แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 103 เรื่องค่าสินสอดเป็นปัญหาใหญ่โต
หนานกงชางฉยงทำสีหน้าบึ้งตึงส่งสองพ่อลูกบ้านสกุลหลงที่หัวเราะอย่างมีเลศนัยกลับ พอปิดประตูลงหนานกงชางฉยงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาในทันที ทำไมถึงมีคำทำนายเช่นนี้ได้ เมื่อคิดว่าลูกหลานที่มีความสามารถโดดเด่นในบ้านตัวเองจะต้องแต่งออกไปก็อยากจะร้องไห้ให้สลบไปเลย พระเจ้า ทำไมท่านถึงทำกับบ้านสกุลหนานกงเช่นนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลงเหวินเซวียนยังคงไม่จางหายไป
“เจ้าสาม ทำได้ดีมาก”
“ฮ่าฮ่า ท่านพ่อก็ชื่นชมเกินไป” หลงจิ่งหลินพูดอย่างได้ใจ ตอนแรกเขาก็ลองเดาดูว่าใครจะเป็นคนที่มีชะตาหงส์ เมื่อนึกถึงคุณสมบัติร่างกายของหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนผู้ที่มีคุณสมบัติร่างกายเข้ากันเพียงคนเดียวในตอนนี้ หลงจิ่งหลินก็เดาว่าคนที่เป็นชะตาหงส์คนนั้นต้องเป็นหนานกงเวิ่นเทียนแน่ แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้
“หลิวหลี ทำไมเจ้าถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย” หลงจิ่งหลินที่เห็นว่าหลิวหลีไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยมาตลอดทางจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“กำลังคิดอยู่ว่าถ้าไปสู่ขอจะต้องเตรียมอะไรบ้าง แล้วก็ยังมีค่าสินสอดอีก เฮ้อ ท่านลุงสาม ข้าเป็นคนจน ไม่มีสมบัติอะไรไปสู่ขอเขาหรอก” หลิวหลีแบมืออกสองข้างอย่างจนใจ การจะไปสู่ขอต้องใช้เงินเยอะมาก นางอย่าเพิ่งคิดเรื่องแต่งงานชั่วคราวจะดีกว่า ไม่มีสมบัติมากพอแล้วจะไปสู่ขอได้อย่างไรกัน
เอ่อ เรื่องที่หลิวหลีกำลังคิดนั้นก็มีเหตุผล เพียงแต่ว่านังหนู เจ้าจำเป็นจะต้องคิดหนักขนาดนั้นเลยหรือ
หลิวหลีลองเปรียบเทียบของจำเป็นที่ต้องใช้แต่งงานในชาติที่แล้ว ค่าสินสอดจำเป็นต้องให้เงินจำนวนมากและเครื่องประดับทอง เมื่อเอามาคิดในโลกบำเพ็ญ ตอนนี้นางจนมากไม่มีค่าสินสอดให้หรอก
“เอ่อ ข้าว่าให้เสี่ยวเทียนมาสู่ขอข้าจะดีกว่า” หลิวหลีพูดพลางทอดถอนใจ นางไม่มีเงิน
“นังหนู เงินที่ใช้สำหรับสู่ขอลูกเขย บ้านสกุลหลงของเรามีอยู่นะ” หลงเหวินเซวียนรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของหลิวหลีเป็นอย่างมาก
“ใช่ นังหนู เจ้าดูแคลนตัวเองมากเกินไปแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าสถานะนักปรุงยาระดับ 6 ของเจ้า ปรุงยาออกมาทำเงินได้มากโขเลยนะ” หลงจิ่งหลินพูดขึ้น
“ระดับยายิ่งสูงก็จะยิ่งแพงใช่หรือไม่” หลิวหลีคิดพลางเอามือลูบคาง
“ใช่สิ โดยเฉพาะยาที่เจ้าทำออกมานั้นก็เป็นยาคุณภาพระดับสูง ประสิทธิภาพของยานั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง” หลงจิ่งหลินนึกถึงตอนที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บครั้งหนึ่งก็กินยาที่หลิวหลีให้มา อาการที่ดีขึ้นทันตากับรสชาติที่เย็นสดชื่น บ่งบอกให้รู้ว่ายาดีมากจริงๆ
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นข้าก็สามารถใช้ยาเป็นสินสอดได้” หลิวหลีกระจ่างแจ้งขึ้นมาในทันที
“ได้สิ นังหนู รับรองว่าเจ้าจะไม่ขายหน้าแน่นอน” หลงจิ่งหลินกล่าว นังหนูนี่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของบ้านสกุลหลง จนมักจะพยายามยืนด้วยลำแข้งของตัวเองเสมอ ถึงขนาดคิดจะจัดการเองคนเดียว ไม่เคยคิดที่จะแบมือขอจากพวกเขา รู้จักช่วยเหลือตัวเองจนทำให้พวกเขาปวดใจ นึกถึงเด็กพวกนั้นที่ยังต้องมาแบมือขอ ทำไมถึงได้แตกต่างกันมากขนาดนี้ มิน่าพลังบำเพ็ญเพียรถึงได้ห่างกันหลายขุม หลงเหวินเซวียนคิดดังนี้
“เจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าเป็นนักปรุงยาระดับ 7 ข้าจะนำยาทุกระดับมาก่อเป็นเจดีย์มอบให้กับเสี่ยวเทียน น่าจะไม่เลว” เครื่องคำนวณในใจของหลิวหลีก็ลองคิดคำนวณดู พืชศักดิ์สิทธิ์นางมีเยอะมาก เพลิงอัคคีมี 5 ชนิด สามารถปรุงยาด้วยเพลิงอัคคีชนิดที่แตกต่างกันออกมาได้ เพลิงบุปผาเหมันต์กับเพลิงหทัยสมุทรเอามาทำเยอะหน่อย เพราะเสี่ยวเทียนเป็นธาตุเหมันต์ อืม เดี๋ยวมีเวลาแล้วจะถามเสี่ยวเทียนว่าพ่อแม่ของเขาเป็นผู้บำเพ็ญแกนวิญญาณอะไร จะได้ปรุงยาออกมาจำนวนหนึ่งให้กับพ่อแม่ของเขาด้วย
“นังหนู เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ เหมือนเจ้าจะพูดว่าเจ้าคือนักปรุงยาระดับ 7 หรือ” หลงจิ่งหลินถามขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ
“เจ้าค่ะ ตอนอยู่ในแดนลี้ลับโดนบังคับจนสามารถกลายเป็นนักปรุงยาระดับ 7 อย่างช่วยไม่ได้จริงๆ” เมื่อนึกถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตอนแรกที่เข้าไปในแดนลี้ลับ หลิวหลีก็พลันหงุดหงิดขึ้นมา
“นังหนู ข้างหน้าไม่ไกลเป็นสมาคมยาศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะไปเปลี่ยนป้ายสถานะนักปรุงยาหน่อยไหม” หลงจิ่งหลินเสนอขึ้น พระเจ้า พรสวรรค์ที่ล้ำขนาดนี้คงจะไม่มีใครอีกแล้ว หากว่าเขาจำไม่ผิดป้ายสถานะนักปรุงยาของนังหนูคือระดับสามควรจะไปเพิ่มระดับได้แล้ว ไม่แน่ว่าหัวหน้าบ้านสกุลหนานกงคงไม่เซ้าซี้ขนาดนั้น หรือไม่แน่ว่าอาจจะยินดียกหลานชายแต่งเข้าบ้านมากกว่าเดิมอีก
“ได้สิเจ้าคะ ท่านตากับท่านลุงสามจะรอข้าไหม ครู่เดียวน่าจะเสร็จ” หลิวหลีลองคิดทบทวนดูแล้ว ถ้าใช้สถานะนักปรุงยาระดับ 7 ไปสู่ขอจะดูมีหน้ามีตากว่า
“เจ้าไปเถอะ พวกข้าจะรอเจ้าอยู่ด้านนอก” หลงเหวินเซวียนกล่าว ตามมาตรฐานในการปรุงยาของหลานสาวเขาแล้ว นางบอกว่าตัวเองคือนักปรุงยาระดับ 7 นั่นหมายความว่านางสามารถปรุงยาระดับ 7 คุณภาพชั้นเลิศได้แล้ว
ณ สมาคมนักปรุงยา หลิวหลีเอาป้ายแสดงสถานะนักปรุงยาของตัวเองออกมาก็ถูกเชิญเข้าไปด้วยความเกรงใจ หลิวหลีอายุน้อยมาก คนที่รู้จักนางก็มีไม่มากจึงคิดว่าเป็นศิษย์สำนักไหนมาทดสอบวัดระดับ
“ชื่อ หลงหลิวหลี หลิวหลี เจ้าคือหลิวหลีคนนั้นหรือ” ผู้หญิงที่ลงทะเบียนให้อดที่จะร้องเสียงแหลมออกมาไม่ได้ พระเจ้า ต้นแบบของนางเลย
“เจ้าค่ะ รบกวนลงทะเบียนเร็วหน่อยนะ ท่านตากับท่านลุงของข้ายังรอข้าอยู่ด้านนอก” หลิวหลีพูดกับผู้บำเพ็ญหญิงที่อยู่ตรงหน้า ชื่อของนางมันน่ากรีดร้องขนาดนั้นเลยหรือ นางไม่เห็นรู้ตัวเลยว่านางจะเป็นคนมีชื่อเสียงขนาดนั้น
“ได้สิ ท่านเป็นนักปรุงยาระดับ 3 มาทดสอบนักปรุงยาระดับ 4 ใช่ไหม” ผู้บำเพ็ญหญิงหันกลับมามอง ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง จะเสียมารยาทเกินไปแล้ว
“เปล่า ข้ามาทดสอบระดับ 4 ถึงระดับ 7 เลย”
“ท่านจะสอบรวดเดียวถึงระดับ 7 เลยหรือ” ผู้บำเพ็ญหญิงตกใจ และเพราะชื่อของหลิวหลีทำให้คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยหยุดฟังว่าตรงนี้เกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินว่าหลิวหลีพูดอะไรออกมาก็อยากจะทุบหม้อตัวเองทิ้ง พระเจ้า นังหนูคนนี้เป็นนักปรุงยาระดับ 7 แล้วหรือ เทียบความสามารถไม่ติดเลยจริง ๆ
“พระเจ้า พี่หวง พวกข้าเพียงแค่มาทดสอบวัดระดับนักปรุงยาระดับ 4 หลิวหลีกลับมาสอบ 4 ระดับรวดเดียว พวกข้าเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรจริงๆ”
“นั่นสิ พี่ไป๋ ข้าค้นพบว่าข้ามองพลังบำเพ็ญเพียรของหลิวหลีไม่ออก บนโลกใบนี้มักจะมีปีศาจแบบนี้ ไว้โจมตีความมั่นใจของคนเรานั่นแหละ”
“กรุณารอสักครู่” ผู้บำเพ็ญหญิงกล่าวขออภัยหลิวหลี สมาคมสาขานี้ของพวกเขามีนักปรุงยาระดับ 7 เพียงคนเดียว แล้วก็ยังอยู่ในช่วงเข้าฌานระยะยาวด้วย
ไป๋จิ่งหยางเป็นประธานสมาคมยาศักดิ์สิทธิ์สาขาโลกอสูรเทพและนักปรุงยาระดับ 6 พอได้ยินลูกน้องมารายงานว่าหลิวหลีมาก็รีบลงไป โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าหลิวหลีจะสอบรวดเดียวจนถึงระดับ 7 เขาก็ดึงหนวดเกือบหลุด
“ไม่ทราบว่านี่คือสหายหลิวหลีใช่หรือไม่” ไป๋จิ่งหยางถามขึ้น
“ใช่”
“ข้าน้อยคือประธานสมาคมยาศักดิ์สิทธิ์สาขาโลกอสูรเทพ ไม่ทราบว่าสหายสอบถึงระดับ 6 แล้วหรือยัง เพราะระดับ 7 จะต้องไปเชิญท่านสวีชิงผู้อาวุโสของสาขานี้มาเป็นคนตัดสินให้” ไป๋จิ่งหยางพูด
“ได้สิ” หลิวหลีไม่ได้มีข้อโต้แย้งใด ๆ
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอบังอาจเรียกท่านว่าสหาย เชิญทางนี้” แน่นอนว่าไป๋จิ่งหยางดูออกว่าพลังบำเพ็ญเพียรของสุดยอดผู้ถูกเลือกอย่างหลิวหลีอยู่ในช่วงแยกจิตระยะกลางการจัดอันดับผู้ถูกเลือกใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว คงมีอะไรให้ติดตามดู
“รบกวนท่านด้วย”
“สหาย ให้ข้าคุมสอบได้หรือไม่” ไป๋จิ่งหยางบากหน้าร้องขอ
“ได้” หลิวหลีไม่ได้ใส่ใจมากนักว่าใครจะคุมสอบ
ไป๋จิ่งหยางเห็นหลิวหลีจัดการด้วยความเชี่ยวชาญก็อดประหลาดใจไม่ได้ นางทำได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติจริงๆ เขาจัดการกับพืชศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สะอาดเท่านางเลย ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินมาว่าหลิวหลีฝึกฝน ‘คัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ’ มีเพลิงอัคคีถึง 4 ชนิด ตอนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของนางอยู่ในช่วงแยกจิตแล้ว นางน่าจะพิชิตเพลิงอัคคีชนิดที่ 5 ได้แล้ว แต่ตอนที่นางปรุงยานางกลับไม่ได้ใช้เพลิงอัคคีแต่กลับใช้ไฟที่ทางสมาคมใช้กันธรรมดา
“เรียบร้อย” สิ้นสุดเสียงตะโกน ไป๋จิ่งหยางมองยาที่หลิวหลีปรุงสำเร็จออกมาในแต่ละครั้งด้วยใบหน้าเฉยชา
“เอาล่ะ ท่านประธานเชิญชมเถิด” หลิวหลีนำยา 4 ระดับที่แตกต่างกันให้ไป๋จิ่งหยางดู
ถึงแม้ไป๋จิ่งหยางจะไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางใด ๆแต่ภายในใจกลับปั่นป่วนเหมือนคลื่นกำลังโหมซัดกระหน่ำ คุณภาพชั้นเลิศ ทั้งหมดเป็นยาคุณภาพชั้นเลิศหมดเลย ไม่มีส่วนใดเสียหาย ทั้งยังใช้ไฟธรรมดาปรุงขึ้น
เดิมทีสวีชิงรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เด็กน้อยควรค่าแก่การประเมินของเขาเสียที่ไหน จนกระทั่งไป๋จิ่งหยางมอบยาศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 เม็ดให้เขา สีหน้าเขาแดงก่ำด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยาระดับ 7 จนถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถปรุงยาที่มีคุณภาพแบบนี้ออกมาได้ด้วยซ้ำ ความไม่พอใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
เมื่อส่งแขกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ากลับจนหมดแล้ว หลิวหลีก็ห้อยป้ายแสดงสถานะนักปรุงยาระดับ 7 ที่เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ หมุนมันเล่นขณะเดินออกมา
“นังหนู เสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรือ” นี่ก็เร็วไปหน่อยไหม หลงเหวินเซวียนคิดว่าจะต้องรอไปอีกหลายวัน ยังเตรียมที่จะหาโรงเตี๊ยมใกล้ๆไว้พักอยู่เลย
“เดิมทีเร็วได้มากกว่านี้อีกเจ้าค่ะ” สวีชิงผู้นั้นเป็นถึงผู้อาวุโสระดับสูงไม่ใช่หรือ คนที่มีสีหน้าตื่นตระหนกขอคำชี้นำ คนที่ทำหน้าราวกับคิดได้และตระหนักรู้ในฉับพลันแบบนั้นเป็นผู้อาวุโสจริงหรือ นางปฏิเสธเรื่องที่ไป๋จิ่งหยางเสนอให้นางอยู่ในนามของผู้อาวุโสของสมาคมอย่างนุ่มนวล ถ้าหากอาจารย์ของนางรู้เข้าว่านางมาเป็นผู้อาวุโสให้กับสมาคมยาศักดิ์สิทธิ์ นางคงโดนตีขาหักแน่
“ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ อีกสามสกุลที่เหลือค่อยไปกันพรุ่งนี้” หลงเหวินเซวียนพบว่ามีสายตาจับจ้องสำรวจพวกเขาอยู่ ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า
ทั้งสองไม่ได้คัดค้านใด ๆแล้วจากไปด้วยใจอันเบิกบาน ไม่นานหลังจากนั้นเรื่องที่หลิวหลีเป็นนักปรุงยาระดับ 7 ก็ถูกแพร่ไปไกลทั่วทุกมุมของโลกบำเพ็ญ หนานกงชางฉยงเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน “นักปรุงยาระดับ 7 หรือ” เฮ้อ ทำไมถึงไม่สามารถแต่งเข้าสกุลหนานกงได้นะ
…………………………………………………..