แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 143 การเปลี่ยนแปลง
“เผ่ามาร เป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันแน่” หลิวหลีพึมพำกับตัวเอง
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่พวกเขาหลบซ่อนตัวอย่างมิดชิด ถ้าไม่ใช่เพราะข้าบังเอิญไปพบแล้วได้เจ้ามาช่วยพอดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่เรื่องนี้จะถูกเปิดเผย” หยวนเทียนพูดด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“คนจาก 5 สกุลใหญ่คงคิดว่าศิษย์ที่ออกไปท่องโลกนั้นบังเอิญเจอเคราะห์ร้ายโคมวิญญาณถึงได้มอดดับ แต่คงไม่รู้จริงๆ ว่าถูกคนทำร้าย ต้องขอบคุณท่านจริงๆ ผู้อาวุโสหยวนเทียน” หลิวหลีขอบคุณจากใจจริง
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าสิควรขอบคุณเจ้า ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 ไม่ได้ปรุงขึ้นมาง่ายๆ แต่เจ้ากลับให้ข้าอย่างไม่ลังเล” ออกผจญอยู่โลกภายนอกหลายปี หยวนเทียนย่อมรู้มูลค่ายาศักด์สิทธิ์ดี
“หากเกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย ของพวกนี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลย” หลิวหลีพูดพลางส่ายหัว
“ที่เจ้าพูดมันก็ถูก” หยวนเทียนทอดถอนใจ แม้ยาศักดิ์สิทธิ์จะล้ำค่าปานใดแต่ต้องมีชีวิตต่อจึงจะได้ใช้มัน
“ผู้อาวุโสหยวนเทียนยังคิดจะออกจากที่นี่หรือไม่” หลิวหลีหมายถึงออกจากเขตต้องห้ามแห่งนี้ไปท่องโลก
“ตอนนี้คงยังไม่ออกไป ข้าต้องพักอีกสักหน่อย” หยวนเทียนส่ายหัว พี่น้องที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีถูกควักดวงจิตอสูรไป ตัวเขาเองก็ถูกตีเกือบตาย เขาอยากจะอยู่อย่างสงบสักพัก
ณ โลกมาร ในวังที่หรูหราวิจิตรตระการ
“นายท่าน ผู้เฒ่าคูหมิงถูกคนสังหารแล้ว คนของ 5 สกุลต่างพากันกลับโลกอสูรเทพ แผนเราแตกแล้ว”
“สามารถหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อนได้ ดวงจิตอสูรที่มีตอนนี้เพียงพอแล้ว เหล่าผู้เฒ่าแซ่คูช่างแย่จริงๆ ส่งออกไป 3 คนก็ถูกจัดการหมด 3 คน สงสัยจะต้องส่งคนแซ่เมี่ยออกไปจัดการ” เยี่ยซิงหวงคลึงแหวนในนิ้วพลางกล่าว คนผู้นี้น่าสนใจจริงๆ ถึงขนาดจัดการคนของเขาได้อย่างไม่เหลือซาก
“เสด็จพ่อของข้ายังอยู่ดีหรือไม่” เยี่ยซิงหวงพูดไม่แยแส
“รายงานนายท่าน ท่านพญามาร เข้าฌานอยู่”
“เข้าฌานหรือ แค่มีชีวิตอยู่ก็พอ อย่าขวางแผนการใหญ่ของข้าในอนาคตก็พอ” เยี่ยซิงหวงพูดอย่างไม่ยี่หระ
ส่วนฟากหยวนเทียนที่ต้องการตอบแทนหลิวหลี เขาตัดสินใจยกคลังสมบัติส่วนตัวของน้องรองกับน้องสามมอบให้หลิวหลี หนึ่งเพื่อตอบแทนหลิวหลี สองเพราะกลัวว่าเมื่อเห็นสิ่งของแล้วจะทำให้หวนรำลึกถึงผู้เป็นเจ้าของอยู่ร่ำไป อย่างไรเสียก็เป็นสายสัมพันธ์นานนับร้อยปี หลิวหลีจึงไม่อาจปฏิเสธได้ จำใจต้องรับไว้
“ข้าขอมอบของสิ่งนี้ให้ผู้อาวุโสหยวนเทียนแล้วกัน” หลิวหลีส่งขวดใส่เลือดกิเลนบริสุทธิ์ให้หยวนเทียน
“ของสิ่งนี้คือ… หลิวหลี ข้ารับมันไว้ไม่ได้ ถึงข้าจะมอบคลังสมบัติให้เจ้าก็มิอาจเทียบเทียมมูลค่าของของสิ่งนี้ได้เลย” เมื่อหยวนเทียนเห็นว่าเป็นอะไร มือไม้เขาก็เริ่มสั่น อย่าล้อเล่นน่า ของแบบนี้จะมอบให้ใครตามอำเภอใจได้อย่างไร
“รับไว้เถอะ ของชิ้นนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับข้า” หลิวหลีพูดโกหกตาไม่กระพริบ หลิวหลีมีสายเลือดจากทั้งสองเผ่า นางเองก็ใช้ได้เช่นกัน
มือที่ถือขวดอยู่ของหยวนเทียนสั่นระริก ทำได้เพียงใช้สองมือประคองขวดไว้ เขากลัวหากไม่ระวังอาจทำตกเสียหาย
หลิวหลีก็ไม่โน้มน้าวอะไรอีก ทันใดนั้นเองด้านนอกมีระลอกพลังเซียนที่รุนแรงสาดซัด เมื่อหลิวหลีสัมผัสดู ก็พบว่าเป็นเจ้าเด็กนั่น ดีจริงๆ ไม่ทำให้เลือดบริสุทธิ์เสือขาวของนางให้ต้องเสียเปล่า
ฮัวจิงเฟยใช้เลือดบริสุทธิ์หยดนั้นในการบำเพ็ญเพียร ทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง คู่พันธสัญญาของเขาอย่างพยัคฆ์ทมิฬก็เก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อยเช่นเดียวกัน สายเลือดในร่างกายก็ได้รับการปรับปรุง ฮัวจิงเฟยรวบรวมความพยายามฝึกฝนจนบรรลุเข้าสู่ช่วงแยกจิตระยะกลางแล้วหยุดลง จากนั้นจึงโคจรพลังทั่วร่างหลายหน ฮัวจิงเฟยลืมตาขึ้นพบการเปลี่ยนแปลงของตนเองโดยไม่ได้ตั้งตัว พลังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ ด้วย
ฮัวจิงเฟยออกจากฌานก็เห็นหงหลินกำลังมองเขาอย่างประหลาดใจ ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นร่างเดิมของหงหลินได้แล้ว เอ่อ…เขาแค่อยากจะหาฮูหยินสักคน ทำไมถึงได้ยากเย็นเช่นนี้ ก่อนจะทอดถอนใจอีกครั้ง พลันเห็นหลิวหลีเดินเข้ามาพร้อมกับอสูรภูติในร่างคนผู้หนึ่ง จู่ๆ ก็ไพล่นึกถึงคำพูดที่บอกว่าตนเองเป็นสามีหลักของนางขึ้นมาเสียได้
“หลิวหลี บุญคุณครั้งนี้ ข้าไม่มีวันลืม ภายหน้าหากมีอะไรต้องการให้ข้าฮัวจิงเฟยช่วยเหลือล่ะก็ เรียกข้าได้ตลอดเวลา” ฮัวจิงเฟยตบอกพูด
“ข้าว่าไม่จำเป็น เพราะว่าเจ้าสู้ข้าไม่ได้” หลิวหลีพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ แม้พลังบำเพ็ญเพียรของฮัวจิงเฟยจะบรรลุมาสองช่วงพลัง แต่เพียงนิ้วเดียวของหลิวหลีก็สามารถจัดการเขาได้อยู่ดี
ฮัวจิงเฟยยกมือทาบอก ถึงมันจะจริง แต่ว่านะ…. หลงหลิวหลีเจ้าพูดตรง ๆขนาดนี้มันดีแล้วหรือ
ส่วนฟากพวกลู่เฉียงที่รออยู่นานก็มองหลิวหลีอย่างคาดหวัง
“เอาไป นี่คือยาโสมหิมะที่พวกเจ้าต้องการ ข้างในมีสองเม็ด ข้าใส่ลูกเล่นบางอย่างเข้าไป จำไว้ คุณชายของเจ้าจะต้องเป็นคนกินมันด้วยตนเอง หากคนอื่นเข้ามายุ่ง ยาเม็ดนี้จะสลายไป จะเห็นได้ว่าข้างในมียาเพียงเม็ดเดียว หากทิ้งขวดไปก็จะไม่มียาเม็ดที่สอง” หลิวหลีกำชับ
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสหลง” ลู่เฉียงรับขวดขนาดเล็กมาด้วยมือที่สั่นเทา
“ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าไปเถอะ จำไว้ว่าทุกอย่างที่นี่ต้องถูกเก็บเป็นความลับ หากข้ารู้ว่าที่นี่เกิดเรื่องขึ้น ข้าจะไปทำลายบ้านสกุลฉีก่อนเลยเป็นที่แรก” หลิวหลีไม่ลืมพูดข่มขู่ แล้วท่อนไม้ในมือหลิวหลีพลันสลายกลายเป็นผุยผง
“เข้าใจ เข้าใจ” ลู่เฉียงพยักหน้าไม่หยุด เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นบนร่างกาย ทั้งเมืองฉีคังก็ไม่อาจต้านทานพลังเพียงแค่นิ้วเดียวของนางได้ อีกอย่างเรื่องผู้อาวุโสหลงจะวิตกมากไปหรือไม่นั้น ความจริงในตอนสุดท้ายได้บอกลู่เฉียงว่าผู้อาวุโสหลงอ่านทุกอย่างได้ปรุโปร่งชัดเจน คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่ของคุณชายรองจะรีบเข้ามาแย่งยาศักดิ์สิทธิ์ ผลสุดท้ายยาก็สลายไป แล้วยังจะพูดว่ายาเป็นของปลอมอีก ลู่เฉียงอดทนรอจนคุณชายใหญ่จากไป ถึงได้หยิบขวดขึ้นมาก่อนจะบอกคุณชายรองของตนว่ายังมียาในขวดอีกเม็ดหนึ่ง สุดท้ายคุณชายรองถึงได้ค่อยๆดีขึ้น เขาจึงรู้สึกขอบคุณในความมองการณ์ไกลของหลิวหลีอย่างมาก แต่เมื่ออาการบาดเจ็บของคุณชายฉีดีขึ้น สองพี่น้องก็กลายเป็นศัตรูที่ไม่ถูกกันราวกับน้ำกับไฟ หลิวหลีไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นอยู่แล้ว ถึงรู้ก็คงทำเพียงหัวเราะ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนางหรือ
เมื่อเห็นฮัวจิงเฟยกับหลิวหลีไม่ได้มีสนิทสนมอะไรนักหนา แต่หลิวหลีกลับยินดีมอบเลือดบริสุทธิ์ของเสือขาวให้กับคนที่ไม่สลักสำคัญอะไร หยวนเทียนถึงรับขวดยามาอย่างสบายใจ ทว่าได้ให้คำมั่นเฉกเช่นเดียวกับฮัวจิงเฟย แต่ก็โดนหลิวหลีแขวะกลับไปเช่นกัน หยวนเทียนกับฮัวจิงเฟยจึงรู้สึกเหมือนกันคือ ถ้าต้องเปรียบเทียบกับนางมารผู้นี้ ไม่รู้สึกกดดันจนเลิกล้มความตั้งใจในการบำเพ็ญเพียรไปก็ถือว่าดีมากแล้ว
“เอ่อ ผู้นำสกุลเรียกข้ากลับ” ฮัวจิงเฟยเพิ่งจะมีกระจิตกระใจมาดูจดหมายที่ได้รับ
“บอกผู้นำสกุลฮัวด้วยว่าเจ้าปลอดภัยดี บอกเขาว่าอยู่กับข้า ข้าขอรับรองว่าเจ้าจะอยู่ครบ 32 จนกลับโลกอสูรเทพแน่นอน” หลิวหลีเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงบอกกับฮัวจิงเฟย
ณ โลกอสูรเทพ หลงเหวินเซวียนกับผู้นำสกุลที่เหลือรวมตัวกันอีกครั้ง
“ศิษย์ทุกคนกลับมาหมดแล้วหรือยัง” หลงเหวินเซวียนถาม
“บ้านสกุลฮัวของข้า จิงเฟยยังไม่ได้กลับมา” ฮัวเชียนหนิวกล่าว ไม่รู้ว่าเด็กนี่ไปอยู่ที่ไหน ไม่ยอมส่งเสียงมากบอก
“ส่วนบ้านสกุลหนานกงของข้า เวิ่นเทียนก็ยังไม่กลับมา คิดว่าน่าจะอยู่กับหลิวหลี” หนานกงชางฉยงกล่าว
“อืม นังหนูเองก็ยังไม่กลับ แต่นังหนูคงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” นังหนูไม่เคยเสียเปรียบมาก่อน นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนที่ส่งสินแร่กลับมาเป็นจำนวนมาก หลงเหวินเซวียนยังอยากถามนังหนูว่านางไปปล้นเหมืองแร่มาใช่หรือไม่
“ตอนนี้ เหลือแค่ฮัวจิงเฟยแล้ว โคมวิญญาณของจิงเฟยยังอยู่ดีหรือไม่” จ้านเฟิงอวี้ถามขึ้น
“อยู่ดี” ฮัวเชียนหนิวเครียดจนรู้สึกว่าผมตนเองขาวไปหลายเส้น
“ช้าก่อน ฮัวจิงเฟยตอบกลับมาแล้ว”
“ท่านผู้นำสกุล ข้าเจอหลงหลิวหลี ตอนนี้อยู่กับพวกเขา ไม่ต้องห่วง หลิวหลีบอกว่าจะส่งข้ากลับโลกอสูรเทพ รับประกันว่าครบ 32 แน่นอน” ฮัวจิงเฟยพูดตามที่หลิวหลีบอก
“เจ้าเด็กนี่” ฮัวเชียนหนิวถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เอ่อ นังหนูก็ส่งข้อความให้กับข้าเช่นกัน” หลงเหวินเซวียนเพิ่งจะโล่งอก ก็ได้รับเสียงจากหลิวหลี
“ท่านตา ท่านบอกผู้นำสกุลฮัวด้วย ข้าจะไม่คุ้มครองลูกหลานของเขาเปล่าๆ พอส่งกลับไปโลกอสูรเทพ ให้เขาช่วยเตรียมอั่งเปาซองใหญ่ๆ ไว้ให้ข้าด้วย”
น้ำเสียงของหลิวหลีทำให้ผู้นำทั้ง 5 สกุลหัวเราะจนท้องแข็งง นังหนูคนนี้
“แน่นอนอยู่แล้ว” ฮัวเชียนหนิวตบอกรับรอง
“เห้อ ทำไมลูกหลานของข้าถึงไม่เจอหลิวหลีบ้าง” หลินต้าหมิงกล่าวพลางถอนหายใจ
ส่วนฟากฮัวจิงเฟยเอง นางมองหลิวหลีอย่างหัวเสีย เขาก็แค่รายงานตามความจริงเท่านั้นเอง ต้องถึงขั้นไปบอกฝั่งสกุลหลงเสียเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่ากลับไปแล้วเขาจะโดนหักแต้มหรือไม่
“พอเถอะน่า สายตาของเจ้าหมายความว่าอะไร ไม่แน่ว่าอยู่กับข้า พลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าก็อาจก้าวหน้าขึ้นด้วย หัวหน้าสกุลฮัวไม่ขาดทุนหรอก” หลิวหลีเห็นฮัวจิงเฟยที่โมโหอยู่จึงเอ่ยขึ้น
ฮัวจิงเฟยคิดดูเล็กน้อย ก่อนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของตนเองอยู่ในช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะปลาย ตอนนี้ก้าวกระโดดมาอยู่ที่ช่วงแยกจิตระยะกลาง ไม่แน่ว่าอยู่กับหลิวหลี ตนเองอาจเปลี่ยนแปลงจนทำให้ผู้นำสกุลต้องประหลาดใจก็เป็นได้
“จริงสิหลิวหลี เวิ่นเทียนล่ะ” เขาจำได้ว่าหนานกงเวิ่นเทียนเป็นคนมอบของให้เขา ทำไมสามีหลักอย่างหนานกงเวิ่นเทียนถึงไม่อยู่
“เสี่ยวเทียนรู้แจ้งแล้ว เขากำลังจะพยายามบรรลุช่วงแยกกายาอยู่ที่อื่น”
คำพูดของหลิวหลียิ่งสร้างแรงกดดันให้ฮัวจิงเฟย เมื่อครู่เขายังเพิ่งรู้สึกว่าพลังบำเพ็ญเพียรของตนเองดีทีเดียว แต่พอเปรียบเทียบกันอีกครั้งก็ชวนให้เจ็บปวดใจ ผู้นำสกุลจะยื่นคำขอพาเขากลับไปตอนนี้ได้หรือไม่นะ ไม่เช่นนั้นคงถูกมารคู่นี้กดดันจนไม่เหลือความมั่นใจอีก ฮัวจิงเฟยน้ำตาไหลรินอย่างอดไม่ได้
“หงหลิน ยังอยากออกไปเที่ยวหรือไม่” หลิวหลีมองหงหลินที่นั่งเล่นนิ้วตัวเองอยู่ข้างๆ แล้วถามขึ้น
“ท่านพี่ ไม่ไปแล้ว ท่านอยากไปที่ใด ข้าก็จะตามพี่ไปที่นั่น” หงหลินพูดจบก็แปลงกายเป็นกำไลข้อมือ กลับไปอยู่ที่ข้อมือขวาของนาง ฮัวจิงเฟยมองแขนข้างขวาของนางอย่างประหลาดใจ แต่ก่อนหงหลินก็คือกำไลวงนี้นี่เอง
“มองอะไร มองไปหงหลินก็ไม่ชอบเจ้า” หลิวหลีพูดพลางกลอกตาใส่ฮัวจิงเฟย
ฮัวจิงเฟยลูบจมูกตนเอง ความฝันดับสลายไปแล้ว จะคิดไปก็ไร้ประโยชน์ พ่อแม่ของเขาไม่มีวันยอมให้เขาแต่งงานกับอสูรภูติแน่นอน
………………………………