แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 797 ต้องแย่งกลับมา / บทที่ 798 เอาความกล้ามาจากไหน
บทที่ 797 ต้องแย่งกลับมา
เช้าวันต่อมา กวงเย่ามีเดีย
“เที่ยวพอแล้วเหรอ?” เยี่ยมู่ฝานใบหน้าเศร้า
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ “เอาของขวัญมาฝากพี่กับพ่อแม่ด้วย”
สีหน้าของเยี่ยมู่ฝานถึงค่อยเปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวเราะหึๆ “นับว่าเธอยังมีน้ำใจอยู่!”
“นัดไปบ้านเก่าตอนเย็นวันนี้เหรอ” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“ใช่แล้ว….” พอพูดถึงเรื่องนี้เยี่ยมู่ฝานก็หน้าดำคร่ำเครียด “ไม่ไปไม่ได้เหรอ? พวกเราอยู่กันแบบนี้ก็ดีมากแล้วนี่ ทำไมต้องกลับไปให้อึดอัดด้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นกวาดมองไป แววตาปานน้ำแข็ง “ฉันบอกแล้วนี่ว่าพี่ต้องแย่งตระกูลเยี่ยกลับมา! ลืมแล้วเหรอว่าพวกเขาทำกับพ่อแม่เรายังไง?”
“เอ้อ…” เยี่ยมู่ฝานถูกเยี่ยหวันหวั่นใช้สายตาเย็นชากวาดมอง ก็พลันลูบจมูกอย่างเจี๋ยมเจี้ยม “ฉันก็อยากทำอยู่แล้ว แต่ด้วยความสามารถของเราในตอนนี้ บวกกับอคติที่ตากับย่ามีกับครอบครัวเรา มันยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์อีก…”
เยี่ยหวันหวั่นเพ่งมอง “พี่คิดว่าความเชื่อมั่นที่ตากับย่ามีต่อพวกเขาจะเหนียวแน่นจนทำลายไม่ได้เหรอ?”
…
ตอนเย็น บ้านเก่าตระกูลเยี่ย
เรื่องที่หนังซึ่งเยี่ยหมู่ฝานมีส่วนร่วมได้รับรางวัลมากมาย และเรื่องที่ได้รับตำแหน่งรองประธานสมาคมแฟชั่น ทางสองผู้เฒ่าได้รับรู้แล้ว
ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆ คงจะไม่โทรให้เขากลับไปกินข้าวด้วยเป็นครั้งแรก
วันนี้เป็นวันรวมญาติของตระกูลเยี่ย มีญาติสนิทมิตรสหายมาไม่น้อย
เยี่ยหวันหวั่นกับเยี่ยมู่ฝานเพิ่งปรากฏตัว ก็ดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อยทันที
ด้วยหน้าตาของคนทั้งสอง เมื่อสองพี่น้องยืนอยู่ด้วยกันช่างโดดเด่นสะดุดตาจริงๆ
ถานอี้หลานมองสองพี่น้องที่ดูดีระรื่นตา สีหน้าอ่อนโยนลงไม่น้อย
“คุณย่าครับ!” หลังจากถูกเยี่ยหวันหวั่นกระทุ้งใส่ เยี่ยมู่ฝานก็รวบรวมสมาธิเดินไปหาสองผู้เฒ่า
“ย่าครับ ผมเอาของขวัญมาให้ย่ากับปู่ด้วย ดูสิครับ ชอบหรือเปล่า!”
“แค่มาเยี่ยมก็พอแล้ว ยังเอาของอะไรมาด้วยอีก!” ถานอี้หลานแม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่สีหน้ายินดีมาก
เยี่ยมู่ฝานดึงๆ แขนของถานอี้หลานอย่างสนิทสนม “ในเมื่อทำงานมีเงินแล้ว ก็ต้องทดแทนบุญคุณปู่กับย่าเป็นเรื่องแรกสิ!”
ถานอี้หลานได้ยินก็เอ่ยอย่างปลาบปลื้ม “ในที่สุดมู่ฝานก็โตสักที ช่วงนี้ก็ทำผลงานได้ไม่เลวเลย ครั้งก่อนเจอประธานมู่ได้ยินเขาชมหลานด้วย”
“ชมว่าผมได้ยีนดีกับรสนิยมพรสวรรค์ด้านแฟชั่นมาจากย่ารึเปล่า?”
“หลานนี่นะ…”
ถานอี้หลานถูกเยี่ยมู่ฝานยอจนเบิกบาน เหลียงเหม่ยเซวียนที่อยู่ไม่ไกลออกไปกัดฟันกรอด
เหลียงเหม่ยเซวียนเดินเข้าไป พูดเสียงอ่อนว่า “คุณแม่คะ หนูได้ยินมาว่ามู่ฝานเป็นสไตลิสต์อยู่บริษัทลูกที่ไม่โดดเด่นใต้สังกัดโกลบอลเหรอคะ? เป็นคนของหวงเทียนแท้ๆ แต่กลับไปทำงานให้โกลบอล ถ้าเรื่องนี้เล่ากันออกไป คนอื่นๆ จะคิดยังไง…”
เยี่ยมู่ฝานแค่นเสียง “อารอง คำพูดของอาดูมีความรู้น้อยไปหน่อยนะ ว่ากันว่าเรียนวิทยาการต่างชาติเพื่อพัฒนาตัวเอง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ผมไปฝึกงานที่โกลบอล ทำให้ได้เรียนรู้เข้าใจวิธีการบริหารของอีกฝ่ายพอดี”
ผู้อาวุโสเยี่ยเดินมาจากด้านหลัง พยักหน้าเอ่ยว่า “มู่ฝานพูดมีเหตุมีผล”
เหลียงเหม่ยเซวียนสะอึก สีหน้าเต็มไปด้วยแววขุ่นแค้น
ขณะกำลังจะพูดต่อ มือเล็กๆ ข้างหนึ่งก็ฉุดแขนของเธอเบาๆ บอกให้เธอหยุด
เยี่ยอีอีในชุดราตรีสีน้ำเงินเข้มที่ดูบริสุทธิ์เดินมาด้านหน้าถานอี้หลาน “คุณย่าคะ มีข่าวดีค่ะ ละครเรื่องสำคัญของพวกเราในปีนี้บรรลุข้อตกลงกับฮว๋าอิ่งแล้วค่ะ…”
ถานอี้หลานได้ยินก็ถูกดึงความสนใจไป “จริงเหรอ?”
ฮว๋าอิ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์ระดับประเทศ เป็นชื่อที่อวดโอ่ทีเดียว
เยี่ยมู่ฝานได้ยินแล้วแววตาพลันมืดครึ้ม ในตอนที่เขาลำบากดิ้นรนอยู่ในบริษัทลูกเล็กๆ เยี่ยอีอีก็อยู่ในระดับที่เขาไม่อาจไปถึงแล้ว…
———————————————————
บทที่ 798 เอาความกล้ามาจากไหน
เหลียงเหม่ยเซวียนเห็นหน้าที่เหมือนกินแมลงวันของเยี่ยมู่ฝาน ก็มีสีหน้าได้ใจอีกครั้ง “เฮ้อ อีอีของฉันโดดเด่นจริงๆ ใครๆ ก็บอกว่ามีความรู้มารยาท มีความประพฤติดี พ่อแม่ของเยว่เจ๋อก็ชมว่าฉลาดและเอาการเอางาน ได้ยินญาติกับเพื่อนๆ ไม่น้อยทางตระกูลกู้ถามอีอีว่ามีพี่สาวหรือน้องสาวไหม อยากจะหมั้นหมายด้วย ฉันคิดถึงหวันหวั่นแล้วก็อยากจะแนะนำให้ แต่กลัวว่า…”
คำพูดของเหลียงเหม่ยเซวียน ทางหนึ่งยกยอเยี่ยอีอี ทางหนึ่งจงใจพูดถึงตระกูลกู้ แสร้งสงสารเยี่ยหวันหวั่น สุดท้ายเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็หยุดไว้ ความหมายก็คือเยี่ยอีอีมีน้องสาวคนหนึ่ง แต่เสียดายที่แนะนำไม่ได้ กลัวว่าจะไปสร้างเรื่องให้คนอื่น
“เหลียงเหม่ยเซวียน เธอหมายความว่ายังไง! ด่ากันอ้อมๆ อย่างงั้นเหรอ! อย่าลืมนะว่าเรื่องหมั้นหมายของตระกูลกู้ใครเป็นคนกำหนดให้ใครแต่แรก! แย่งของของหวันหวั่นไปแล้วยังมาโอ้อวดที่นี่อีก เอาความกล้ามาจากไหน!” เมื่อครู่เยี่ยมู่ฝานอดกลั้นไม่พูดอะไร แต่พอฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดก็ถูกยั่วโมโหจนได้
เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยมู่ฝานที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง
ถ้าเป็นเธอในชาติก่อน จะต้องมีปฏิกิริยารุนแรงกว่าเยี่ยมู่ฝานแน่
สิ่งที่เธอในชาติก่อนเกลียดนักเกลียดหนาก็คือท่าทางโอบอ้อมอารี ทำตัวสูงส่ง แต่ก็มักจะเหยียบย่ำครอบครัวพวกเธอเงียบๆ ของเยี่ยอีอี
แค่พูดถึงเรื่องที่เยี่ยอีอีแย่งคู่หมั้นของเธอไป ก็มากพอจะทำให้เธอโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีเหลียงเหม่ยเซวียนคอยกระพือไฟอยู่ด้านข้างอีก
ทุกครั้งที่กลับมาบ้านเก่า เธอจะก่อเรื่องจนฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ
ต่อให้สองผู้เฒ่าไม่ชมชอบแม่ของเธอ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นหลานในไส้ของพวกเขา จึงยังไม่ถึงขั้นไล่เธอออกจากตระกูล แต่ก็เป็นเพราะเธอก่อเรื่องจนตระกูลเยี่ยอับอายขายหน้า หาเรื่องใส่ตัวโดยคิดตัดสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลเยี่ย ทำให้ความอดทนของสองผู้เฒ่าหมดลง และก่อให้เกิดผลลัพธ์แบบนั้น…
แต่เธอในตอนนี้ย่อมไม่ทำเรื่องโง่เง่าแบบนั้นอีก
พอได้ยินคำถามของเยี่ยมู่ฝาน เหลียงเหม่ยเซวียนพลันทำท่าตกใจ “มู่ฝาน พูดอะไรของเธอกัน เมื่อกี้อาอยากแนะนำเรื่องแต่งงานให้หวันหวั่นเท่านั้น แค่กลัวว่าหวันหวั่นจะไม่ชอบที่ฉันไปยุ่ง ไม่มีเจตนาจะด่าอ้อมๆ ซะหน่อย
ฉันสิต้องถามว่าเธอหมายความว่ายังไง อะไรคือแย่งของของหวันหวั่น? กู้เยว่เจ๋อคบกับอีอีของฉันหลังจากเลิกกับหวันหวั่น เข้าตามตรอกออกตามประตู รักใคร่กันดี เธอจะมาพูดมั่วๆ แบบนี้ไม่ได้นะ
ก่อนหน้านี้หวันหวั่นเป็นยังไงทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว เธอลองถามใจตัวเองดูสิ ถ้าเป็นเธอแล้วเธอจะเลือกยังไง เรื่องของความรักมาบังคับกันได้ที่ไหน”
ฮึ เข้าตามตรอกออกตามประตู รักใคร่กันดีอะไร
ตอนแรกก็หลอกลวงเธอ ต่อจากนั้นก็ข่มขู่พ่อ สุดท้ายสมคบกับตระกูลกู้ค่อยๆ ทำลายพวกเขาทีละขั้น..
เหลียงเหม่ยเซวียนทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งมองปฏิกิริยาของเยี่ยหวันหวั่นกับเยี่ยมู่ฝานอย่างไม่สะทกสะท้าน
เธอไม่กลัวสองคนนี้ก่อเรื่อง วันนี้ให้ดีที่สุดก็สร้างความวุ่นวายเถอะ อย่างนั้นจะยอดเยี่ยมมาก
ช่วงนี้พอเห็นว่าท่าทีที่สองผู้เฒ่ามีต่อบ้านใหญ่อ่อนลง เธอปวดหัวมากทีเดียว…
เยี่ยมู่ฝานโกรธจนแทบอยากจะพุ่งเข้าใส่เหลียงเหม่ยเซวียน “เธอ…”
ครั้งนี้ เยี่ยหวันหวั่นที่เงียบมาโดยตลอดดึงเยี่ยมู่ฝานไว้อย่างไม่รีบไม่ร้อน จากนั้นก็เดินไปถึงตรงหน้าสองผู้เฒ่า เหลียงเหม่ยเซวียน กับเยี่ยอีอีด้วยรอยยิ้มงดงาม ก่อนเอ่ยด้วยดวงตาแวววาว “พี่มู่ฝาน พี่เข้าใจอารองผิดแล้ว อารองจะไปหมายความอย่างนั้นได้ยังไง ก่อนหน้านี้อาเขาชอบพี่เยว่เจ๋อมาก ตอนนี้พี่เยวี่ยเจ๋อคบกับพี่อีอีแล้ว อารองก็แค่ดีใจ ถึงได้พูดทำนองว่าคนตระกูลกู้ชอบอีอี”
……………………………………….