แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 2447 เรื่องชุลมุนในงานแต่ง 1 / บทที่ 2448 เรื่องชุลมุนในงานแต่ง 2
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 2447 เรื่องชุลมุนในงานแต่ง 1 / บทที่ 2448 เรื่องชุลมุนในงานแต่ง 2
บทที่ 2447 เรื่องชุลมุนในงานแต่ง 1
สุดท้าย ทุกคนก็พากันบอกว่าจะไปร่วมยินดีด้วยอย่างว่าง่าย และแสดงท่าทีกระตือรือร้นว่าไม่ต้องวุ่นวายจัดงานแต่งหลายรอบแบบนั้น พวกเขาจะไปร่วมงานแต่งที่จีนแน่นอน และจะเอาซองแดงติดตัวไปด้วย
จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการจัดเตรียมงานแต่ง
เยี่ยหวันหวั่นจะออกเรือนที่วิลล่าในเขตจินโตวปี้ไห่ประเทศจีน วันแต่งงานเตรียมชุดเอาไว้สองชุด คือชุดกี่เพ้าสีแดงหนึ่งชุด และชุดเจ้าสาวสีขาวหนึ่งชุด
เพื่อนเจ้าสาวได้แก่ เจียงเยียนหราน ชิวสุ่ย ไห่ถัง เมดูซ่า และฝั่งเพื่อนเจ้าบ่าวมีหลินเชวีย เจียงหลีเฮิ่น เซี่ยเชียนชวน และเซี่ยเจ๋อจือ
ณ จินโตวปี้ไห่
พอเช้าตรู่เพื่อนเจ้าสาวแต่ละคนก็เริ่มแต่งตัวพร้อมเยี่ยหวันหวั่น หลังจากนั้นช่วงเวลาสู่ขอก็มาถึงอย่างรวดเร็ว มีเสียงคึกคักแว่วดังมาจากนอกบ้าน
ชิวสุ่ยมองออกไปนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง “แค่ก เสี่ยวเฟิง พวกคนจากรัฐอิสระที่เชิญมาร่วมงานในจีนจะไม่ก่อเรื่องจริงๆ น่ะเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว “จะก่อเรื่องอะไรล่ะ”
ชิวสุ่ยกล่าวอย่างจนปัญญา “ขอร้องเถอะเสี่ยวเฟิงเฟิง คนพวกนี้แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือด้านวรยุทธ์ สุ่มโยนเข้าไปในจีนสักคนก็พลิกฟ้าได้แล้ว มารวมตัวกันมากมายขนาดนี้ ถ้าเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาใครจะคุมอยู่ล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นพึมพำ “น่าจะไม่เป็นไรหรอกน่า…”
ไห่ถังที่อยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น่ากลัวว่าวันนี้นายแห่งอาชูร่าคงไม่ได้เข้าหอง่ายๆ แล้ว…”
เมดูซ่ากะพริบตา แล้วเอ่ยแซว “ศิษย์น้องเล็กของเราไม่มีทางได้แต่งงานง่ายๆ แบบนั้นหรอก นี่ก็เป็นด่านทดสอบอย่างหนึ่งนะ ใช่แล้ว ที่จีนไม่ใช่ว่ามีธรรมเนียมซ่อนรองเท้าเจ้าสาวหรอกเหรอ”
เจียงเหยียนหรานรีบพูดขึ้นมา “ใช่แล้วๆ ฉันกำลังคิดเลยว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหนดี!”
เวลานี้เอง ไห่ถังก็ยกยิ้มร้ายกาจพลางเอ่ยว่า “ฉันมีวิธี รับรองว่าฝั่งเจ้าบ่าวหาไม่เจอแน่นอน! ฉันเคยทำสำเร็จมาแล้ว!”
เจียงเยียนหรานถามด้วยความอยากรู้ “เธอคิดจะเอาไปไว้ที่ไหน”
ไห่ถังเลิกกระโปรงขึ้น “มัดไว้ที่ต้นขาฉัน! ฉันขอดูหน่อยเถอะว่าใครมันจะหาเจอ!”
ชิวสุ่ยหัวเราะจนตัวสั่น “ฮ่าๆๆๆๆ เธอก็ร้ายเกินไปแล้ว เอาอีกข้างมาให้ฉันสิ ซ่อนไว้ที่ฉัน!”
เจียงเยียนหรานที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าชื่นชมเลื่อมใส “นี่…แบบนี้ใครจะหาเจอกันล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นมองสองเพื่อนเจ้าสาวฝั่งตัวเองพลางมีนึกหงุดหงิดขึ้นมา “พูดตามตรงนะ พวกเธอสองคนไม่อยากให้ฉันแต่งงานใช่ไหม”
ในเวลาเดียวกัน ด้านนอกประตูใหญ่
ขบวนรับตัวเจ้าสาวของซือเยี่ยหานมาถึงแล้ว
ซือเยี่ยหานสวมชุดสูทที่ตัดเย็บเป็นอย่างดี ตรงอกติดเข็มกลัดแดงของคนเป็นเจ้าบ่าวไว้ ขาเรียวยาวก้าวลงมาจากรถ
ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวลงจากรถก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตู ทุกคนที่ขวางกันอยู่ตรงนั้นแทบจะอ้าปากค้างกันไปตามสัญชาตญาณแล้ว
“แม่งเอ้ย! ความหล่อเหลาของนายแห่งอาชูร่าวันนี้ไม่แหกกฎสวรรค์ไปหน่อยเหรอ!”
“จริงด้วย…สยบสรรพสิ่งได้หมดเลย จุ๊ๆ…”
“มิน่าล่ะผู้นำของพวกเราถึงถูกสยบได้!”
“เฮ้ สงบไว้! อย่าลืมหน้าที่ของพวกเราสิ!”
“ใช่ๆๆ วันนี้พวกเรามีหน้าที่สำคัญนะ!”
….
ด้วยเหตุนี้ฝูงชนจึงสกัดขวางทางอยู่หน้าประตู
หลินเชวียที่อยู่ด้านข้างซือเยี่ยหานมองฝูงชนที่คลาคล่ำอยู่ตรงหน้าประตู แล้วกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง “พี่เก้า ทำไมฉันสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างหนึ่งล่ะ”
ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว ลางสังหรณ์ของหลินเชวียนั้นตรงเผงเลย
หลังจากบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวทางฝั่งซือเยี่ยหานลงจากรถมาแล้ว สิ่งที่ต้องเผชิญหน้าคือ…
เยี่ยมู่ฝานก้าวออกมา “ถ้าคิดจะแต่งกับน้องสาวฉัน ต้องผ่านด่านฉันไปก่อน!”
กงซวี่ที่มีท่าทางดุดันนำทีมลั่วเฉิน หานเซี่ยนอวี่ เฟ่ยหยางและพวกฉู่เฟิงมา “คิดจะแต่งพี่เยี่ยของฉัน ต้องผ่านด่านพวกเราไปก่อน!”
ส่วนเป่ยโต่วก็นำทีมชีซิง ฟู่หมิงซี ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสรอง และผู้อาวุโสสามเข้าผสมโรง “คิดจะแต่งกับท่านผู้นำของพวกเรา ต้องผ่านด่านพวกเราไปก่อน!”
จากนั้นเสิ่นเทียนเฉินก็พาทหารรับจ้างฝีมือดีกลุ่มหนึ่งเข้ามา “อยากแต่งกับเทพธิดาอู๋โยวของฉัน เอาชนะฉันให้ได้ก่อนแล้งค่อยว่ากัน!”
อี้หลิงจวินยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เฮ้อ ถึงยังไงฉันก็มีลูกสาวสุดที่รักคนนี้คนเดียว คิดจะแต่งกับลูกสาวฉัน ก็รับบททดสอบไปหน่อยแล้วกัน!”
ซือเยี่ยหานไม่พูดอะไร…
เซี่ยเจ๋อจือจ้องหน้าของซือเยี่ยหานที่ดำมืดขึ้นมาเรื่อยๆ พลางหัวเราะเบาๆ “เจ้าเก้า ฐานะของสะใภ้ที่นายจะแต่ง…ไม่มากไปหน่อยเหรอ”
มุมปากของเจียงหลีเฮิ่นกระตุกยิกๆ “แค่มากไปหน่อยเหรอ ระดับความยากในการแต่งงานของเขาครั้งนี้ เดาว่าน่าจะยากกว่าชาวบ้านเขาเป็นร้อยเท่า! ฉันทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้นาย!”
เซี่ยเชียนชวนถอนหายใจ “แล้วตอนนี้จะทำยังไงกันดี อีกฝ่ายมีคนเป็นกองทัพ คิดว่าคงสู้ไม่ไหว…”
—————————————————————————————
บทที่ 2448 เรื่องชุลมุนในงานแต่ง 2
ในห้อง เยี่ยหวันหวั่นที่แอบมองผ่านรอยแยกประตูตาค้างอ้าปากหวอแล้ว
“เวรแล้ว! มีอะไรผิดพลาดไปรึเปล่า! แม่งเอ้ยนี่คือการวัดความจริงใจสินะ!”
ไม่คาดคิดเลยว่า ที่แท้การมีหลายตัวตนเกินไปก็ทำให้พบเจอสถานการณ์ลวร้ายแบบนี้ได้…
….
ซือเยี่ยหานจ้องมองกองทัพที่อยู่ตรงหน้า แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ เลย
“พี่เก้า…นี่มันมากเกินไปแล้วนะ ฉันว่าพวกเขาไม่ต้องการให้พี่ได้แต่งกับซ้อเก้าแล้วล่ะ!” หลินเชวียขยับปากขมุบขมิบ แบบนี้ใครจะจัดการได้กัน
“ถ้างั้น…ก็ไม่ต้องใส่ซองแล้วใช่ไหม” เจียงหลีเฮิ่นหัวเราะเบาๆ
เจียงหลีเฮิ่นเพิ่งพูดจบ ก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างยิ่งจากซือเยี่ยหาน
เจียงหลีเฮิ่นหัวเราะแหะๆ “ล้อเล่นน่า ต้องควักเงินใส่ซองแน่อยู่แล้ว”
“ฉันว่า ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้ น่าจะเป็นพวกเราควรทำยังไงดีถึงจะคุ้มกันเจ้าบ่าวให้ดี พาเจ้าบ่าวเข้าไปส่งข้างในได้มากกว่านะ” หลินเชวียมองพวกเจียงเฮิ่นแล้วพูด
“เข้าไปส่งเหรอ…”
“จะไปส่งยังไงล่ะ มีคนขวางอยู่หน้าประตูเยอะขนาดนั้น ฉันว่ายากมาก”
“ไม่ไหวจริงๆ พวกเราตีฝ่าเข้าไปกันเถอะ”
“นายไปสิ พวกเราจะคอยเชียร์นายอยู่ข้างหลังเอง”
….
ขณะที่พวกซือเยี่ยหานถูกขวางไว้ จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้าน
มองเห็นเนี่ยอู๋หมิงเดินฝ่ากลุ่มคนที่ขวางอยู่ตรงประตูออกมา จากนั้นก็เดินไปหยุดข้างกายซือเยี่ยหาน
“วันนี้ใครจะขวางน้องเขยฉัน ต้องผ่านด่านฉันไปก่อน!”
เมื่อเห็นเนี่ยอู๋หมิงไปอยู่ข้างพวกซือเยี่ยหานทางนั้น ฝูงชนต่างก็เบิกตากว้าง
“เวรเอ้ย! เนี่ยอู๋หมิง!”
“นี่นายหมายความว่ายังไง”
เสิ่นเทียนเฉินเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็โวยวายออกมา “เฮ้ๆ เนี่ยอู๋หมิง นี่นายเป็นอะไรไปน่ะ! นายเป็นคนของทางบ้านเจ้าสาวนะ ควรมายืนฝั่งบ้านเจ้าสาวสิถึงจะถูก!”
ซือเยี่ยหานมองผู้มาใหม่ ผงกหัวทีหนึ่ง เอ่ยทักทาย “พี่ใหญ่”
พอเนี่ยอู๋หมิงได้ยิน ก็พลันยิ้มแย้มเบิกบาน “น้องเขยวางใจเถอะ มีฉันอยู่ วันนี้ใครก็ขวางไม่ได้”
พวกหลินเชวีย เซี่ยเจ๋อจือ เจียงหลีเฮิ่น และเซี่ยเชียนชวนที่อยู่ข้างๆ ต่างก็อึ้งไปแล้ว
ไม่แปลกเลยที่สุขุมได้ขนาดนี้ ที่แท้ก็มีผู้ช่วยอยู่แล้ว!
หลินเชวียเดาะลิ้น “พี่เก้า ยังคงเป็นพี่ที่ร้ายกาจ!”
พอสิ้นเสียงของเนี่ยอู๋หมิง กองทัพที่เฝ้าประตูอยู่ก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที ขวางไม่ได้งั้นเหรอ ทางพวกนายมีแค่ไม่กี่คน ไม่พอให้ยัดซอกฟันเลยด้วยซ้ำ!
“เอาละ ถ้าพวกนายมีฝีมือก็เข้ามาลองดูสิ วันนี้ถ้าปล่อยพวกนายเข้าไปง่ายๆ ฉันจะเขียนชื่อกลับหัวเลย” เยี่ยมู่ฝานเยาะเย้ย
“ใช่แล้ว อยากจะเข้าไป ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ” เป่ยโต่วส่งเสียงสมทบ
“ใครก็อย่าหวังจะได้เข้าไป…”
ทางฝั่งซือเยี่ยหาน หลินเชวียโมโหขึ้นมาแล้ว “ฉันชักจะมีน้ำโหแล้วนะ คนเยอะแล้วยังไง เป็นไงเป็นกันสิ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกเราจะพาเจ้าบ่าวเข้าไปส่งไม่ได้!”
พอสิ้นเสียงของหลินเชวีย เนี่ยอู๋หมิงก็เหลือบมองหลินเชวียแวบหนึ่ง “ทำไมต้องต่อสู้กันด้วยล่ะ”
หลินเชวียตอบด้วยสีหน้ามึนงง “ถ้าไม่สู้จะเข้าไปยังไง นายคิดว่าพวกเขาจะปล่อยให้พวกเราผ่านเข้าไปได้ง่ายๆ งั้นเหรอ คิดให้มากหน่อย…”
เนี่ยอู๋หมิงถอนหายใจทีหนึ่ง “เคยได้ยินประโยคนี้ไหม”
“ประโยคไหน” หลินเชวียถามไปตามสัญชาตญาณ
เนี่ยอู๋หมิงไม่ได้ตอบหลินเชวีย แต่กลับสาวเท้าก้าวไปด้านหน้า ด้วยสีหน้าเยือกเย็น พลางสอดมือเข้าไปในอกเสื้อ
“เขาคิดจะทำอะไรน่ะ…คงไม่คิดจะใช้ปืนใช่ไหม…คงไม่ใช่ว่า…ไม่ใช่ว่า” หลินเชวียสะดุ้งโหยง จากท่าทางของเนี่ยอู๋หมิง คงไม่ใช่ว่าจะเข้าไปสู้ตายกับคนอื่นใช่ไหม
เวลานี้ เนี่ยอู๋หมิงก้าวไปถึงตัวเยี่ยมู่ฝานกับพวกเป่ยโต่วแล้ว พลางกวาดตามองทุกคนแวบหนึ่ง
จากนั้น ภายใต้สายตาของทุกคน เนี่ยอู๋หมิงก็ล้วงซองแดงปึกหนึ่งออกมา ยกยิ้มจางๆ เอ่ยขึ้นว่า “ทุกท่าน โปรดไว้หน้าบางๆ ของฉันด้วย”
—————————————————————————————