แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 14 เคล็ดวิชามังกรนพเก้า
เอ๋าเลี่ยได้รับสารจากเอ๋าป๋อเหวิน ดวงตาก็หรี่ลงเล็กน้อย องค์หญิงน้อยอันเป็นแก้วตาดวงใจของสกุลหลงคนนั้นหายสาบสูญไปเป็นสิบปี ได้ยินมาว่าในตอนนั้น มีมังกรจำนวนไม่น้อยในเผ่ามังกรอยากจะทำพันธสัญญากับนาง แต่ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงไม่ผูกพันธสัญญากับใครทั้งสิ้น เมื่อหกปีที่แล้วโคมวิญญาณของนางก็ดับไป
“นังหนู ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว”
“หกขวบแล้ว อาเลี่ยเจ้าไม่รู้หรือ” หลิวหลีที่กำลังเก็บลมหายใจได้ยินประโยคนี้เข้า ก็รีบพูดขึ้นมา
หกขวบ อายุก็พอดีอยู่นะ หรือว่านังหนูจะเป็นลูกสาวของหลงซินเยว่ โคมวิญญาณของหลงซินเยว่ดับไปเมื่อหกปีก่อน หากว่าคลอดบุตรแล้วกายดับสูญไปก็มีความเป็นไปได้ อย่างไรเสียการคลอดบุตรของผู้บำเพ็ญระดับสูงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“นังหนู เจ้ายังจำพ่อแม่เจ้าได้ไหม” เอ๋าเลี่ยถามต่อขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“พ่อแม่หรือ อาเลี่ย เจ้าไม่รู้ว่าชาติกำเนิดของข้าเหมือนละครน้ำเน่าแค่ไหน” เมื่อนึกถึงชาติกำเนิดของตัวเองที่คล้ายกับละครน้ำเน่า หลิวหลีก็อดที่บ่นขึ้นมาไม่ได้
“อาเลี่ย ครึ่งปีก่อนข้าคิดมาโดยตลอดว่าเป้าหมายของข้าคือการเป็นสุดยอดแม่ครัว ตอนนั้นข้าเป็นเพียงสาวใช้อายุหกขวบบนโลกมนุษย์ ข้าพยายามเพื่อสิ่งนี้มาโดยตลอด หลังจากนั้นก็มีคนบอกข้าว่า ทางที่ข้าควรจะเดินไม่ใช่ทางทำนาแต่เป็นทางบำเพ็ญ ที่น้ำเน่ายิ่งไปกว่านั้นก็คือข้าไม่ใช่สาวใช้ แต่เป็นบุตรของนายท่านกับอนุภรรยา พอคลอดออกมาก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของนายหญิง บวกกับเกือบจะไม่มีลมหายใจ ก็เลยเกือบถูกคนใช้เอาไปฝัง ผลคือข้ายังโชคดีกลับมาหายใจ ถูกคนใช้เก็บมาเลี้ยง จนกระทั่งมีท่านเซียนมาปรากฏตัวขึ้นก็เลยเกิดบุญสัมพันธ์ รู้ว่าข้ามีสถานะแบบนี้ ก็คือข้ามีวาสนาแห่งเซียน” หลิวหลีก็พูดมายาวเหยียด
เอ๋าเลี่ยสรุปได้ว่า นังหนูเป็นลูกของคนธรรมดา หลงซินเยว่ผู้หญิงที่สูงส่งเช่นนั้นยอมแต่งงานกับคนธรรมดาหรือ คิดๆดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้
“ใช่แล้ว มารดาของข้าชื่อว่าหลงซินเยว่ หยกชิ้นนี้ข้าเก็บได้จากสุสานของท่านแม่”
หลังจากได้ยินคำพูดหลิวหลี เอ๋าเลี่ยก็รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด ผู้หญิงที่สูงส่งขนาดนั้นแต่งงานกับคนธรรมดาหรือ แล้วยังมีบุตรสาวออกมาด้วยอีกหนึ่งคน มือน้อยๆคู่นั้นหยิบป้ายหยกออกมา นั่นมันไม่ใช่! เอ๋าเลี่ยทำสีหน้าประหลาดใจ นั่นคือของยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างนายท่านคนแรกของสกุลหลงกับเผ่ามังกร ทำไมถึงมาอยู่ในมือของนังหนู ตอนนี้น่าจะพอมั่นใจในสถานะของนังหนูได้แล้ว
“นังหนู เจ้าไปได้หยกชิ้นนี้มาจากไหน”
“บอกไปแล้วไม่ใช่หรอ ข้าเก็บได้ที่สุสานของท่านแม่ เจ้าคงจะไม่รู้ เมื่อครึ่งปีที่แล้วข้าเพิ่งจะรู้ว่าแม่แท้ๆของข้าคือใคร ก็เลยไปทำความสะอาดสุสานให้นาง ก่อนจะออกมาก็เห็นมีแสงสว่างขึ้น แล้วก็เลยเก็บหยกชิ้นนี้มาได้ ข้ารู้สึกมาตลอดว่าหยกชิ้นนี้จะต้องมีอะไร” หลิวหลีพูดขึ้นพลางลูบไปที่หยก
เอ๋าเลี่ยก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดอะไรต่อ หยกชิ้นนี้มีมูลค่ามหาศาล มีค่าสำหรับสกุลหลงเป็นอย่างมาก ที่สำคัญก็คือวิธีได้มาซึ่งหยกชิ้นนี้ ช่างพิเศษจริงๆ
“นังหนู ทำไมเจ้าถึงมาบอกข้าล่ะ” คำถามนี้จะต้องถามดีดี
“เพราะว่าพวกเรามีพันธสัญญากัน” หลิวหลีอธิบายเหตุผล
นังเด็กคนนี้ ทำให้ข้าใจอ่อนจริงๆ ช่วยนางสักครั้งก็ได้ เอ๋าเลี่ยหยดเลือดหนึ่งหยดลงไปบนป้ายหยก หยกชิ้นนั้นกลายเป็นสีแดงโลหิต หลิวหลีมองจนตาแทบถลน หยกเปลี่ยนเป็นสีแดงได้งั้นหรอ หลิวหลีใช้ประสาทเซียนลองตรวจสอบดู ก็ค้นพบเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ป้ายหยกชิ้นนี้มีคุณสมบัติคล้ายแหวนเก็บของ ข้างในมีมิติขนาดใหญ่อยู่ อยู่ๆนางก็รู้สึกเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่งขึ้นมา หลิวหลีนำหีบสมบัติของตัวเองเก็บเข้าไป เก็บแบบนี้น่าจะปลอดภัยกว่า จากนั้นก็เก็บรักษาหยกไว้เป็นอย่างดี
เอ๋าเลี่ยมองดูหลิวหลีที่กำลังมีความสุข ช่างมันเถอะ เลือดก็ให้ไปแล้ว ยังขาดอะไรอีกไหมนะ ในขณะที่หลิวหลีกำลังมีความสุข อยู่ดีๆในหัวก็มีตัวอักษรโผล่เข้ามา หลิวหลีลองลูบดูในหัวก็ปรากฏ ‘เคล็ดวิชาคัมภีร์มังกรนพเก้า’
“หลิวหลี นี่เป็นเคล็ดวิชาที่ไว้ใช้บำเพ็ญเพียรร่างกายของเผ่ามังกร ถึงเจ้าจะไม่ใช่เผ่ามังกร แต่เจ้าก็มีสามสัมพันธ์กับเผ่ามังกร สามารถฝึกเคล็ดวิชานี้ได้เช่นกัน ยิ่งร่างกายแข็งแรงก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิชิตเพลิงอัคคีของเจ้าในอนาคต” เอ๋าเลี่ยกล่าว
หลิวหลีมองดูเคล็ดวิชาที่ยิ่งใหญ่เล่มนี้ ของดีตกลงมาจากฟ้า ตกลงมาใส่หัวนางอย่างจัง ตื่นเต้นจังเลย
“อาเลี่ย เพื่อเป็นการขอบคุณเจ้า ข้าจะทำซุปหมูพริกเผาเสฉวนให้กับเจ้า”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ” มีเมนูใหม่มาอีกแล้ว ดูท่าแล้วน่าจะอร่อยน่าดู
หลิวหลีพูดจบแล้วก็อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหน้า พริกที่นางอุตส่าห์เก็บไว้ ว่าจะเอาไปปลูก ช่างมันละกัน เอาไปทำอะไรกินก่อน แล้วค่อยเหลือไว้นิดนึงเอาไปปลูกก็ได้
นำหมูหั่นเป็นชิ้นหนาๆ ไปเก็บมันฝรั่งลูกใหญ่มาสองสามลูก เก็บผักกาดขาวหัวใหญ่ๆมาหนึ่งหัว นำไข่ของนกกระเรียนมาหมักเนื้อไว้ ใส่เกลือกับซีอิ๊วเข้าไป นางคิดถึงซอสปรุงรสกับน้ำมันหอย ยังดีที่สามารถทำน้ำมันพริกเสฉวนได้
ในช่วงเวลาหมักเนื้อ หลิวหลีก็นำเตาปรุงยาออกมา ขยายขนาดของมัน จากนั้นก็ต้มน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์หม้อใหญ่ หลังจากที่น้ำเดือดก็ใส่เกลือแกง พริก ซอสถั่ว เอ่อ วัตถุดิบทำหม้อไฟกับเมนูราดพริกจะต้องจดเอาไว้ก่อน ไม่รู้ว่าการเอาเครื่องปรุงรสที่รสชาติพอใกล้เคียงกันใส่เข้าไปแล้วรสชาติจะออกมาเป็นอย่างไร
นำอาหารที่ปรุงสุกแล้วตักออกมาใส่ไว้ในโอ่งใบใหญ่ ตักน้ำแกงราดลงไป ใส่กระเทียม พริก พริกเสฉวน ราดน้ำมันร้อนๆลงไป เสียงของเครื่องปรุงผสมกับน้ำมันก็ดังขึ้น กลิ่นหอมของกระเทียม พริก พริกเสฉวนก็หอมโชยขึ้นมาในทันที เอ๋าเลี่ยที่อยู่ข้างๆ น้ำลายหกเต็มพื้น ถึงแม้กลิ่นมันจะค่อนข้างฉุน แต่ก็สามารถกระตุ้นต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี สุดยอด เคล็ดวิชาที่ให้ไปนี้รู้สึกคุ้มค่าจริงๆ
หลังจากอาหารออกมาจากหม้อ เอ๋าเลี่ยก็ชิมเนื้อหมูเข้าไปหนึ่งชิ้นอย่างอดไม่ได้ รสชาติเผ็ดๆชาๆ ทำให้เขาได้รับรู้ถึงรสชาติที่แปลกใหม่ แล้วก็เริ่มกินจนหมดอย่างอดใจรอไม่ไหว หลิวหลีชิมรสชาติของมันก่อน รสชาติแตกต่างจากเดิมที่เคยกิน แต่ความสดของวัตถุดิบยังคงโดดเด่นอยู่ หรือว่าจะเกี่ยวกับน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่นะ มันน่าจะมีประสิทธิภาพในการดึงความสดของวัตถุดิบออกมา
เพียงไม่นานซุปหมูพริกเผาเสฉวนทั้งหม้อก็ถูกจัดการไปจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่น้ำ หลิวหลีรู้สึกอุ่นไปทั้งร่างกาย ราวกับพลังเซียนอัคคีในร่างกายรู้สึกพึงพอใจ กระโดดโลดเต้นไปมาอย่างมีความสุข และเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในช่วงเวลากินข้าวหนึ่งมื้อ หลิวหลีเข้าสู่ช่วงฝึกพลังลมปราณขั้นที่ 9 อย่างไร้วี่แวว เอ๋าเลี่ยเองก็พอใจกับอาหารในวันนี้เช่นกัน แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงระลอกของพลังเซียน แล้วก็พบว่าพลังบำเพ็ญเพียรของนังหนูเข้าสู่ช่วงฝึกพลังลมปราณขั้นที่ 9 แล้ว น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก นังหนูบรรลุช่วงพลังรวดเร็วอย่างยิ่ง เวลาแค่เพียงครึ่งปีจากผู้บำเพ็ญเริ่มต้นก็กลายมาเป็นผู้บำเพ็ญยอดฝีมือช่วงฝึกพลังลมปราณระยะกลาง หรือว่านังหนูจะเป็นผู้ที่มีบุญ
เมื่อพบว่าตัวเองบรรลุช่วงฝึกพลังลมปราณขั้นที่ 9 แล้วหลิวหลีก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เวลาว่างหลังจากกินข้าวเสร็จ หลิวหลีได้อ่านเคล็ดวิชามังกรนพเก้าบทที่หนึ่งโดยละเอียดแล้วจึงลองฝึกแบบผิวเผินดู แต่เมื่อเห็นวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการฝึกแล้ว หลิวหลีก็ไม่สามารถทำใจให้สงบนิ่งได้
“อาเลี่ย เคล็ดวิชานี้จะต้องใช้ของเยอะขนาดนี้เลยหรือ” หลิวหลีลองดูคร่าวๆ แค่พืชศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องใช้ก็มีไม่ต่ำกว่าสิบชนิด อีกทั้งยังต้องมีเลือดอสูร ยาวิเศษก็ต้องใช้ ไม่ฝึกได้ไหมเนี่ย ช่างสิ้นเปลืองเงินทองจริงๆ
“อันนี้เป็นแค่ระดับแรกเอง ถ้าฝึกสำเร็จ อย่าว่าแต่พวกโลหะทองแดง อาวุธธรรมดาเลย แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับล่างก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ ตอนนี้พละกำลังของเจ้าอยู่ที่ประมาณ 300 กิโลกรัม สามารถเพิ่มไปได้ถึง 500 กิโลกรัมเลยนะ” เอ๋าเลี่ยนาน ๆ ทีจะมานั่งอธิบายข้อดีของเคล็ดวิชาให้กับหลิวหลีด้วยความใจเย็น
พูดเสียจนหลิวหลีก็เกิดอาการใจสั่น ดีขนาดนี้เลยหรอ ถ้าไม่ฝึกก็จะรู้สึกผิดกับคนที่โฆษณาเสียเยอะแยะขนาดนี้
เมื่อหลิวหลีเห็นแต้มคะแนนของตัวเองเหลือแค่ 30,000 สีหน้าท่าทางก็ย่ำแย่ลง นางมองดูตัวเองที่ใช้เงินสิ้นเปลืองด้วยท่าทีเพิกเฉย แล้วรีบนำของใส่เข้าไปในแหวนเก็บของ และรีบจากไปในทันที เดิมทีนางก็พอมีทรัพย์สินอยู่บ้าง ถือว่าเป็นชาวนาที่ร่ำรวย แต่ทันใดนั้นนางก็เริ่มจะกลายเป็นชาวนาที่ยากจนไปเสียแล้ว
“หลิวหลี จริง ๆ แล้วของบางอย่างถ้าเจ้าหาเองน่าจะช่วยประหยัดเงินได้ไม่น้อย” เอ๋าเลี่ยมองหลิวหลีที่เหมือนมีเมฆสีดำลอยอยู่บนหัว จึงเสนอแนะแบบที่ไม่ค่อยจะทำบ่อยนัก
“ใช่ ถ้าหาเองคงจะสามารถประหยัดรายจ่ายได้ไม่น้อย” หลิวหลีก็กระจ่างแจ้งขึ้นมา นางหาเองก็ได้
นางนำพืชศักดิ์สิทธิ์ เลือดอสูรอีกทั้งยาเม็ดยาผงแบบต่าง ๆ ใส่เข้าไปตามสัดส่วนที่กำหนด และมองดูของที่รวมกันหลายอย่างที่เดือดขึ้นมาเล็กน้อย
“นังหนู เข้าไปได้แล้ว” เอ๋าเลี่ยมองๆดูแล้วก็พูดขึ้น
หลิวหลีมองดูตัวยาที่เกิดจากสิ่งต่างๆผสมปนเปจนเกิดเป็นฟองปุดๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก แต่เมื่อคิดถึงแต้มคะแนนที่ต้องเสียไป นางจึงกัดฟันแล้วก้าวเท้าเข้าไป หลังจากเข้าไปแล้วก็รู้สึกว่ายาพวกนั้นกลายเป็นของเหลวอุ่นๆไหลเข้าตัวนาง
“นังหนู รีบฝึกเคล็ดวิชาเร็ว” เอ๋าเลี่ยตะโกน
เมื่อหลิวหลีได้ยินเสียงของเอ๋าเลี่ย ก็เริ่มท่องเคล็ดวิชามังกรนพเก้าอย่างไม่คุ้นชิน ยาน้ำได้กลายเป็นความร้อนไหลเข้าสู่ตัวของหลิวหลี หลิวหลีเจ็บจนถึงขนาดกัดปากจนแตก รู้สึกว่าผิวหนังของตัวเองราวโดนมดกัด ทั้งคันทั้งเจ็บ อยากจะลงไปนอนดิ้นกับพื้น กระดูกที่อยู่ภายในร่างกายก็เหมือนแตกออก ทั้งตัวเหมือนถูกจับแยกร่างแล้วก็ประกอบกลับมาใหม่หลายครั้ง หลิวหลีรีบใช้เคล็ดวิชาตามสัญชาตญาณ
“นังหนู ทำได้ไม่เลวเลย” เขายังจำได้ครั้งแรกที่เห็นมังกรน้อยในเผ่ามังกรฝึกเคล็ดวิชานี้ ต่างตะโกนร้องไห้เสียงดังระงม ร้องหาพ่อหาแม่ น่าสงสารจนไม่อยากจะมอง นังหนูนี่กัดปากจนแตกแล้ว ก็ยังไม่มีเสียงร้องสักแอะ
ยาน้ำถูกหลิวหลีดูดซึมเข้าไปอย่างรวดเร็ว ของเหลวที่รวมของหลายอย่างไว้ด้วยกันก็กลายเป็นน้ำใส หลิวหลีล้มลง แม้แต่นิ้วก็ไม่สามารถขยับได้ พลังเซียนในร่างกายเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและนางก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมาก ใจพลันหวาดผวาเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดเมื่อครู่
“นังหนูไม่เลวเลย แค่ครู่เดียวก็ทนได้แล้ว อึดกว่ามังกรตัวน้อยในเผ่ามังกรเสียอีก แปดครั้งที่เหลือก็น่าจะสามารถทนผ่านมันไปได้เหมือนกัน” เอ๋าเลี่ยชื่นชมหลิวหลีเป็นครั้งแรก
หลิวหลีตกใจกับคำว่า ‘มังกรตัวน้อยในเผ่ามังกร’ กับ ‘แปดครั้งที่เหลือ’
“อาเลี่ย เจ้าเคยเห็นมังกรมาก่อนหรอ” หลิวหลีที่ยังหายใจไม่เป็นจังหวะถามขึ้น ในฐานะที่เป็นลูกหลานชาวจีน นางจึงมีความรู้สึกที่ค่อนข้างจะพิเศษกับมังกร
“เคยเห็นสิ ไม่เห็นมีอะไรให้ดูเลย” เอ๋าเลี่ยพูดอย่างไม่สนใจใยดี มังกรมันก็เป็นมังกรอย่างนั้นอยู่แล้วไหม
“อีกอย่าง แปดครั้งมันหมายความว่าอะไร” อย่าบอกนะ ว่านางจะต้องทำอย่างนี้ไปอีกแปดครั้ง
“คัมภีร์มังกรนพเก้าทุกบทจะต้องทำเก้ารอบ เก้ารอบรวมเป็นหนึ่งรอบจึงจะสามารถเข้าสู่บทต่อไปได้” เอ๋าเลี่ยพูดอธิบาย
หลิวหลีรู้สึกเสียใจที่แต้มคะแนนของตัวเองมีไม่มาก ก็เลยจำเป็นต้องพึ่งลำแข้งของตัวเอง แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังภายในร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็จะบำเพ็ญเพียรต่อไป
ดังนั้น หลิวหลีก็ได้ใช้ชีวิตไปอย่างยากลำบาก ตัวเองเข้าไปในป่าที่เป็นของสำนักเพื่อเก็บพืชศักดิ์สิทธิ์ จับสัตว์อสูร เพื่อให้ได้ของที่จำเป็นต้องใช้ บางครั้งก็จะทำอาหารอร่อยๆเติมท้องที่ว่างเปล่าของตัวเองกับเอ๋าเลี่ย แน่นอนว่าตอนนี้พริกปลูกได้แล้ว ที่หอปรุงยามีสวนยาอยู่ที่หนึ่ง หลิวหลีปลูกพริกเป็นวงกว้างบริเวณขอบ ๆ ของสวนยา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสวนยามีพลังเซียนที่ค่อนข้างเพียงพอหรือเปล่า ทำให้พริกเจริญเติบโตเร็วมาก เมื่อนึกถึงพริก หลิวหลีก็อยากจะทำพริกผัดแห้ง ปลาต้มพริก ย่างปลา หรืออาหารเลิศรสต่างๆก็น่าจะรอขึ้นโต๊ะได้แล้ว
…………………………………………………..