แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 158 ต้องนางเท่านั้น
หรือว่าน้ำตกนี้จะเป็นมิติทับซ้อน ทุกคนต่างมีโอกาส? แต่ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง หลิวหลีคิดไปเรื่อยเปื่อย
ส่วนหลงเสี่ยวเสี่ยวใช้พลังป้องกันของเต่าดำเพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอก และเก็บคัมภีร์เคล็ดวิชาที่ได้มาไว้อย่างดี
“นังหนู พี่สาวเจ้าไม่อยู่ทีนี่ ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ เอาคัมภีร์มาให้ข้าเสียดีๆ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” คนข้างนอกข่มขู่
“หึ พวกเจ้าก็ดีแต่ทำร้ายเด็กอย่างข้า พลังบำเพ็ญเพียรต่ำ พวกเจ้าคิดว่าข้าจัดการง่ายขนาดนั้นเลยหรือ เก่งจริงก็เข้ามาเอาเอง” หลงเสี่ยวเสี่ยวคร้านจะมองหน้าคนพวกนี้ นางเป็นถึงร่างดวงจิตสวรรค์ เหตุใดฝ่ายตรงข้ามทำไมถึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ เพียงเพราะแค่พี่สาวของนางไม่อยู่ตรงนี้ บนภูเขาไม่มีเสือ ลิงถึงได้เสนอหน้าขึ้นเป็นใหญ่ ก่อความวุ่นวายขึ้น อีกอย่างคัมภีร์เล่มนี้มีประโยชน์กับนาง เหมาะสมร่างดวงจิตสวรรค์อย่างนางมากนัก นางเพิ่งจะบำเพ็ญเพียร ก็สามารถฝึกบำเพ็ญเพียรวิชานี้ได้
“อาเช่อ เกราะป้องกันเต่าดำของเจ้ายังรับจากโจมตีไปได้อีกนานเท่าไหร่”หลงเสี่ยวเสี่ยวถามเสวียนเช่อ
“เสี่ยวเสี่ยว พลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าต่ำเกินไป อย่างมากข้าน่าจะทนได้ไปอีกสามวัน สามวันต่อจากนี้เกราะป้องกันของเต่าดำก็จะปริร้าวพังทลายลงไป”
“เอ่อ อาเช่อ เจ้าพยายามอย่างที่สุดแล้ว ดีที่ตอนนั้นพี่สาวซื้อของมาให้ข้าหลายอย่าง น่าจะพอรักษาชีวิตไว้ได้” เสี่ยวเสี่ยวถอนหายใจ เข้าใจความสำคัญของพลังขึ้นมาทันที
ส่วนฟากฮัวจิงเฟยก็ได้อะไรติดไม้ติดมือมาไม่น้อย เพราะอย่างไรเสียพลังบำเพ็ญเพียรก็เท่านั้น เขาปล่อยพยัคฆ์ทมิฬออกมาสองตัว เมื่อสู้ไม่ได้ก็ใช้พลังพรางตัวของพยัคฆ์ทมิฬหลบหนีไป จึงรอดพ้นจากอันตรายใดๆ
เส้นทางนี้ของหยวนเทียนไม่ได้ราบรื่นนัก คิดไม่ถึงว่าจะมีคนต้องการจิตอสูรของเขา คนที่รบกวนเขาจึงถูกเก็บกวาดไปไม่น้อย เขาเองก็ไม่ใช่อสูรที่มีแต่พลังบำเพ็ญเพียรแต่ไม่รู้เรื่องราวของโลกภายนอกเอาแต่หลบอยู่ในแนวเขตต้องห้ามของเมืองต้าเยี่ยอีกต่อไป บวกกับเมื่อหลอมรวมเลือดบริสุทธิ์ของกิเลนแล้ว พลังในการต่อสู้ของเขาจึงเปลี่ยนไปจากเดิม
ตลอดทางของหนานกงเวิ่นเทียนราบรื่น เหตุเพราะเขารีบร้อนจะไปหาหลิวหลี ไม่ว่าเขาจะเจออะไร เขาก็เก็บกวาดเข้าไปหมด พอเจอคนก็หลบ แต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลก็คือ ความสามารถในการเข้าออกมิติหลิวหลีของเขาเหมือนโดนคนผนึกไว้ ทำให้ไปหานางไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้เขาร้อนใจอย่างมาก
เก็บของเล็กของน้อยมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่หลิวหลีก็ยังรู้สึกว่าไม่มีกลิ่นอายมนุษย์อยู่ดี เรื่องเช่นนี้ผิดปกติ ทันใดนั้นหลิวหลีรู้สึกว่ามีคนกำลังเรียกนางจากฝั่งหนึ่ง หลิวหลีที่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนพอดีจึงตัดสินใจตามเสียงนั้นไป
เมื่อมาถึงจุดที่เสียงชัดที่สุด หลิวหลีก็เห็นเพลิงอัคคีที่หมุนอย่างรวดเร็ว ใช่แล้วเพลิงอัคคี ความรวดเร็วระดับนี้ทำให้หลิวหลีมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
“เจ้าคือหลงหลิวหลี?” ทันใดนั้นเพลิงอัคคีที่รวดเร็วราวสายลมก็หยุดลง คิดไม่ถึงว่าจะพูดได้ด้วย
“ใช่ เจ้าเป็นคนเรียกข้าหรือ” หลิวหลีมองดูกลุ่มลมขนาดเล็กอย่างสนใจ เพลิงอัคคีธาตุลม นางต้องการอยู่พอดี เพียงแต่ว่าพลังบำเพ็ญเพียรของนางยังไม่ถึงจุดนั้น น่าเสียดายจริงๆ
“ใช่ เจ้าดูออกหรือเนี่ย ข้าคือเพลิงอัคคี เพลิงอัคคีธาตุลม อยู่ในอันดับ 6 ของการจัดอันดับเพลิงอัคคี เพลิงลมสลาตัน” กลุ่มลมขนาดเล็กแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงแฝงภาคภูมิใจ
“สวัสดี ข้าไปได้แล้วหรือยัง ข้ากำลังแข่งขันอยู่ ไว้มีโอกาสแล้วพบกัน” หลิวหลีตัดสินใจเดินหนีไป ของที่ไม่ใช่ของตัวเองไม่ดูน่าจะดีกว่า
“เฮ้อ เจ้าไม่ได้ยินหรือ ข้าคือเพลิงลมสลาตัน เพลิงอัคคีที่อยู่ในอันดับ 6 ของการจัดอันดับเพลิงอัคคี” เพลิงลมสลาตันพูดย้ำอีกครั้ง
“ได้ยินแล้ว แล้วอย่างไรหรือ” ตอนนี้นางยังไม่ต้องการเสียหน่อย
“เจ้าต้องการเพลิงอัคคีไม่ใช่หรือ ขาดแค่เพลิงอัคคีธาตุลม ธาตุดินแล้วก็ธาตุไฟ ข้าเป็นธาตุลม เป็นธาตุลมที่แข็งแกร่งที่สุดเลยด้วย ในการจัดอันดับเพลิงอัคคีมีเพลิงอัคคีที่เป็นธาตุลมอยู่แค่เพียง 3 ชนิดเท่านั้น” น้ำเสียงของลมสลาตันแฝงไปด้วยความภูมิใจ
“อืม เจ้าเก่งมากจริงๆ ลาก่อน” นี่คือเพลิงอัคคีหรือ น่าจะเป็นเจ้าขุนทองมากกว่า
“เดี๋ยวก่อนสิ เดี๋ยวก่อน ทำไมเจ้ายังจะไปอีกหรือ เจ้าต้องการเพลิงอัคคีธาตุลมไม่ใช่หรือ เจ้าไม่อยากจะพิชิตข้าหรืออย่างไร” เพลิงลมสลาตันขวางหลิวหลีไว้แล้วพูดขึ้น
“อยากสิ” หลิวหลียอมรับว่านางอยากสนใจ แต่ด้วยความสามารถของนางในตอนนี้ยังทำไม่ได้ แต่ถ้าบอกว่าไม่อยากก็คงจะเป็นเรื่องโกหก
“แล้วทำไมเจ้าถึงอยากจะไปขนาดนี้ล่ะ” เพลิงลมสลาตันไม่เข้าใจ ในเมื่ออยากจะได้เขา แล้วทำไมยังจะต้องเดินหนีไปอีก
“เพราะความสามารถของข้าไม่พอ” หนทางสู่ช่วงบรรลุขั้นของนางยังอีกยาวไกล ถึงแม้นางจะอยากได้อย่างไร แต่ก็คงจะไม่ไปทำเรื่องเสี่ยงตายเช่นนี้
“พลังไม่พอหรือ? จำเป็นต้องใช้พลังด้วยหรือ? แค่มีเพลิงอัคคีก็พอแล้วไม่ใช่หรือ” เพลิงลมสลาตันไม่เข้าใจ
“ข้าไปล่ะ พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ” คนไม่เข้าใจพูดไปแค่ครึ่งประโยคก็ถือว่ามากแล้ว นางไปน่าจะดีกว่า จะมาสงสัยคนพูดมากเช่นนี้ทำไมกัน
หลิวหลีหมุนตัวจะเดินออกไป เพลิงลมสลาตันก็เข้ามาขวางหลิวหลี ไม่ได้นางจะต้องพิชิตเขาสิถึงจะถูก
“ไม่ได้ บอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าพลังข้ายังไม่พอ พิชิตเจ้าไม่ได้”
“เจ้ากลัวแล้วใช่ไหมล่ะ” เพลิงลมสลาตันนึกถึงแผนยั่วยุ
“ขอโทษด้วยนะ แต่เจ้าเลิกขวางข้าได้แล้ว พลังบำเพ็ญเพียรของข้าไม่เพียงพอ ข้ายังรักชีวิตตัวเองอยู่ แผนการยั่วโมโหของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้หรอก เชิญเจ้าไปหายอดฝีมือคนอื่นเถอะ” หลิวหลีพูดจบก็ใช้เคล็ดวิชาหนีไป
“เพลิงลมสลาตัน ผิดหวังมากเลยหรือ” เสียงไพเราะของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆเพลิงลมสลาตัน แล้วผู้บำเพ็ญหญิงหน้าตางดงามก็ค่อยๆปรากฏตัวขึ้นช้าๆ
“ใช่ นางต้องการเพลิงอัคคีไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่อยากได้ข้า” เพลิงลมสลาตันรู้สึกเศร้าใจน้อย ๆ
“ข้านึกไม่ถึงว่าพลังบำเพ็ญเพียรของหลิวหลีจะไม่พอพิชิตเจ้า ข้าคำนวนพลาดเอง” เสียงของผู้หญิงนางนั้นพูดขึ้นด้วยความเสียดาย
“พลังบำเพ็ญเพียรสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ ถึงขนาดไม่เอาเพลิงอัคคี” เพลิงลมสลาตันเต้นเร่า
“เจ้าชอบนางงั้น?” เสียงหญิงสาวคนเดิมถามขึ้น
“ใช่ นี่คือผู้บำเพ็ญเพียรที่ข้าถูกใจอย่างยิ่งในช่วงหลายปีนี้ แข็งแกร่งกว่าพวกอ่อนหัดเมื่อก่อนมาก” เพลิงลมสลาตันค่อนข้างพอใจในตัวหลิวหลี
“เพลิงบุปผาเหมันต์ เพลิงอัสนีคราม เพลิงวิญญาณไม้ เพลิงสุวรรณรำไร เพลิงหทัยสมุทร เพลิงดาราทมิฬ เด็กนี่โชคดีไม่น้อยเลย เอาเถอะ ข้าจะช่วยนางก็ได้ มอบโอกาสครั้งนี้ให้แก่นาง” เสียงของหญิงสาวกล่าว
“ก็ได้” เพลิงลมสลาตันเอ่ยอย่างยินดี
หลิวหลีเดินอย่างไร้จุดหมาย รอบข้างไม่มีคน มีแค่นางเท่านั้นหรือ เพลิงอัคคีปากมากนั่นนางไม่นับแล้วกัน
“หลงหลิวหลี”
“ใคร” หลิวหลีระวังตัวทันที
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเจ้า ต่อให้ทำ เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” เป็นเสียงผู้หญิง
“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า ทำไมข้าไม่เจอใครเลยสักคน เป็นฝีมือของเจ้าใช่ไหม” อย่างไรเสียก็สู้ไม่ได้ หลิวหลีก็เลยถามออกไปตรง ๆ
“ฮ่า ฮ่า เป็นเด็กที่น่าสนใจ ข้าเล่นลูกไม้อะไรเล็กน้อย มิตินี้ทับซ้อนกันสองชั้น เจ้าอยู่ที่หนึ่ง อีก 99 คนที่เหลืออยู่อีกที่ สามารถพูดได้ว่าตั้งแต่ที่เริ่มมีการจัดอันดับผู้ถูกเลือก เจ้าเป็นคนแรกที่ได้เข้ามาในที่แห่งนี้”
“ข้าควรรู้สึกเป็นเกียรติหรือไม่” หลิวหลียิ้มแหย ๆ
“ใช่ เจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมืองเทียนสิงคือที่ใด ที่นี่เป็นเมืองแห่งเซียน ไม่ใช่ใครจะสามารถเข้ามาก็ได้ แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเข้ามาในเขตพื้นที่พิเศษแห่งนี้ได้”
“เอาเถอะ เช่นนั้นข้าขอไม่รับเกียรตินี้ได้หรือไม่ ให้ข้าออกจากที่นี่ได้ไหม” มีแค่นางคนเดียวจะไปสนุกอะไร
“ไม่ได้ ข้ามีข่าวดีกับข่าวร้ายจะบอกเจ้า”
“บอกข่าวดีก่อนแล้วกัน ขอข้าอารมณ์ดีก่อน” หลิวหลีเลือกอย่างไม่ลังเลใจ
“นึกว่าเจ้าจะเลือกข่าวร้ายก่อนแล้วค่อยเลือกข่าวดีให้ตัวเองใจชื้น เอาเถอะในเมื่อเป็นตัวเลือกของเจ้า ข่าวดีคือเจ้าเป็นคนที่ได้อับดับหนึ่งในการจัดอันดับผู้ถูกเลือก ไม่มีใครสามารถโค่นล้มตำแหน่งของเจ้าได้”
“นี่ถือเป็นข่าวดีจริงๆ บอกข่าวร้ายมา” ไม่กลัวว่านางจะคิดมาก จนไม่ตั้งใจแข่งขันหรือ
“ข่าวร้ายก็คือ เจ้าต้องต้องบำเพ็ญให้ไปถึงช่วงรวมกายาระยะสุดยอด เพื่อซึมซับเพลิงลมสลาตัน ข้าจะเป็นคนจัดการเวลาให้เอง อีกอย่างมีแค่พิชิตเพลิงลมสลาตันเท่านั้น ทางออกไปมิติอีกแห่งจึงจะปรากฏขึ้น”
“มิเช่นนั้นคนกลุ่มนั้นจะหาทางออกไม่เจอตลอดกาลหรือ” สีหน้าหลิวหลีเคร่งขรึม
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ในด่านนี้จะคัดอันดับที่ 71 ถึง 100 ออก บอกข่าวดีเจ้าอย่างหนึ่ง น้องสาวเจ้านางมีฝีมือไม่น้อย นางจะได้อยู่ในอันดับที่ 70 ร่างดวงจิตสวรรค์มีพลังบำเพ็ญเพียรดีใช้ได้เลย”
“จริงหรือ ขอบคุณที่บอก ข้าไม่สามารถบำเพ็ญอย่างอิสระ ค่อยๆเข้าสู่จุดช่วงรวมกายาระยะสุดยอดแล้วค่อยหาเพลิงอัคคีไม่ได้หรือ” หลิวหลีต่อรอง
“ไม่ได้ ดินแดนแห่งนี้อยู่ถึงระยะสุดท้ายแล้ว หากยังอยู่แบบนี้ต่อไปจะต้องพังทลายลงแน่ เพราะฉะนั้นพวกเรารอไม่ได้” น้ำเสียงนางเจือความอับจน
“ต่อไปการจัดอันดับผู้ถูกเลือกจะไม่มีอีกแล้วหรือ?” ไม่ใช่แล้ว นางกล้าได้อย่างไร
“ก็ไม่ขนาดนั้น เพียงแต่ว่าดินแดนแห่งนี้รอไม่ไหว ที่นี่เป็นผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถูกเลือก”
“เพลิงอัคคีอันดับ 6 ของการจัดอันดับเพลิงอัคคี คือผลประโยชน์สูงสุดหรือ” แถมยังบังคับให้รับอีกด้วย
“รู้ว่าเจ้าไม่พอใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เจ้าทนเห็นเพลิงลมสลาตันหายไปพร้อมกับดินแดนแห่งนี้ได้หรือ”
“ทำไมจะไม่ได้?” หลิวหลีปากแข็ง นางไม่มีทางพูดว่านางเสียดายหรอก
“นังหนูปากแข็งแต่ใจอ่อน เคล็ดวิชาที่เจ้าฝึกฝนอยู่นั้นมีความพิเศษ แล้วก็มีแต่เจ้าที่เหมาะสมกับเพลิงลมสลาตัน อย่าคิดว่าเขาเป็นอันดับ 6 ของเพลิงอัคคี หากดินแดนนี้พังทลาย เขาก็จะสลายตัวไป ไม่สามารถเกิดใหม่ได้ ในการจัดอันดับเพลิงอัคคีก็จะไม่มีเพลิงลมสลาตันอีกต่อไป”
“เพลิงอัคคีใช้เวลาไม่นานก็ให้กำเนิดลูกไฟลูกใหม่ออกมาได้ไม่ใช่หรือ” เพลิงบุปผาเหมันต์ของนางก็เป็นลูกไฟที่แบ่งตัวออกมา
“เพลิงอัคคีใน 10 อันดับแรกไม่สามารถให้กำเนิดไฟลูกได้ คิดว่าเจ้าคงจะไม่รู้”
หลิวหลีปิดปาก นางไม่รู้จริงๆ นางเป็นคนเป็นคนโลกแคบนัก
“ดังนั้น หลงหลิวหลี เจ้าต้องพยายามเข้า”
นี่เป็นการให้ลูกเป็ดพลีชีพ ทำไม่ได้ก็ต้องทำ
“ไม่กลัวว่าข้ายังไม่ทันทะลวงช่วงรวมกายาระยะสุดยอด เจ้าจะแตกสลายไปเสียก่อนหรือ” ไม่ใช่ว่านางดูถูกตัวเอง แต่การมาถึงจุดนี้แล้วพัฒนาต่อไปได้ยากยิ่ง
“ไม่หรอก เดิมข้ากังวลเล็กน้อย แต่มิตินั้นของเจ้าไม่เลวทีเดียวเอาออกมาใช้ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง มันไม่พังหรอก”
หน้าหลิวหลีเปลี่ยนสีทันที ถึงขนาดรู้ว่าตัวเองมีมิติ ไพ่ตายของนางมีอะไรบ้าง คนผู้นี้ต่างรู้แจ้งทั้งหมด
“วางใจเถอะ ข้าไม่ทำอะไรมิติเจ้าแน่ มังกร กิเลน และภูติอาวุธในนั้นก็จะไม่เป็นอะไรเช่นกัน” คนผู้นั้นจึงอธิบายราวเห็นความกังวลของหลิวหลี
“ก็ได้ ข้าจะพยายาม” ไม่พยายามอย่างสุดความสามารถก็คงไม่ได้ ไพ่ตายใบสุดท้ายของตัวเองถูกเปิดโปงแล้ว นางได้แต่หวังว่าคนผู้นั้นจะรักษาคำพูดก็พอ
……………………………………………..