แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 383 กลยุทธ์สาวงาม / บทที่ 384 ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด
บทที่ 383 กลยุทธ์สาวงาม
ซือเยี่ยหานได้ยินก็ยื่นฝ่ามือกว้างทาบลงไปบนหน้าผากของหญิงสาว จากนั้นสีหน้าคลายกังวลลงเล็กน้อย “อุณหภูมิปกติ ไม่มีไข้”
เยี่ยหวันหวั่นหน้าเครียดทันใด
พับผ่าสิ!
อุตส่าห์แช่อยู่ในน้ำแข็งตั้งนาน ความจริงเมื่อครู่ตอนตื่นนอนเธอก็รู้แล้วว่าเธอไม่เพียงไม่เป็นไข้ แต่หน้าตายังดูสดชื่นสดใส มีชีวิตชีวามากด้วย!
ช่วยไม่ได้ มีแต่ต้องใช้มารยาแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้าตำหนิ “เหลวไหล งั้นทำไมฉันถึงรู้สึกทรมานแบบนี้ล่ะ มือคุณไม่แม่นเลยสักนิด! คนโกหก! คุณก็แค่อยากไป ก็แค่อยากจะทิ้งฉัน!”
เพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ ซือเยี่ยหานมองแวบหนึ่ง แล้วจับข้อมือเยี่ยหวันหวั่นขึ้นมา วางนิ้วทาบลงไปบนเส้นชีพจรของเธอ
เยี่ยหวันหวั่นเห็นการกระทำของซือเยี่ยหานแล้ว สีหน้าก็นิ่งอึ้ง มองด้วยความงงงวย แม่เจ้า เขาไปเรียนจับชีพจรมาตั้งแต่เมื่อไร?
เยี่ยหวันหวั่นรีบดึงมือกลับ แต่ซือเยี่ยหานก็จับชีพจรได้คร่าวๆ แล้ว รู้ว่าร่างกายเธอไม่ได้เป็นอะไร สีหน้าเผยความจนปัญญาเล็กน้อย “อย่างอแง ต้าไป๋อยู่สวนด้านหลัง เธอไปเล่นกับมันสิ”
เอ๊ะ ต้าไป๋!
ต้าไป๋กลับมาแล้วเหรอ?
อยู่สวนด้านหลังงั้นเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นพยายามต่อต้านสิ่งล่อใจที่ยิ่งใหญ่นี้ กัดฟันด้วยความยากลำบาก จากนั้นกอดเอวของซือเยี่ยหานไว้ไม่ยอมปล่อย “ไม่เอา! ฉันไม่เอา! ไม่เอาต้าไป๋! ฉันต้องการคุณ! อยากให้คุณอยู่กับฉัน!”
สีหน้าซือเยี่ยหานคล้ายแปลกใจอยู่บ้าง ใจอ่อนลงอย่างประหลาด “ฝันร้ายใช่ไหม?”
ใบหน้าน้อยๆ ของเยี่ยหวันหวั่นฝังลงไปที่หน้าอกเขา พยักหน้าหงึกๆ “อืม ฝันร้ายค่ะ เป็นฝันร้ายที่น่ากลัวมากๆ ฝันว่าครั้งนี้ที่คุณไปประเทศ B แล้วจะเจออันตราย เพราะงั้นคุณไม่ไปได้ไหม?”
ซือเยี่ยหานลูบผมของเธอ “ความฝันมักจะตรงกันข้ามกับความจริง”
เยี่ยหวันหวั่นรีบพูด “แต่ว่ามันเหมือนจริงมากเลยนะ! ทุกภาพฉาก ทุกรายละเอียด ฉันจำได้ชัดเจนหมด! ฉันจำได้ว่าพวกคุณทุกคนโดนลอบทำร้าย จำได้ว่าคุณบาดเจ็บสาหัส เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง!”
เวลานี้ หลิวอิ่งที่อยู่ด้านข้างหมดความอดทนแล้ว มองทางเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยปาก “คุณหนูเยี่ย เกรงว่าคุณจะคิดมากไปแล้ว เรื่องในความฝันจะเป็นความจริงได้ยังไง นายท่านมีพวกเราคอยคุ้มกัน ไม่มีเรื่องอะไรแน่นอน ขอให้วางใจได้!”
เยี่ยหวันหวั่นถลึงตาใส่เขา “ฉันรู้ว่าพวกนายเก่ง แต่ว่าพวกนายจะรับประกันได้ยังไงว่าจะไม่มีคนเก่งกว่า จะรับประกันได้ยังไงว่าจะไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น?”
หลิวอิ่งมองแค่ว่าเธอกำลังเถียงข้างๆ คูๆ ความรังเกียจในดวงตายิ่งทวีคูณ เขามองไปทางซือเยี่ยหาน เอ่ยเตือนอย่างเคารพว่า “นายท่าน จะไม่ทันเวลาแล้วครับ”
เยี่ยหวันหวั่นร้อนใจ จ้องซือเยี่ยหานพลางกล่าว “ถ้าคุณกล้าไป ฉันจะลงไปห้องใต้ดินเดี๋ยวนี้ แล้วดื่มเหล้าทั้งหมด! แล้วฉันจะไปอ่อยหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งเมืองหลวงเลย! รอถึงตอนที่คุณกลับมาอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว!”
ซือเยี่ยหานหมดคำจะพูด
เยี่ยหวันหวั่นเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมคางของเขา ดึงมือเขาลากเข้าบ้านไป “ไม่ต้องไป ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับฉันเถอะนะ”
พูดจบก็กระซิบข้างใบหู กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงซือเยี่ยหานคนเดียวได้ยิน “อย่าไปเลยได้ไหมคะ พวกเรากลับเข้าห้องกัน ไปทำเรื่องที่มีความสุขกันเถอะ”
นัยน์ตาลุ่มลึกของซือเยี่ยหานพลันมืดดำ นวดหัวคิ้วพลางจดจ้องสาวน้อยบางคนที่กำลังเล่นอยู่กับไฟ
“เลื่อนการเดินทางออกไปครึ่งชั่วโมง” สุดท้าย ซือเยี่ยหานสั่งการออกมา
พูดจบก็อุ้มเยี่ยหวันหวั่นที่สองเท้าเปลือยเปล่าขึ้นมา เดินเข้าคฤหาสน์ไป
เยี่ยหวันหวั่นบ่นอย่างไม่พอใจทันใด “หา? แค่ครึ่งชั่วโมงเหรอ สั้นเกินไปหรือเปล่า?”
ซือเยี่ยหานเอ่ยปราม “เงียบ!”
…………………………….………
บทที่ 384 ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด
หลังจากซือเยี่ยหานไปแล้ว หลิวอิ่งโมโหชกจนกำปั้นลงบนประตูรถ “ป่วยการเมืองล่ะสิ! หน้าแดงเรื่อสดใส เสียงดังขนาดนี้ เหมือนคนป่วยตรงไหนกัน ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ยังจะเกาะแกะนายท่านอยู่ได้ ไร้ยางอายสิ้นดี!”
ด้านข้างมีบอดี้การ์ดอุทาน “เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นแฟนของบอส สวยจนน่าตกใจจริงๆ! ไม่แปลกที่ขนาดคนอย่างบอสของพวกเรายังหวั่นไหวได้!”
หลิวอิ่งทำตาขวางใส่คนที่พูด แค่นเสียงเย็นชากล่าว “ผู้หญิงเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ! วันๆ รู้จักแต่ทำแง่งอน ถ่วงแข้งถ่วงขา เกาะแกะนายท่านไม่ปล่อย ในเวลาแบบนี้ยังแยกแยะหนักเบาไม่ได้เลย สักวันนายท่านจะโดนเธอทำร้ายจนตาย!”
คนอื่นๆ ก็พากันพูดอย่างมีน้ำโห “เรื่องสำคัญขนาดนี้ จะไม่สนใจภาพรวมไปหน่อยแล้ว…”
“ถ้าการเจรจาล่าช้าออกไป เธอจะรับผิดชอบไหวไหม? ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!”
“ได้ยินว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวครอบครัวเล็กๆ ไม่มีทางมีความรู้สามัญเหมือนคุณหนูรั่วซีอยู่แล้ว”
“อย่ายกผู้หญิงแบบนั้นมาเทียบกับคุณหนูรั่วซีสิ!”
“โอ๊ย ไม่รู้ว่าบอสคิดยังไง ผู้หญิงพรรค์นี้ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นนายหญิงของตระกูลเยี่ยได้เลยมั้ง?”
……
ห้องนอนบนตึก
หลังจากถูกเตือน เยี่ยหวันหวั่นยังบ่นอู้อี้อยู่ในอ้อมอกของซือเยี่ยหานอย่างไม่กลัวตาย “ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย มันสั้นไปจริงๆ ความจริงฉันคิดว่าเจ็ดวันเหมาะที่สุด…”
ซือเยี่ยหานวางหญิงสาวลงบนโซฟา ดึงเนคไทที่คอออก สายตาที่จับจ้องเธออยากจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวแทบไม่ไหว
เยี่ยหวันหวั่นกลืนน้ำลาย ในที่สุดก็ปิดปากเงียบ ไม่กล้าวอนหาเรื่องอีก
ซือเยี่ยหานจ้องที่เธอ “พูดมา อยากจะทำอะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นโมโหจนผมตั้ง “พูดอะไรล่ะ? ฉันจะทำอะไรได้ ก็แค่อาลัยอาวรณ์คุณ ไม่อยากให้คุณไปไม่ได้เหรอ? ไม่เข้าใจอารมณ์รักเลยสักนิด! ก็ได้! คุณไปซะ ไปเถอะ! อยากไปไหนก็ตามใจคุณ ฉันจะไม่สนใจเรื่องของคุณอีกแล้ว!”
พยายามคิดทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เขาไปตาย เมื่อวานก็แช่น้ำเย็นจนปวดไปถึงกะโหลกแล้ว ยังมาโดนลูกน้องเขามองเป็นนางปีศาจล่มเมืองอีก มันง่ายสำหรับเธอไหม?
ผลคือผู้ชายคนนี้กลับไม่รับน้ำใจเลยสักนิด!
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็หยิบผ้าห่มบนโซฟาขึ้นมาคลุมตัวเองไว้มิดชิด
เสียงอู้อี้ของหญิงสาวดังมาจากด้านในผ้าห่ม “คนเลว โรคจิต ปีศาจร้าย…ทำไม่ดีกับฉันขนาดนี้…รังเกียจขนาดนี้…ชอบเย็นชาเป็นน้ำแข็ง…ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด…ทำไมฉันต้องสนใจคุณด้วย…คุณอยากไปไหนก็ไปเลย…”
บรรยากาศเงียบสนิท…
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นเข้าใจว่าซือเยี่ยหานไปแล้ว ก็รู้สึกเหมือนผ้าห่มถูกแรงหนึ่งดึงอยู่ เยี่ยหวันหวั่นรีบออกแรงจับปลายผ้าห่มไว้ไม่ปล่อย
ซือเยี่ยหานออกแรงเล็กน้อย ก็ดึงผ้าห่มที่เยี่ยหวันหวั่นใช้คลุมศีรษะออกไปได้
กำลังจะอ้าปากพูด กลับเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่เปื้อนคราบน้ำตาของหญิงสาวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว…
เยี่ยหวันหวั่นนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น เอามือปาดเช็ดหน้า เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “มีอะไร? ทำไมคุณยังไม่ไปอีก?”
ซือเยี่ยหานเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับเผชิญหน้ากับวิกฤตและปัญหาครั้งใหญ่ มองจ้องเธอโดยไม่ขยับตัว
ผ่านไปนาน ในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ย “เรื่องอื่นฉันรับปากเธอได้หมด เว้นแต่เรื่องนี้”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน สีหน้าก็อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ หันหน้ามองทางเขา “เรื่องอะไรก็ได้ใช่ไหม?”
ซือเยี่ยหานพยักหน้าตอบ “ใช่”
เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิด แล้วเอ่ยไปว่า “งั้นฉันจะไปกับคุณด้วย!”
เห็นว่าซือเยี่ยหานไม่พูดอะไร เยี่ยหวันหวั่นก็ทำท่าทีจะมุดตัวลงใต้ผ้าห่มอีกครั้ง
วินาทีถัดมา ซือเยี่ยหานถึงตอบ “ได้”
เยี่ยหวันหวั่นที่ปั้นหน้าเย็นชาอยู่ตลอดได้ยินแบบนี้ก็มีสีหน้าผ่อนคลายลงมาก สูดจมูก แล้วกางแขนไปทางชายหนุ่ม “อุ้มฉันไปตรงนั้นหน่อย ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
…………………………………