แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 149 น้องสาวโม่หลี
“นังหนู การจัดอันดับผู้ถูกเลือกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าช่วยเป็นเด็กดีหน่อยเถอะ” หลงเหวินเซวียนมองหลานสาวที่บัดนี้ตัวเขาเองเริ่มมองพลังบำเพ็ญเพียรของนางไม่ออกแล้ว
“เจ้าค่ะ ครั้งนี้ข้าก็ไม่ได้จะออกไปไหนเหมือนกัน” หลิวหลีตอบอย่างเปิดเผย
“จริงหรือ?” หลงเหวินเซวียนไม่ค่อยอยากจะเชื่อมากนัก อย่างไรเสียนังหนูก็ก่อเรื่องมาไว้มาก
“ใช่สิ ถูกต้องแล้ว ท่านตา นี่ของท่านตาเจ้าค่ะ” หลิวหลีดันถุงเก็บของใบหนึ่งไปให้หลงเหวินเซวียน
หลงเหวินเซวียนมองถุงเก็บของที่คุ้นตา นังหนูทำถุงเก็บของกี่ใบกันแน่ ทุกครั้งที่มอบของให้คนอื่นก็จะมีถุงเก็บของไปด้วยตลอด
“นังหนู ทำให้เจ้าต้องสิ้นเปลืองอีกแล้ว” หลงเหวินเซวียนก็รับมาด้วยความเกรงใจ นังหนูมักแจกยาศักดิ์สิทธิ์ที่มีหลากหลายระดับ แต่อัตราสำเร็จในการปรุงยาของนังหนูสูงจนน่าตกใจ
“สิ้นเปลืองอะไรเจ้าคะ คนในบ้านใช้กันทั้งนั้น” หลิวหลีไม่แยแสด้วยซ้ำ
“จริงสิ นังหนู มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าอาจจะไม่รู้” หลงเหวินเซวียนหน้าแดงน้อยๆ ไม่รู้ว่าหลานสาวคนนี้จะว่าอย่างไร
“เรื่องอะไรเจ้าคะ?” คงไม่ใช่ว่าพ่อแม่ของตนเองเลิกรากันแล้วใช่ไหม หรือท่านพ่อท่านแม่มีน้องชายหรือน้องสาวให้นางอีกคน แต่หลิวหลีรู้สึกว่าเรื่องหลังไม่น่าจะเป็นไปได้ ผู้บำเพ็ญเพียรยิ่งมีพลังบำเพ็ญเพียรสูงโอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็ยิ่งน้อยตามไปด้วย หลิวหลีส่ายหัวกับตนเอง
“เมื่อสามปีก่อนท่านแม่เจ้าตั้งครรภ์ เจ้ามีน้องสาวเพิ่มมาหนึ่งคน นามโม่หลี” หลงเหวินเซวียนมองหลานสาวคนโต แต่ไม่เห็นมีปฏิกิริยาอะไร
หลิวหลีนิ่งไป นางมีน้องสาวเพิ่มมาหนึ่งคนแล้วจริง ๆ โม่หลี ชื่อใช้ได้ทีเดียว เจ้าตัวกลมคงจะน่ารักเอาการ
“ท่านตา ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ” สายตาของหลิวหลีล่องลอย ราววิญญาณนางหลุดลอยไป
“นังหนู เจ้าเป็นอะไรไป แม่เจ้าก็บอกแล้ว ถึงมีน้องสาวเจ้า นางก็รักเจ้ามากที่สุด” คงไม่ใช่ว่านังหนูรับไม่ได้กระมัง
“แบบนี้นี่เอง ข้าอยากไปเยี่ยมน้องสาว ข้ามีน้องสาวแล้ว” หลิวหลีพูดจบก็รีบวิ่งออกไป
หลงซินเยว่มองลูกสาวคนเล็กที่วิ่งไปทั่วบ้าน ด้วยใจที่เปี่ยมสุข ลูกสาวคนโตของนางก็เป็นแบบนี้เช่นกัน แต่สภาพแวดล้อมในตอนนั้น คงจะไม่ได้สุขสบายเท่านี้ อีกอย่าง เพราะลูกสาวคนโตของนาง จึงทำให้ร่างกายนางสามารถฟื้นตัวได้เร็วเช่นนี้ ลูกสาวคนโตของนางมักจะให้คนมาส่งยาศักดิ์สิทธิ์ให้สองสามปีครั้ง ทำให้ตอนนี้นางไม่สนใจยาคุณภาพระดับล่างกับระดับกลางแล้วด้วยซ้ำ เห้อ ลูกสาวคนโตของนางทำให้เสียนิสัยไปแล้วสินะ
นางไม่ได้ตั้งชื่อลูกตามลำดับขั้นของสกุลหลงและสกุลจ้าน แต่ใช้ชื่อตัวสุดท้ายของลูกสาวคนโตมาตั้ง ทันใดนั้นนางเห็นลูกสาวตัวน้อยวิ่งโผเข้าอ้อมกอดใครคนหนึ่ง เด็กหญิงกลัวคนแปลกหน้า แต่กลับชมชอบคนผู้นี้ไม่น้อย คนผู้นี้โยนลูกสาวนางขึ้นไปบนฟ้าแล้วรับไว้ จากนั้นก็โยนขึ้นไปอีก ราวลูกเด็กหญิงเป็นของเล่น ซึ่งคนผู้นั้นคือลูกสาวคนโตที่จากบ้านไปนาน 15 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่นังหนูกลับมาบ้านกระมัง
“หลิวหลี เจ้ากลับมาแล้ว” หลงซินเยว่มองดูลูกสาวคนโตอย่างประหลาดใจ นางจินตนาการไว้ต่างๆ นานา หากลูกสาวคนโตไม่ชอบลูกสาวคนเล็กจะทำอย่างไร นางล่ะจะทำอย่างไรดี แต่แม้จะคิดอะไรไปมากมาย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าลูกสาวคนโตจะชอบลูกสาวคนเล็กเหมือนนาง
“หลิวหลี? พี่สาว” โม่หลีเอียงคอกล่าว พี่ชายสุดหล่อที่อุ้มตนอยู่คือพี่สาว พี่สาวที่ลึกลับคนนั้นของนาง
“เจ้าก็คือโม่หลีนี่เอง น่ารักจริงๆ” หลิวหลีชอบเจ้าตัวกลมในอ้อมแขนเหลือเกิน น่ารักเกินไปแล้ว
“อื้ม ข้าคือจ้านโม่หลี” ใช่แล้ว โม่หลีใช้แซ่จ้านตามจ้านเฟิงหลิง ตอนที่รู้ว่าหลงซินเยว่ตั้งครรภ์ จ้านเฟิงหลิงดีใจมาก เขาพลาดการเติบโตของลูกสาวคนโต การมาของลูกสาวคนเล็กทำให้เขาได้ชดเชยในส่วนนั้น ส่วนจ้านเฟิงอวี้กังวลใจนัก เด็กคนนี้คลอดมาอาจใช้แซ่หลงอีกคน ใครจะไปรู้พอเด็กหญิงคลอดออกมา น้องสะใภ้บอกให้เด็กคนนี้แซ่จ้าน ทำให้เขาดีใจเป็นอย่างมาก
“สวัสดี โม่หลี ข้าคือหลิวหลี” หลิวหลีกล่าวพลางแตะจมูกของตนเข้ากับจมูกของโม่หลี
“ท่านแม่ สีหน้าท่านดูสดใสแบบนี้ข้าก็วางใจ” หลิวหลีเห็นสีหน้าของหลงซินเยว่ไม่เลว ก็พอใจอย่างมาก
“ได้เจอเจ้า แม่ก็ดีใจมาก ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าชอบน้องสาวของเจ้า แม่ก็ยิ่งดีใจ” หลงซินเยว่มองลูกสาวทั้งสอง อย่างอบอุ่นใจ
“นางเป็นน้องข้า ข้าต้องชอบนางอยู่แล้ว” หลิวหลีกล่าว
“ท่านพี่ โยนสูงๆ” โม่หลีชอบเล่นโยนๆ แบบที่พี่สาวนางเล่นเมื่อครู่ ท่านพ่อไม่เคยโยนนางสูงขนาดนี้มาก่อน
“ตกลง” หลังจากหลิวหลีพูดจบ หลิวหลีก็เริ่มโยนเด็กหญิงขึ้นบนฟ้า หลงซินเยว่มองแล้วขนขัน นังหนูตัวเล็กก็ซนไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
จ้านเฟิงหลิงกลับจากบ้านสกุลจ้านก็เห็นลูกสาวคนเล็กของตัวเองลอยขึ้นลอยลงอยู่บนฟ้า ใครกล้าเล่นลูกสาวเขาราวเป็นของเล่น รอจนเขาเข้าตัวบ้านก็พบว่าเป็นลูกสาวคนโตของเขานี่เองที่กลับบ้านมา ตั้งแต่เขาแต่งงานกับมารดานาง ลูกสาวคนโตของเขาก็ไม่เคยก้าวเข้ามาในบ้านเขามาก่อน เขาไพล่นึกว่าทั้งชาตินี้ทั้งชาติลูกสาวคนโตคงจะไม่มีวันเหยียยบเท้าเข้าบ้านแน่ ใครจะไปนึกว่าลูกสาวคนเล็กจะทำให้ลูกสาวคนโตยอมก้าวเข้าบ้านหลังนี้
“โม่หลี” จ้านเฟิงหลิงตะโกน
“ท่านพ่อ” โม่หลีดีใจมาก นางชอบท่านพ่อที่สุดเลย
“หลิวหลีก็กลับมาแล้วหรือเนี่ย” จ้านเฟิงหลิงรับโม่หลี พยักหน้าให้หลิวหลีน้อยๆ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะคุยกับลูกสาวคนโตที่แสนมากความสามารถคนนี้อย่างไรดี
“อื้ม” หลิวหลีมองโม่หลีในอ้อมแขนจ้านเฟิงหลิงไม่ละสายตา จากนั้นจึงเดินไป จ้านเฟิงหลิงซึมไปเล็กน้อย
ใครจะรู้ว่าพอผ่านไปสักพัก หลิวหลีก็หอบอาหารจำนวนมากมา
“กินด้วยกันสิ” หลิวหลีกล่าว
จ้านเฟิงหลิงจึงเพิ่งเข้าใจ หลิวหลีไปทำของกินนี่เอง เขาเคยได้ยินมาว่าลูกสาวคนโตมีพรสวรรค์ในด้านการปรุงอาหาร นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง เก่งกาจสมคำล่ำลือจริงๆ หอมมากจริงๆ
จ้านเฟิงหลิงนั่งลง มองเห็นลูกสาวคนโตป้อนไข่ตุ๋นให้ลูกสาวคนเล็กทีละช้อน ไข่ตุ๋นแตกต่างจากปกติที่แม่ครัวเซียนของที่บ้านเขา ไข่ตุ๋นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของนม วัตถุดิบที่ใช้ล้วนเป็นวัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ภายในร่างกายของโม่หลีไร้ซึ่งสิ่งแปลกปลอมแน่นอน
วันนี้ไม่รู้ว่าโม่หลีดีใจที่พี่สาวกลับมา หรือเพราะหลิวหลีทำอาหารอร่อย นางกินไข่ตุ๋นคนเดียวเต็มๆหนึ่งจาน หลงซินเยว่กับจ้านเฟิงหลิงที่มองอยู่ก็รู้สึกดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่โม่หลีกินได้มากขนาดนี้
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่โม่หลีกินมากขนาดนี้” หลงซินเยว่พูดอย่างภูมิใจ
“นั่นสิ หลิวหลีกลับมาคราวนี้แล้วจะออกไปอีกหรือไม่” จ้านเฟิงหลิงลองถาม
“ไม่ล่ะ รอการจัดอันดับผู้ถูกเลือกเริ่มต้นแล้วค่อยไป”
จ้านเฟิงหลิงอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงว่าหลิวหลีจะตอบคำถามเขา นี่แสดงว่า ในใจนางยังมีพ่ออย่างเขาอยู่ใช่หรือไม่
เมื่อเห็นโม่หลีกินเสร็จ หลิวหลีก็จัดการเก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อย นำชาศักดิ์สิทธิ์และนำน้ำผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ให้โม่หลี มองดูน้องสาวค่อยๆ ดื่มน้ำผลไม้ น้ำผลไม้เปื้อนรอบปาก หลิวหลีเห็นจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้นาง เด็กหญิงส่งยิ้มหวานให้พี่สาว จนโม่หลีขยี้ตางัวเงีย หลิวหลีก็จำใจปล่อยนางไปนอน
“ซินเยว่ ข้ากลัวมาก” จ้าวเฟิงหลิงเอ่ยขึ้นทันทีที่หลงซินเยว่กล่อมโม่หลีหลับ
“อาหลิง ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนี้” หลงซินเยว่งุนงง
“ซินเยว่ หลิวหลีโดดเด่นเกินไป โดดเด่นเสียจนทำให้ผู้คนนับถือ ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ว่าโม่หลีจะสามารถบำเพ็ญเพียรได้หรือไม่ หากโม่หลีบำเพ็ญเพียร แต่คุณสมบัติร่างกายสู้หลิวหลีไม่ได้ คงต้องถูกเปรียบเทียบกับหลิวหลีตลอดเวลา แค่คิดก็กลัวแล้ว” อยู่ดีๆ จ้านเฟิงหลิงก็เป็นกังวลขึ้นมา
“อาหลิง ทำไมเจ้าคิดเช่นนี้ คุณสมบัติร่างกายไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาต่างก็เป็นลูกของเรา ไม่ต่างกัน อีกอย่างเจ้าคิดว่าอยู่ๆหลิวหลีก็มีพลังบำเพ็ญเพียรหรือ ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการลำบากพากเพียรของนาง” หลงซินเยว่หัวเสีย อาหลิงคิดเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้าหลิวหลีมาได้ยินนางจะเสียใจมากแค่ไหน
“ซินเยว่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าแค่คิดว่าหลิวหลีโดดเด่นมากเกินไป จะทำให้โม่หลีกดดันหรือเปล่า ข้า…”
“พอได้แล้ว อาหลิง เจ้าออกไปสงบสติอารมณ์เถอะ โม่หลีมีข้าดูแลแล้ว” หลงซินเยว่ผิดหวังเล็กน้อย คุณสมบัติร่างกายเป็นสิ่งที่ฟ้าลิขิตมา เขาคิดเช่นนี้ได้อย่างไร หลิวหลีล่ะ เขาไม่เคยนึกถึงหลิวหลีเลยหรือ หลิวหลีก็เป็นลูกสาวของเขาเช่นกัน หลิวหลีต้องเจอความลำบากมามากกว่า หากรู้ว่าเขาเป็นเช่นนี้ ตอนแรกนางก็คงไม่ให้กำเนิดโม่หลี หากไม่ใช่เพราะหลิวหลีให้ยาศักดิ์สิทธิ์มาเป็นจำนวนมาก นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะสามารถคลอดโม่หลีออกมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
หลงหลิวหลีนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองลืมให้ของขวัญพ่อแม่และน้องสาว นึกไม่ถึงว่าจะมาได้ยินคำพูดพวกนี้ หลิวหลีไม่พูดอะไร นางเพียงแค่วางถุงเก็บของไว้แล้วก็จากไป
หลิวหลีเองก็พอเข้าใจ ใจมนุษย์มักมีความลำเอียงอยู่เสมอ ตัวเองไม่ได้เติบโตข้างกายพวกเขา จะโอนเอียงไปทางโม่หลีมากกว่าก็สมควรแล้ว สนิทสนมกลมเกลียวเป็นครอบครัวไม่ได้จริงๆ หลิวหลีถอนหายใจ นางจัดการเรื่องการจัดอันดับผู้ถูกเลือกให้จบๆ ดีกว่า นางจะได้ออกไปท่องโลกต่อ หรือไม่ก็แต่งงานตอนนี้เสียเลยดีหรือไม่ หลิวหลีคิดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย
ส่วนฟากหลงซินเยว่ยังไม่ได้เข้านอน และไม่ได้เข้าฌาณ นางลูบหน้าผากโม่หลี นางมองลูกสาวคนเล็กทำให้นึกถึงหลิวหลีในวัยเด็ก หลิวหลีรักพ่อแม่อย่างพวกเขา ทั้งยังเอ็นดูโม่หลีอย่างยิ่ง ทำไมอาหลิงถึงได้คิดไม่ตก หากเป็นเช่นนี้ จะต้องทำให้หลิวหลีรู้สึกเสียใจมากขนาดไหน
หลงซินเยว่ลุกขึ้น แล้วเหลือบเห็นถุงเก็บของ 3 ใบบนโต๊ะ ซึ่งมีชื่อพวกเขาติดอยู่ด้วย นังหนูได้ยินเข้าใช่หรือไม่ จู่ๆ หลงซินเยว่ก็รู้สึกไม่ดี นางอุ้มโม่หลีแล้วเก็บถุงเก็บของ ตัดสินใจจะกลับไปอยู่บ้านสักสองสามวัน เห็นจ้านเฟิงอวี้แล้วชวนให้อึดอัดใจ
“ซินเยว่ ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะพาโม่หลีไปไหน?” จ้านเฟิงหลิงไม่ได้ไปไหนไกล เห็นหลงซินเยว่อุ้มโม่หลีออกมาก็ร้อนรน
“อาหลิง พวกเราต่างต้องสงบสติอารมณ์ รอเจ้าคิดได้แล้วค่อยไปหาข้าที่สกุลหลง ข้าจะพาโม่หลีไปด้วย จริงสิ นี่คือของที่หลิวหลีให้เจ้า เมื่อครู่นังหนูน่าจะมาหาพวกเรา” หลงซินเยว่โยนถุงเก็บของที่มีชื่อจ้านเฟิงหลิงให้เขาแล้วจากไป
ทิ้งให้จ้านเฟิงหลิงที่ถือถุงเก็บของในมือยืนอยู่ในบ้านเพียงลำพัง
………………………………