แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 769 อาหารหมาเย็นๆ ปาแสกหน้า / บทที่ 770 โอกาสทอง
บทที่ 769 อาหารหมาเย็นๆ ปาแสกหน้า
แบบนี้ต่อไปเธอจะมีอำนาจและสิทธิ์เสียงในบริษัทมากขึ้น สองคนนั้นจะไม่สามารถทำอะไรกับเธอต่อหน้าคนหมู่มากตามอำเภอใจได้อีก นอกเสียจากว่าพวกเขาจะไม่สนชื่อเสียงหน้าตาแล้ว
สวี่อี้คิดไปพลางมองเจ้านายตัวเองไปพลาง ว่าแล้วว่าบอสก็คือบอส เรื่องที่คุณหนูหวันหวั่นทำไม่ว่าใครเห็นก็คิดว่าไม่สมเหตุสมผล แต่เจ้านายเขาตั้งแต่ต้นยันจบกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
ฉับพลันนั้นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นมา เป็นสายของเยี่ยหวันหวั่นนั่นเอง
ซือเยี่ยหานรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”
“ชมฉันเร็วๆๆๆ! ฉันอยากฟังสักพันคำ! ห้ามขาดแม้แต่คำเดียวนะ!” เพิ่งรับโทรศัพท์ พวกเขาก็ได้ยินเสียงวอแวของเยี่ยหวันหวั่นดังมาจากปลายสาย
สวี่อี้ด้านข้างที่ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นก็ปาดเหงื่อ กระแอมไอเบาๆ
หนึ่งพันคำ?
เกรงว่าต่อให้รวมคำพูดของคุณชายเก้าตลอดหนึ่งเดือนก็ยังไม่ถึงพันคำเลยละมั้ง?
นัยน์ตาของซือเยี่ยหานผุดระลอกคลื่นที่สังเกตพบยาก ก่อนจะเอ่ยปาก “สั่งเค้กอัลมอนด์ Angelina ให้แล้ว รอเธอกลับมาอยู่”
เยี่ยหวันหวั่นร้องยินดีทันใด “ว้าว! รักคุณจังๆๆ! ที่รักสุดยอดที่สุดเลย!”
สุดท้ายกลับกลายเป็นเธอชมเขาแทนแล้ว…
ความจริงเมื่อก่อนเยี่ยหวันหวั่นไม่ชอบกินอัลมอนด์ แต่ระยะนี้ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เธอก็ตกหลุมรักมัน ครั้งก่อนแค่พูดกับซือเยี่ยหานไปลอยๆ นึกไม่ถึงว่าเขาจะจำได้
เยี่ยหวันหวั่นฟังคำซือเยี่ยหานจากปลายสาย ถามอย่างสงสัยขึ้นมา “โอ๊ะ ที่รักคะ ขอถามหน่อยได้ไหม”
ซื่อเย่หานถามกลับ “อะไร?”
“คุณสั่งเค้กฉลองให้ฉันล่วงหน้า เพราะมั่นใจว่าฉันทำได้แน่นอนเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นอดซักไม่ได้
ซือเยี่ยหานมองนอกหน้าต่างออกไปไกล ไม่ตอบแต่ถามกลับ “ถ้าเธอทำไม่ได้ แล้วจะทำไม?”
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ แปลความหมายในหัวอย่างรวดเร็ว “เอ่อ…คุณหมายถึงว่า…ต่อให้ฉันทำไม่ได้ก็ยังมีคุณบอสที่คอยช่วยแก้ปัญหาให้ เพราะงั้นฉันอยากทำอะไรตามใจแค่ไหนก็ได้…ฉันเข้าใจถูกไหม?”
ซือเยี่ยหานว่า “ประมาณนั้น”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ประมาณนั้นอะไรกัน ใช่เลยต่างหาก!
สวี่อี้ที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่คร่าวๆ น้ำตาไหลพราก…
บ้าเอ๊ย! ไม่แปลกที่บอสจะไม่ร้อนใจเลย!
ฉันโดนอาหารหมาปาแสกหน้าโดยไม่ทันตั้งตัวแล้ว…
พอได้ยินว่ามีของกิน เยี่ยหวันหวั่นพลันกระดิกหางเชื่อฟัง เอ่ยปากอย่างดีอกดีใจ “ทางฉันดำเนินการราบรื่นทุกอย่าง กลับตามกำหนดการได้ รอฉันกลับไปกินนะ”
อืม เทียบกับเค้กแล้ว ความจริงเธออยากกินอย่างอื่นมากกว่า…
………
เมือง H ที่พม่า
กลุ่มห้าคนเริ่มเข้าสู่โหมดป้อยอเยี่ยหวันหวั่นอย่างบ้าคลั่ง
เนี่ยอู๋หมิงพูด “น้องเยี่ยโหย่วหมิง น้องก็มือดีไม่เบานี่!”
นักพรตใจบริสุทธิ์เอ่ยบ้าง “จากนี้ฉันไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเทพแห่งชัยชนะแล้ว!”
อี้จือฮวาก็เอ่ย “เถ้าแก่คุณนี่เซียนตัวจริงเสียงจริงเลย”
หนุ่มกรรมกรต่างชาติสมทบ “เถ้าแก่เป็นเทพผู้ปราดเปรื่องไร้เทียมทานพรสวรรค์ล้นเหลือสามารถวางแผนชิงชัยได้แม้อยู่ไกลพันลี้…”
หนุ่มภูเขาน้ำแข็งยกป้ายขึ้นมา ข้างบนเขียนเลข ‘6’ (เจ๋งเป้ง) ไว้
เยี่ยหวันหวั่นพลันหมดคำจะพูด เธอบังคับให้เพื่อนชาวต่างชาติเรียนสำนวนจีนมากมาย จนแม้แต่หนุ่มแบกโลงศพที่เป็นมะเร็งขี้เกียจระยะสุดท้ายก็เขียนเลข 6 ได้แล้ว
เยี่ยหวันหวั่นหลุดหัวเราะ หยิบอั่งเปาห้าซองที่เตรียมไว้ออกมาแจกจ่ายทั้งห้าคน “งานวันนี้ราบรื่นดี แถมยังเปิดได้หยกเจไดต์ระดับท็อปอีก อั่งเปานี้ฉันให้พวกคุณ”
ถึงนักแสดงตัวพ่อเหล่านี้ใช้กำลังเกินไปบ้าง แต่พวกเขาก็ทุ่มเทกับงานมาก
————————————————————–
บทที่ 770 โอกาสทอง
ทุกคนพลันตาวาวรับอั่งเป่ามา เมื่อนับดูก็พบว่ามีถึง 2888!
ค่าจ้างของพวกเขาครั้งนี้คือ 2500 แต่อั่งเปานี้ยังมากกว่าค่าจ้างเสียอีก!
พริบตาที่ทั้งห้าคนเห็นจำนวนเงิน ก็พากันอ้าปากเป็นชุดทันที
นักพรตใจบริสุทธ์เอ่ย “เถ้าแก่เนี้ย คุณขาดหมอดูส่วนตัวไหม? แบบที่รับประกันว่าเสี่ยงทายได้แต่ดวงดีช้วนทุกวันน่ะ!”
อี้จือฮวาพูดบ้าง “เถ้าแก่เนี้ยยังขาดผู้ช่วยอยู่ไหม แบบที่คุยเป็นเพื่อแก้เหงาร้องเล่นเต้นรำได้น่ะ!”
หนุ่มกรรมกรต่างชาติเสริม “เถ้าแก่เนี้ยน่าจะต้องการคนขนอิฐนะ”
หนุ่มภูเขาน้ำแข็ง “…!”
ส่วนเนี่ยอู๋หมิง “พวกเขาซื้อรวมกันได้ราคาถูกๆ นะ ส่วนเจ้าคนตายนั่นเป็นของแถม”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกแล้ว
พวกนายพอเถอะ…
หลังจากฟังคนพวกนี้พูดไร้สาระไปครึ่งค่อนวัน เยี่ยหวันหวั่นก็เปิดปากพูดธุระ “ทำภารกิจการเดินทางครั้งนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
เนี่ยอู๋หมิงจริงจังทันที “สบายใจได้ น้องเยี่ยโหย่วหมิง พวกเราต้องทำให้น้องเยี่ยพอใจแน่นอน แล้วจากนี้พวกเราต้องทำอะไรต่อ?”
เยี่ยหวันหวั่นคิดเล็กน้อย “พรุ่งนี้ฉันยังมีเรื่องนิดหน่อยต้องจัดการที่ร้านพนันหยกนั้น เสร็จแล้วพวกคุณตามฉันไปที่หนึ่ง พอไปถึงฉันจะให้พวกคุณช่วยแสดงละครหนึ่งฉาก รายละเอียดรอไว้ถึงที่แล้วฉันจะอธิบายให้ฟังอีกที
การมาครั้งนี้ สิ่งที่เธอรับรู้ได้มากสุดคือเธอมีกำลังอ่อนแอเกินไป
เธอเคยคิดถึงจุดนี้ตั้งแต่ทริปประเทศ B แล้ว แต่ด้วยความสามารถของเธอตอนนี้ แทบจะไม่มีพลังอำนาจและความอดทนของตัวเองเลย
การมาพม่าครั้งนี้นับเป็นโอกาสทองพอดี
นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่เธอเลือกมาทำภารกิจที่พม่า
ในชีวิตก่อนมีกลุ่มทหารรับจ้างที่เก่งกาจอยู่กลุ่มหนึ่ง แต่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นแก๊งมาเฟียที่ชายแดนพม่าจึงถูกกำจัดจนสิ้นซาก…
ถ้าอาศัยโอกาสนี้รับคนกลุ่มนั้นมาได้ และมีขุมอำนาจของตัวเองแล้ว เธอก็จะสามารถทำเรื่องมากมายได้สะดวกยิ่งขึ้นไม่น้อย
วันถัดมา
หลังจัดการเรื่องที่ร้านพนันหยกเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็พาพวกเนี่ยอู๋หมิงออกเดินทาง
อี้จือฮวามองหนุ่มภูเขาน้ำแข็งหน้าสวยที่อยู่ด้านหลังเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดั่งใจ “คุณเร็วหน่อยได้ไหม”
หนุ่มภูเขาน้ำแข็งแบกโลงศพหนึ่งโลง จึงช้ากว่าคนอื่นหลายเท่า
“ให้เขาทิ้งโลงศพได้ไหม” เยี่ยหวันหวั่นนวดหัวคิ้วพลางเอ่ยอย่างจนใจอยู่บ้าง
หนุ่มกรรมกรต่างชาติได้ยินแบบนั้นก็ลูบคาง สองตามองเยี่ยหวันหวั่น เขาพูดภาษาจีนอย่างไม่ค่อยคุ้นชิน “เถ้าแก่เยี่ย…ความจริง…ที่เขาเดินช้า ไม่เกี่ยวกับโลงศพหรอก…”
“เขาแค่ขี้เกียจเดินล้วนๆ” นักพรตใจบริสุทธิ์พูดกับเยี่ยหวันหวั่นด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด ขี้เกียจไปถึงขีดจำกัดใหม่แล้วจริงๆ
แต่คนขี้เกียจอย่างนั้นแบกโลงศพทั้งวันทั้งคืน ก็ยากลำบากน่าดู
เนื่องจากติดปัญหาที่หนุ่มภูเขาน้ำแข็ง กลุ่มหกคนของเยี่ยหวันหวั่นใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงที่หมาย
ข้างหน้าคือพื้นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ สุดขอบด้านซ้ายมีโรงงานประหลาดที่ไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศตั้งอยู่
ที่แห่งนี้เป็นชานเมืองซึ่งไกลจากเมือง H ของพม่าเกินกว่าสิบกิโลเมตร และยังไม่เคยถูกพัฒนา จึงแทบไม่มีคนอยู่อาศัย ถึงขั้นว่าบางครั้งยังเห็นสัตว์ป่าผ่านทางมาสองสามตัว
เยี่ยหวันหวั่นพาพวกเนี่ยอู๋หมิงและอี้จือฮวาเดินไป ไม่ใช้ยานพาหนะใดๆ เพื่อเลี่ยงไม่ให้แหวกหญ้าให้งูตื่น
‘ยังดีที่เส้นทางนี้เป็นทางตรงเดินง่าย…ไม่งั้นฉันจำทางไม่ได้จริงๆ’ เยี่ยหวันหวั่นลอบใคร่ครวญในใจพลางมองโรงงานตรงหน้า
ชีวิตก่อน ตอนที่เธอกับพวกฉินรั่วซีมายังเมือง H ก็เคยผ่านที่แห่งนี้ ต่อมาถึงรู้ว่ามีโจรกบฏแอบแทรกซึมเข้าไปในโรงงานและปะทะกับกลุ่มอิทธิพลมืด สุดท้ายก็ถูกทำลายราบคาบ
………………………………….