แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 339 ใครคือคุณปู่ของพวกเธอ / บทที่ 340 ที่ของเธอ
บทที่ 339 ใครคือคุณปู่ของพวกเธอ
ห่างไปไกล เยี่ยเส่าถิงที่เงียบไม่พูดมาตลอด คิ้วขมวดเล็กน้อย เห็นเยี่ยหวันหวั่นที่เปลี่ยนไปแบบนี้ ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ลูกสาวในความทรงจำ ไม่มีทางเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายแบบนี้ อีกอย่างเธอเกลียดชังตระกูลเยี่ยรุนแรงมาก…
เยี่ยเส่าถิงได้แต่สงสัย ครั้งนี้จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นมางานเลี้ยงวันเกิดปู่เธอ มาเพื่ออวยพรวันเกิดแค่นั้นจริงหรือ หรือมีจุดประสงค์อื่นแฝง อยากจะทำลายงานวันเกิดนี้ ทำให้ตระกูลเยี่ยอับอายขายหน้า
เยี่ยเส่าถิงไม่ยอมให้ลูกสาวตัวเองคิดทำเรื่องแบบนี้ แต่หลายปีมานี้… เขาเริ่มเหนื่อยแล้วจริงๆ …
ในความบังเอิญ เยี่ยหวันหวั่นก็จับความสงสัยของเยี่ยเส่าถิงพ่อเธอได้ ในใจรู้สึกอ้างว้างขึ้นมา
ชาติที่แล้ว สิ่งที่ตัวเองทำทั้งหมด มันเกินไปจริงๆ ไม่ลงรอยกับตระกูลเยี่ย ไม่เคยให้อภัยพ่อแม่ เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ชาติที่แล้ว งานวันเกิดคุณปู่ เธอมาที่งานจริง แต่กลับก่อความไม่สงบในงานวันเกิดนี้ต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคน ทำให้พ่อแม่และทั้งตระกูลเยี่ย อับอายขายหน้ามาก โกรธจนกระทั่งโรคหัวใจของคุณปู่กำเริบ ต้องอยู่โรงพยาบาลถึงครึ่งเดือน
คิดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นถอนสายตากลับมา เข้าไปใกล้เยี่ยหงเหวยอีกครั้ง ขยับใกล้ชิดมากขึ้นไปอีก ส่วนเยี่ยหงเหวยก็ไม่ได้ปฏิเสธการเข้าใกล้ของเยี่ยหวันหวั่น ความเยือกเย็นบนใบหน้าก็จางลงไปเล็กน้อย
เวลานี้ งานเลี้ยงวันเกิดก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แขกเหรื่อต่างทยอยกันมาอวยพรที่ตำแหน่งประธาน อีกทั้งยังมอบของขวัญด้วย
ของขวัญของแขก ส่วนใหญ่จะอยู่แค่เปลือกนอก ในสายตาของผู้อาวุโสที่อยู่มาทั้งชีวิต ไม่ได้มีมูลค่าอะไร แค่มองผ่านๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่
ผ่านไปนาน เหลียงเจียหาวและฟางซิ่วหมิ่นทั้งครอบครัวเดินเข้ามา ในมือเหลียงซือหานถือแท่นฝนหมึกราคาแพงชิ้นหนึ่ง เดินมาตรงหน้าเยี่ยหงเหวย พูดจาน่าเอ็นดูที่สุด “คุณปู่ คุณปู่ชอบเขียนอักษรวาดภาพ นี่เป็นแท่นฝนหมึกที่พ่อแม่หนูเตรียมมาให้นานมาก หวังว่าคุณปู่จะชอบนะคะ”
แท่นฝนหมึกนี้ ฟางซิ่วหมิ่นลงแรงไปมากกว่าจะได้มา เพื่อเตรียมจะมอบให้เยี่ยหงเหวยในงานเลี้ยงวันเกิดทำให้เยี่ยหงเหวยพอใจ เมื่อกี้เพราะเรื่องของเยี่ยหวันหวั่น ทำให้ฟางซิ่วหมิ่นเสียหน้ามาก ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าจะได้รับความชื่นชมแท่นฝนหมึกนี้จากผู้อาวุโส
สายตาเยี่ยหงเหวยมองผ่านแท่นฝนหมึกนี้ไป พยักหน้าเล็กน้อย แล้วให้คนเอาแท่นฝนหมึกไปวางข้างๆ
ถึงแม้เยี่ยหงเหวยจะไม่ได้แสดงออกอะไรเป็นพิเศษ แต่การพยักหน้าเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นการยอมรับแล้ว นี่ทำให้ฟางซิ่วหมิ่นและเหลียงซือหานแอบโล่งใจ
ไม่นาน สายตาเหลียงซือหานก็มองไปทางสองมือที่ว่างเปล่าของเยี่ยหวันหวั่น “ทำไม วันเกิดคุณปู่ มีบางคน แม้แต่ของขวัญวันเกิดยังไม่มีเลยหรือไง?”
“หึ… ซือหาน คราวหลังอย่าได้เลียนแบบคนบางคนนะ รู้จักแต่เสแสร้งทำ วันเกิดคุณปู่ เหลือแค่ปากอย่างเดียวเท่านั้น” เมื่อกี้ฟางซิ่วหมิ่นเพิ่งขายหน้าต่อหน้าเยี่ยหวันหวั่นไปเอง ถึงตอนนี้ยังไม่ยอมที่จะเสียโอกาสเหน็บแนมเยี่ยหวันหวั่นอีกครั้ง
“คุณปู่?”
เยี่ยหวันหวั่นมองฟางซิ่วหมิ่นและเหลียงซือหานเล่นละครผสมโรงกันอยู่ มุมปากฉีกยกขึ้นเล็กน้อย ฉีกรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้นมา “ใครคือคุณปู่ของพวกเธอ?”
สิ้นสุดเสียงของเยี่ยหวันหวั่น แขกบางคนที่มีปฏิกิริยารวดเร็วก็หัวเราะออกมาทันที
รอยยิ้มบนใบหน้าเหลียงซือหาน วินาทีนี้มุมปากนิ่งแข็งทันที
ความหมายคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นชัดเจนมาก ครอบครัวฟางซิ่วหมิ่น ไม่มีใครสักคนแซ่เยี่ย แต่ทุกคำพูดของเหลียงซือหานที่เรียกคุณปู่ กลับเรียกอย่างสนิทสนม พอมาคิดดีๆ ก็ทำให้คนรู้สึกหมั่นไส้จริงๆ
“เธอ…!” ฟางซิ่วหมิ่นจ้องเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าย่ำแย่มาก
“ทั้งสองคน ทางที่ดีอย่าพาลูกสาวตัวเองมาสานสัมพันธ์มั่วๆ กับคนอื่นดีกว่า พวกเราตระกูลเยี่ย ไม่มีธรรมเนียมยอมรับญาติมั่วๆ” พูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็หันหลังกลับ ไม่สนใจทั้งสองคนอีกเลย
…………………………………………………
บทที่ 340 ที่ของเธอ
คำพูดไม่กี่ประโยคของเยี่ยหวันหวั่น ทำให้ทุกคนเข้าใจในพริบตา เธอสิถึงจะเป็นหลานสาวแท้ๆ ของเยี่ยหงเหวย ในร่างกายของเธอสิถึงจะมีสายเลือดที่แท้จริงของตระกูลเยี่ยไหลเวียนอยู่
ที่นี่ เป็นที่ของเธอ
ส่วนฟางซิ่วหมิ่นกับเหลียงซือหานกลับกลายเป็นตัวตลกที่วิ่งกระโดดโหยงเหยงไปโดยสิ้นเชิงด้วยประโยคง่ายๆ สบายๆ ประโยคเดียวนั้นของเยี่ยหวันหวั่น
เวลานี้สีหน้าสองแม่ลูกบูดบึ้ง เผชิญกับเสียงซุบซิบนินทาของแขกเหรื่อในงาน ไม่ทันไรก็หน้าแดง ไม่กล้าพูดมากอีก
บรรยากาศการเฉลิมฉลองดำเนินต่อไป จากสิ่งที่ฟางซิ่วหมิ่นกับเหลียงซือหานกล่าวถึงก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้คนพากันสงสัยว่าเยี่ยหวันหวั่นเตรียมของขวัญอะไรไว้กันแน่ จนแม้แต่เยี่ยหงเหวยในตำแหน่งประธานของงานยังเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นเป็นพักๆ
สำหรับเรื่องนี้ เยี่ยหวันหวั่นกลับรู้สึกรำคาญใจ
เธอในตอนนี้ยากจนและว่างเปล่า อีกทั้งยังไม่มีเงินเหลือมากมายที่จะเตรียมของขวัญมีราคา เพียงแค่ลงแรงนิดหน่อย ซื้อลูกประคำมาจากตลาดของเก่าแล้วร้อยเป็นกำไลข้อมือด้วยตนเอง มีเพียงความจริงใจ ทว่าไม่มีราคาค่างวด
หลังจากที่แขกคนก่อนหน้าส่งของขวัญอวยพรเรียบร้อยแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก้าวเข้าไปข้างหน้า มองเยี่ยหงเหวยแล้วเอ่ยเสียงเบา “คุณปู่คะ หวันหวั่นก็เตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้คุณปู่ด้วย”
“อื้ม” เยี่ยหงเหวยพยักหน้าเล็กน้อย
จากนั้น ไม่ทันรอให้ยี่ยหวันหวั่นหยิบลูกประคำออกมา พ่อบ้านหวงหมิงคุนก็เดินเข้ามาในโถงงานเลี้ยงจากด้านนอก ในมือถือกล่องของขวัญอันปราณีตมาด้วยกล่องหนึ่ง
“ท่านครับ นี่เป็นของขวัญที่คุณหนูหวันหวั่นเตรียมไว้ให้ท่านครับ เมื่อครู่ตกอยู่ที่ด้านนอก ผมบังเอิญไปเจอเข้า ก็เลยเก็บออกมา” ขณะที่หวงหมิงคุนกำลังพูดนั้น แววตาเผยความสมดังใจออกมา
เห็นดังนั้น สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เธอจงใจวางกล่องของขวัญนี้ไว้ที่นอกวิลล่า เพราะกลัวว่าจะทำให้เจ้าใจผิด ก็เลยไม่ได้นำเข้ามาในงานเลี้ยงด้วย สิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นสิ่งของที่ทำมาจากกระดูกแปลกๆ ที่ซือมาจากมือของเนี่ยไร้นามในราคาหนึ่งร้อยหยวน
เยี่ยหวันหวั่นสังเกตอย่างละเอียด ลักษณะหีบห่อของกล่องของขวัญเคยถูกเปิดมาก่อน ชัดเจนว่าก่อนหน้านี้หวงหมิงคุนเปิดกล่องของขวัญออกดูแล้ว พอพบว่าเป็นของที่ทำจากกระดูกก็เลยจงใจนำเข้ามาในงาน เพื่อจะใส่ร้ายตัวเธอ
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณปู่เยี่ยหงเหวย วันมงคลรื่นเริง ผู้เฒ่าผู้แก่เชื่อในเรื่องโชคลาภวาสนาอย่างมาก หากพบว่ามีของที่ทำจากกระดูกมีลักษณะคล้ายกะโหลกละก็…
หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นพลันเย็นวาบ หวงหมิงคุนคนนี้ช่างจงรักภักดีต่อเยี่ยอีอีจริงเชียว ถึงเวลานี้ก็ยังไม่ลืมที่จะหาเรื่องมาใส่ร้ายตัวเธอ
จากนั้น กล่องของขวัญกลับถูกส่งไปถึงมือของเยี่ยหงเหวย เยี่ยหวันหวั่นคิดจะขัดขวางก็ไม่ทันเสียแล้ว
“เยี่ยหวันหวั่นให้อะไรนะ…ดูใหญ่โตเชียว!”
“ไม่แน่ใจครับ รู้สึกว่าจะหนักมาก”
ของขวัญที่เยี่ยหวันหวั่นซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของเยี่ยหงเหวยมอบให้ ย่อมดึงดูดความสนใจจากสายตาของคนทุกคน บวกกับที่เยี่ยหวันหวั่นมีเรื่องให้พวกเขาประหลาดใจไม่น้อย ผู้คนจึงอดที่จะเดาไปต่างๆ นาๆ ไม่ได้ ของขวัญของเยี่ยหวันหวั่นครั้งนี้จะโดดเด่นขนาดไหนกัน
ขณะนี้เอง เยี่ยหงเหวยยกมือทั้งสองข้างขึ้น ค่อยๆ เปิดกล่องของขวัญออก
จากนั้น ชั่ววินาทีที่กล่องของขวัญถูกเปิดออก เสียงสูดหายใจในโถงงานเลี้ยงพลันดังขึ้น สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่เยี่ยเส่าถิงและเหลียงหวั่นจวินเห็นของที่อยู่ในกล่องของขวัญนั้นชัดเจน ร่างกายพลันแข็งทื่อ ใบหน้าซีดเผือด
เห็นเพียงกล่องกล่องของขวัญแสนสวยกล่องนั้น มีกะโหลกขาวสะอาดวางนอนนิ่งอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นกะโหลกของเดรัจฉานดุร้ายระดับใด เผยให้เห็นชัดถึงความดุร้าย สะดุดตาเป็นพิเศษภายใต้แสงไฟ
เวลานี้เสียงของทุกคนได้หายไป สายตาของทุกคนล้วนประสานรวมจับจ้องอยู่ที่เยี่ยหงเหวย
เวลานี้เอง แววตาของเยี่ยหงเหวยหดเล็กอย่างรุนแรง หลังจากหายใจเข้าออกหลายครั้ง ความโกรธแผ่ซ่านจนร่างสั่นเทา ฉับพลันนั้นเขาเงยศีรษะขึ้น สายตาเย็นเยียบราวกับคมมีดมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น
…………………………………………..