แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 16 ว่าที่สามี
หลิวหลีไม่ได้รับรู้ถึงแรงกดดันที่เกิดขึ้นจากคำพูดของตนเอง นางหยิบยาเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาด้านใน จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหนานกงเวิ่นเทียน หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกตัวเย็นวาบ แล้วก็เห็นเด็กสาวกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาอยู่!
“เจ้าทำอะไร?” หนานกงเวิ่นเทียนกอดผ้าห่มแน่น ปัดมือของสาวหื่นออก
“เปลี่ยนเสื้อผ้าและใส่ยาให้เจ้าไง ไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะทำเบาๆ” หลิวหลีคิดว่าหนานกงเวิ่นเทียนกลัวเจ็บ พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
“เสื้อผ้าก่อนนี้ของข้าล่ะ?” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นเสื้อผ้าสีชมพูหวานแหววบนตัวแล้วก็รู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิด
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้ายังไม่ได้ทิ้ง เสี่ยวเทียน แต่ว่าทำไมเจ้าถึงไปใส่ชุดของผู้ใหญ่ได้ล่ะ” หลิวหลีพูดพลางมองหนานกงเวิ่นเทียน
เสื้อผ้าของผู้ใหญ่ เขาคิดไปถึงเรื่องเมื่อสักครู่ที่เท้าตนเองไม่แตะพื้น หนานกงเวิ่นเทียนยื่นมือออกมาดู เขาหรี่ตาลงมอง มือเล็กๆคู่นี้ มีขนาดเล็กอย่างเห็นได้ชัด เมื่อขาดึงผ้าห่มออกก็เห็นรูปร่างขนาดเล็กจ้อย จึงรีบถกกระโปรงขึ้น หนานกงเวิ่นเทียนรีบปิดกระโปรงลงทันที ใบหน้าพลันแดงซ่าน
“กางเกงของข้าไปไหน?” ผู้หญิงคนนี้ เขาก็ว่าทำไมรู้สึกแปลกชอบกล ที่แท้ก็ไม่ได้ใส่กางเกงนี่เอง ในขณะเดียวกัน ในใจหนานกงเวิ่นเทียนก็เข้าใจแจ่ใแจ้งว่าตัวเองได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กเสียแล้ว
“กางเกงของเจ้ามันไม่พอดีตัว กางเกงของข้ามันก็ใหญ่เกินไป อีกอย่างท่อนล่างของร่างกายเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ใส่เสื้อผ้าอาจจะไม่ดีต่อการสมานแผล ที่สำคัญเลยก็คือเจ้าเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ใส่กางเกงเปิดเห็นเป้าก็ไม่ต่างกับไม่ใส่อยู่ดี”
น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของหลิวหลีทำให้หนานกงเวิ่นเทียนแทบจะกระอักเลือด แน่นอนว่าจะโทษหลิวหลีไม่ได้ หลิวหลีชาติที่แล้วเห็นเหล่าเด็กน้อยมักใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป พอกลับมาเกิดใหม่เหล่าเด็กน้อยต่างก็ใส่กางเกงเปิดเห็นเป้า ถึงแม้นางคิดว่ามันออกจะน่าอายไปบ้างแต่ก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี อีกทั้งตอนนางเริ่มบำเพ็ญเป็นเซียนก็เพิ่งจะอายุ 9 ขวบ เสื้อผ้าออกจะค่อนข้างใหญ่ ชุดคลุมตัวยาวแค่พับแขนเสื้อขึ้นก็ใส่ได้แล้ว กางเกงใส่ไปก็หลวม อีกอย่างตอนนี้ท่อนล่างของหนานกงเวิ่นเทียนเองก็บาดเจ็บสาหัส ไม่ใส่ยังจะดีเสียกว่า
“ข้าจะใส่กางเกง” หนานกงเวิ่นเทียนพูดพลางทำหน้าบึ้งตึง ศักดิ์ศรีของเขาถูกเหยียบย่ำเสียจมดิน
“ไม่ได้ต้องทายาก่อน รอแผลเจ้าดีขึ้นแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้าน ในเมื่ออยู่ในที่ของข้าเจ้าต้องเชื่อฟังข้า” หลิวหลีพูดขึ้นอย่างเผด็จการ
พูดจบก็ไม่รีรอให้หนานกงเวิ่นเทียนตอบกลับ นางดึงผ้าห่มออก ถลกชายกระโปรงสีชมพูขึ้น หนานกงเวิ่นเทียนในสภาพเปลือยเปล่าอยู่กลางอากาศ เมื่อนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดีนักหนานกงเวิ่นเทียนก็หน้าซีดเผือด หลิวหลีไม่ได้สังเกตเห็น นางนำยาทาลงแผลของหนานกงเวิ่นเทียน หนานกงเวิ่นเทียนร่างกายบิดเกร็ง รู้สึกถึงมือที่กำลังทายาเย็นๆลงบนร่างกายของเขาซึ่งมีกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ความเร็วในการดูดซึมของยาทำให้หนานกงเวิ่นเทียนฉงนเล็กน้อย ยาเดี๋ยวนี้ดูดซึมได้ดีขนาดนี้แล้วหรือ หลิวหลีจัดแจงเสื้อผ้าหนานกงเวิ่นเทียนให้เรียบร้อยจากนั้นก็ดึงผ้าห่มให้เรียบตึง
“เสร็จแล้ว เจ้านอนพักผ่อนก่อน มันดีต่อการฟื้นฟูร่างกาย เดี๋ยวพี่ไปทำโจ๊กปลามาให้” หลิวหลีพูดพลางเก็บยา หนานกงเวิ่นเทียนหลับตาลงอย่างให้ความร่วมมือ ไม่ให้ความร่วมมือไม่ได้เด็ดขาด ใครจะไปรู้ว่านางจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงอีกหรือเปล่า พอนึกถึงมือคู่นั้นที่ทายาให้ร่างกายของตัวเอง หนานกงเวิ่นเทียนก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าหญิงและชายไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน
หลิวหลีไปทำโจ๊กปลาอย่างเบิกบานใจ อาเลี่ยก็ปรากฏตัวขึ้น
“ยัยหนู ช่วงนี้ทำแต่อาหารจืดชืดทั้งนั้นเลย” เขาเห็นโจ๊กเข้าอีกแล้ว เอ๋าเลี่ยรู้สึกว่าหน้าท้องตัวเองแบนราบไปหมดแล้ว
“อีกสักพักจะย่างแพะทั้งตัวให้เจ้านะ ตอนนี้ข้าทำโจ๊กปลาให้เสี่ยวเทียนก่อน เด็กขนาดนี้แต่กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ไม่มีความเป็นคนเลยจริงๆ” หลิวหลีพูดถึงตรงนี้ เพราะอารมณ์โกรธทำให้ตะเกียบในมือหักออกเป็นสองท่อน พอนางโมโหก็มักจะไม่สามารถควบคุมพลังได้
“หลิวหลี เจ้าไม่รู้สึกประหลาดใจหรือ เหตุใดอยู่ดีๆถึงมีเด็กน้อยมาปรากฏตัวอยู่ในป่าซื่อเลี่ยนหลินได้” เอ๋าเลี่ยเลิกคิ้วถาม
“รู้สึกประหลาดใจสิ ข้าตรวจสอบดูแล้วเขาเป็นเด็กจริงๆ คาดว่าชาติกำเนิดอาจจะมีอะไรที่พูดไม่ได้ จะไปเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมันไม่ดีนะ” หลิวหลีพูดพลางส่ายหัว
“ยัยหนู ถ้าหากข้าจำไม่ผิด เจ้าเป็นร่างเพลิงสุริยา ธาตุหยางบริสุทธิ์ใช่ไหม” เอ๋าเลี่ยถามขึ้น
“ใช่” เอ่อ…คุณสมบัติผู้ชายในร่างผู้หญิงแบบนี้ รู้สึกหมดหวังจริง ๆ ในใจของนางยังแอบคิดว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความโดดเดี่ยวไปทั้งชีวิตควรจะหาผู้หญิงที่เป็นธาตุหยินบริสุทธิ์มาสร้างความรักแบบหญิงหญิงจะดีไหม ยากเสียจริง มือที่เพิ่งเปลี่ยนตะเกียบกำลังคนโจ๊กปลาด้วยจังหวะที่ช้าลง
“หลิวหลี เจ้าโชคดีแล้ว เด็กน้อยคนนั้นเป็นร่างเหมันต์จันทรา อีกทั้งยังเป็นธาตุหยินบริสุทธิ์” คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ธาตุภายในร่างกายตรงข้ามกับหลิวหลีอยู่จริงๆหรือเนี่ย แล้วยังเป็นผู้ชายด้วย หรือว่าทั้งคู่จะเป็นคู่บุพเพสันนิวาสกัน
พลั่ก…ตะเกียบในมือของหลิวหลีถูกบีบหักอีกครั้ง ธาตุภายในร่างกายที่เข้ากันได้ ร่างกายที่หนึ่งในหมื่นก็ไม่สามารถหาได้ นางดันสามารถหาเจอได้เร็วขนาดนี้ พระเจ้ายังคงมีเมตตาต่อนางอยู่ มองดูหลิวหลีที่กำลังอึ้งนิ่งไป เอ๋าเลี่ยก็เลยเตือนด้วยความหวังดีว่า “โจ๊กจะไหม้แล้ว” หลิวหลีตาลีตาเหลือกรีบทำโจ๊กปลาจนเสร็จ นางหายใจเข้าลึก นางตัดสินใจจะลองดูว่าเด็กคนนี้เหมาะสมกับตัวเองไหม ไม่อย่างนั้นถึงแม้คุณสมบัติทางร่างกายจะเข้ากันได้ แต่นิสัยเข้ากันไม่ได้ นางก็ไม่อยากจะฝืนตัวเอง
หนานกงเวิ่นเทียนหลับสบายมาก ดึงผ้าห่มขึ้นมาเล็กน้อย ค่อย ๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจ้องมองตัวเองแบบตาไม่กระพริบ
“เจ้าตื่นแล้วหรือ กินอะไรเสียหน่อย” หลิวหลีเห็นว่าหนานกงเวิ่นเทียนตื่นแล้วจึงพยุงเขาขึ้นมา เอาหมอนวางไว้ด้านหลังแล้วดึงผ้าห่มลง นางถือถ้วยเตรียมป้อนอาหาร อืม…ดูจากหน้าตาแล้ว อีกหน่อยจะต้องเป็นหนุ่มรูปงามแน่นอนขนตายาวเป็นแพร ใบหน้าเห็นเค้าโครงขึ้นบ้างแล้ว ดูจากนิสัยถ้าประเมินจากสายตาน่าจะเป็นหนุ่มรูปงามที่เรียบร้อย ประเมินจากในระยะยาวแล้วคิดว่าน่าจะลองดูได้
หนานกงเวิ่นเทียนไม่ล่วงรู้ความคิดของหลิวหลี เห็นแค่เพียงว่าพอกินโจ๊กเสร็จนางก็ยังไม่ไป แต่กลับนำกระดิ่งจากตัวแบ่งออกเป็นสองอัน นำอันหนึ่งมาใส่ไว้ที่คอของเขา อีกอันหนึ่งเหน็บไว้ที่เอวของนาง
“เสี่ยวเทียน กระดิ่งอันนี้เจ้าต้องเก็บไว้ให้ดีๆนะ ร่างกายของเจ้ามีคุณสมบัติพิเศษ พี่ไม่อยากจะช่วยเจ้าแล้วเห็นเจ้าต้องลำบากอีก” หลิวหลีพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชายรักชายเป็นที่ยอมรับได้ง่ายกว่าหญิงรักหญิง โลกใบนี้มันช่าง เฮ้อ…ไม่พูดแล้ว นี่คือเด็กที่มีคุณสมบัติทางร่างกายที่เข้ากับนางได้เพียงคนเดียวในตอนนี้ จะทำมันพังไม่ได้
หนานกงเวิ่นเทียนจิตใจว้าวุ้นแต่ไม่แสดงออกมาทางสีหน้า ตอนที่ตัวเองถูกคนชั่ววางแผนทำร้าย ป้ายหยกถูกดึงหลุดไป และเขาก็ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วยในตอนที่หงส์เหมันต์ฉีกมิติออกมา คุณสมบัติทางร่างกายหากเป็นพวกยอดฝีมือก็จะดูออก ผู้หญิงคนนี้เอากระดิ่งมาแบ่งให้เขาหรือว่าร่างกายของนางก็มีคุณสมบัติพิเศษเช่นเดียวกัน?
“ร่างกายเจ้าก็มีคุณสมบัติพิเศษหรือ?” เสียงของหนานกงเวิ่นเทียนดังขึ้น
“ใช่ ข้าเป็นร่างเพลิงสุริยาเข้ากับร่างเหมันต์จันทราของเจ้าพอดี” พรหมลิขิตแท้ๆ
หนานกงเวิ่นเทียนหัวใจเต้นแรง ร่างเพลิงสุริยาหรือ ผู้หญิงเสียด้วย คู่ที่ดีที่สุดที่พ่อแม่ตรากตรำหาอย่างไรก็ไม่เจอทคิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะหาเจอแล้ว อีกทั้งยังเป็นตอนที่ตนเองกำลังเผชิญกับความลำบากที่สุดด้วย ทำไมถึงรู้สึกไม่ดีขนาดนี้ เขานึกถึงคำทำนายที่ตอนนั้นหอเทียนจีเก๋อเคยบอกเขาว่าไว้ว่า ‘ใต้คนหนึ่งคน เหนือคนนับหมื่น หงส์เดี่ยวมีอำนาจได้ชั่วครู่ มังกรหงส์นำมาซึ่งโชคลาภ’ เขาจำได้ว่าตอนนั้นหอเทียนจีเก๋อได้ให้คำอธิบายไว้ว่า ความสำเร็จของเขาจะอยู่ใต้แค่คนที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้น คนคนนั้นจะเป็นคู่ครองของเขา เข้ากันได้เป็นอย่างดีราวกับราชากับราชินีบนโลกมนุษย์ เป็นคู่รักที่รักกันมาก อยู่เคียงข้างกันชั่วนิรันดร์ ผู้หญิงจอมหื่นนี่คือคนๆหรือเปล่านะ ใช่แล้ว…ชะตาฟ้ากำหนดของหนานกงเวิ่นเทียนก็คือชะตาหงส์ พ่อแม่ของเขาซ่อนความลับนี้ไว้อย่างแน่นหนา หอเทียนจีเก๋อก็ได้บอกว่า หากยังไม่ถึงกำหนดห้ามป่าวประกาศให้ผู้อื่นรับรู้เป็นอันขาด
ถึงแม้พลังบำเพ็ญเพียรในช่วงอมตะของหนานกงเวิ่นเทียนจะไม่เหลือแล้วแต่ประสาทเซียนยังคงอยู่ บำเพ็ญเพียรช่วงสุดยอดก็ไม่เคยใช้ยาใดๆมาก่อน อายุ 12 ปีมีคุณสมบัติเป็นแกนวิญญาณเดี่ยวธาตุอัคคี ถือเป็นผู้ถูกเลือกในโลกอสูรเทพเช่นกัน
“เสี่ยวเทียน บ้านของเจ้าอยู่ที่ใดกัน?” หลิวหลีถาม พอรู้ว่าเขาอาจจะเป็นคู่ครองของตนเองในอนาคต ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องพูดจาหว่านล้อมพ่อแม่ของเสี่ยวเทียนยอมให้เขาบำเพ็ญเซียน
“ข้ายังกลับบ้านของข้าไม่ได้ชั่วคราว ได้โปรดรับข้าไว้ด้วยเถอะ” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ยขึ้น เขาเองก็อยากจะรู้ว่าคนคนนี้จะใช่คนที่ฟ้าลิขิตมาเขาหรือไม่
“เช่นนั้นหรือ งั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ไปละกัน ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ที่นี่ก็มีเพียงข้าเท่านั้น อาจารย์ของข้าเข้าฌาน จนกว่าเขาจะบรรลุช่วงพื้นฐานเขาถึงถึงจะออกจากฌาน” หลิวหลีดีใจเล็กน้อย การเลี้ยงเด็กให้มาเป็นสามีทำไมถึงทำให้มีความสุขมากขนาดนี้นะ เสี่ยวเทียนผอมเกินไป เป้าหมายแรกของนางก็คือเลี้ยงเสี่ยวเทียนให้ขาวอวบอ้วน กินโจ๊กไม่ค่อยบำรุงร่างกายเท่าไหร่ อืม พรุ่งนี้ไปเก็บไข่ของไก่ฟ้ามาทำแพนเค้กไข่ ไม่มีแฮม ถ้าอย่างนั้นจดแฮมเอาไว้ก่อน เพราะใส่แฮมบดลงไปรสชาติดีขึ้นมาเล็กน้อย เด็กน้อยดื่มนมแล้วจะผิวขาวนุ่ม แล้วยังเอานมมาทำเค้กได้ด้วย สำรวจอาการบาดเจ็บของหนานกงเวิ่นเทียนอย่างละเอียดสักพัก มองเห็นตัวเองอยู่ในชุดกระโปรงแดงชมพูข้างในไม่มีผ้าอะไรเลย สิ่งที่นางเหมือนจะควรทำมากที่สุดก็คือไปตลาดจงเหมินซื้อเสื้อผ้ากลับมา แต่ว่าคุณภาพเนื้อผ้าในตลาดไม่ค่อยดีเท่าไร ใช่แล้ว ในสำนักมีร้านตัดเย็บซืออีฝางอยู่ ที่นั่นมีผ้าจากตัวไหมน้ำแข็ง เมื่อตัดเสื้อผ้าแล้วทำให้ใส่สบายและสะอาดสะอ้าน ประจวบกับคนดูแลที่นั่นชื่นชอบหม้อไฟมากเป็นพิเศษสามารถไหว้วานให้นางช่วยทำเสื้อผ้าเด็กไม่กี่ตัวได้นี่นา
“รบกวนด้วยนะ” หนานกงเวิ่นเทียนพูดขึ้นมาอย่างมีมารยาท บัดนี้เขาไม่เหลือกำลังภายในแล้ว แล้วยังจะต้องเริ่มฝึกจากศูนย์ ที่นี่มีพลังเซียนค่อนข้างมากเหมาะสำหรับการฝึกเป็นที่สุด ต่อให้ไม่ใช่เพื่อคนที่อาจจะเป็นพรหมลิขิตคนนั้น เขาก็จะยังเกาะอยู่ที่นี่จนกว่าพลังบำเพ็ญเพียรจะฟื้นฟูกลับมาแล้วค่อยจากไป ตอนนี้ยังกลับบ้านไม่ได้ เขาเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าคนอื่นล่วงรู้สถานการณ์ของเขาเข้าอาจจะคิดไม่ดีต่อเขาได้
“ไม่เป็นไร เจ้าอยากอยู่นานเท่าไรก็อยู่ จริงสิ…เจ้ามีเคล็ดวิชาที่ต้องใช้ในการบำเพ็ญเพียรฝึกฝนหรือไม่?” หลิวหลีถามจบก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง นางถามเด็กที่ใส่กางเกงเปิดเป้าว่ามีเคล็ดวิชาหรือไม่เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก เด็กคนนี้อะไรๆก็ดูเข้ากับนางได้หมด มีแกนวิญญาณนั่นปะไร คำถามที่สำคัญขนาดนี้ตัวเองมองข้ามไปได้อย่างไร หลิวหลีเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“ขอบคุณนะ ข้ามีเคล็ดวิชาที่ฝึกเป็นประจำอยู่แล้วเพียงแต่เพราะอุบัติเหตุจึงทำให้ต้องย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ไม่ต้องเป็นห่วง หากข้าหายดีข้าก็จะกลับไปเป็นเหมือนอย่างแต่ก่อน” ราวกับเห็นความกระอักกระอ่วนใจของหลิวหลี หนานกงเวิ่นเทียนตอบกลับด้วยความใจดีซึ่งหาได้ยากนัก
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ข้าไปก่อนนะ เจ้าออกไปเดินเล่นได้นะ มันดีต่อสุขภาพ” ที่แท้เพราะได้รับบาดเจ็บก็เลยกลายเป็นเด็กเหมือนพวกอสูร เอ่อ…รอดูไปเรื่อยๆก่อนแล้วกัน ตัวเองไปเตรียมพร้อมสำหรับบทที่ 1 ตอนที่ 9 จะดีกว่าจะละทิ้งการฝึกฝนไปไม่ได้
หนานกงเวิ่นเทียนกระตุกปากเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นเดิน ตนเองใส่กระโปรงสีชมพูซึ่งข้างในโล่งโจ้งเช่นนั้นเดินไปมา ขอโทษทีเขาไม่ได้มีงานอดิเรกชอบใส่เสื้อผ้าประหลาดและเปิดเผยของลับสักหน่อย พอเห็นว่าหลิวหลีไปแล้ว แน่ใจแล้วว่าไม่ได้อยู่ในขอบเขตการรับรู้ของเขา หนานกงเวิ่นเทียนก็เริ่มฝึกเคล็ดวิชาอย่างไม่คาดหวังอะไร
…………………………………………………….