้วเล่าออกมา “น้องสาวฉันอยู่ที่ต่างประเทศค่อนข้างนาน อยู่กับพวกเราไม่มากนัก อันที่จริงตอนแรก พวกเราไม่รู้เลยจริงๆ
เธอยังโง่เง่าอยู่แบบนั้นไปตลอด สายตาในการเลือกผู้ชายเลวร้ายไปจนตาย ชั้นเชิงมารยาย่ำแย่ ฉันมั่นใจว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่นึกสงสัยแน่
แต่ขอร้องเถอะ อย่างน้อยฉันก็แน่ใจอยู่จุดหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น สิ่งที่เรียกว่าดีเอ็นเอ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไป
คนคนหนึ่งต่อให้ได้รับความสะเทือนใจ นิสัยเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่ความสามารถไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนไปอย่างมหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะของเธอ หรือความสามารถเฉพาะทางบางอย่างของเธอ ต่างก็ไม่ใช่สิ่งที่น้องสาวของฉันจะทำได้…
โอ้ใช่ ยังมีเรื่องรสนิยมด้วย แบบคนที่อยู่ข้างๆ เธอน่ะ ไม่ใช่สเปคแบบที่น้องสาวฉันชอบเลย! ตั้งแต่เด็กจนโตน้องสาวฉันชอบแค่แบบไอ้คนหน้าซื่อใจคดกู้เยว่เจ๋อคนนั้น!”