แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 173 พี่น้องไม่ลงรอย
“เจ้าบอกว่า พี่ใหญ่คนดีของข้าเชิญข้าไปดื่มสุราชมจันทร์หรือ” สีหน้าเยี่ยซิงหวงฉายแววพิกล
“คนที่มาแจ้งกล่าวเช่นนั้น”
“พี่ใหญ่คนดีของข้าคิดจะทำอะไรกันแน่ อย่าบอกว่าจู่ๆเขาก็เกิดคิดได้ขึ้นมา อยากกลับมาสานสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องกับข้าหรือ” คำพูดนี้ดูปลอมพอๆกับการที่เขาไปยังถิ่นผู้บำเพ็ญสายธรรมแล้วบอกว่าเขาไม่ใช่มารนั่นแหละ
“คนที่มาบอกว่า องค์ชายใหญ่ขังตัวเองไว้อยู่ในห้องบรรทมสามวันสามคืน เมื่อออกมา ดวงตาแดงเล็กน้อย แล้วจึงถ่ายทอดคำสั่งนี้มา คนจำนวนไม่น้อยบอกว่าองค์ชายใหญ่เกิดคิดได้ ถึงอยากจะกลับมาสานสัมพันธ์กับนายท่าน” อั้นเยี่ยทวนคำพูดที่ได้ยินมา ยังรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ดูไร้ซึ่งมูลความจริงอย่างเหลือเกิน
“คิดได้ขึ้นมาหรือ สงสัยคงมีแผนการที่จะจัดการข้าแล้วมากกว่า ลำบากพี่ชายที่แสนดีของข้าต้องมาแสดงอะไรแบบนี้แท้ๆ” เยี่ยซิงหวงไม่มีทางเชื่อว่าพี่ชายของเขาจะคิดเช่นนั้นจริงๆ นอกจากตัวเขาจะโดนแย่งร่างไป
“ดังนั้น นายท่าน ข้าน้อยควรจะตอบอย่างไร”
“ไปบอกคนส่งข่าวว่าข้าจะไปตามเวลานัดหมาย” เยี่ยซิงหวงตอบตกลง เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพี่ใหญ่ของเขาจะมาไม้ไหน
“เจ้าบอกว่าเยี่ยซิงหวงตอบตกลงแล้วงั้นหรือ แถมยังทำหน้าเหลือเชื่อ แล้วก็ตื้นตันด้วย” เยี่ยซิงขวงทวนคำพูดของคนส่งข่าว
“ขอรับ นายท่านฉลาดหลักแหลม แค่บุญคุณผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็ทำให้คนชั้นต่ำผู้นั้นตื้นตันใจอย่างมาก” คนผู้นี้ฉวยโอกาสประจบประแจง เพราะองค์ชายใหญ่ไม่ชอบให้พวกเขาเรียกคนผู้นั้นว่าองค์ชายรอง ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกเยี่ยซิงหวงว่าคนชั้นต่ำตามองค์ชายใหญ่
“ฮ่าฮ่า เยี่ยซิงหวง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะตื้นตันง่ายขนาดนี้ รอเจ้ามาก่อนเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าซาบซึ้งใจมากกว่านี้อีก” เยี่ยซิงหวงโยนขวดหยกในมือไปมา
ระหว่างทางที่เยี่ยซิงหวงเดินไปตำหนักของพี่ใหญ่ เขาก็ถอนหายใจ ตอนที่เขาเพิ่งมา พี่ใหญ่บอกตลอดว่าเขาเป็นคนชั้นต่ำ ไม่เคยยอมให้เขาเหยียบเข้ามาที่ตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว ขนาดตอนที่เขาบังเอิญผ่านมายังต้องเรียกนางกำนัลมาเช็ดทำความสะอาดบริเวณที่เขาเดินผ่านสามรอบ แต่นี่กลับเรียกเขาไปที่ตำหนักเพื่อชมจันทร์ คงจะรังเกียจตำหนักของตนเอง แล้วจะใช้ข้ออ้างนี้รื้อตำหนักของตนเอง เพื่อจะได้ย้ายเข้าตำหนักของเสด็จพ่อเร็วๆ
“พี่ใหญ่” เยี่ยซิงหวงเดินตามบ่าวในวังเข้ามา พลันเห็นพี่ใหญ่ในสวนดอกไม้ แต่เขาก็มองเห็นสายตาดูถูกของพวกข้ารับใช้ หากไม่ใช่เพราะว่าพี่ใหญ่ บ่าวของเขาจะทำตัวเช่นนี้ได้อย่างไร เพียงแต่ไม่ข่มอารมณ์ตนเอง ไม่กลัวหรือว่าจะทำแผนการของผู้เป็นนายพัง หากเยี่ยซิงหวงโง่เขลาเบาปัญญา ก็คงจะเชื่อจริงๆว่าพี่ใหญ่ของเขากลับตัวกลับใจ น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้โง่เขลา เพียงแต่ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของเขาจะมาไม้ไหน
“น้องรอง เจ้ามาแล้วหรือ รีบนั่งสิ” เยี่ยซิงขวงพยายามกดน้ำเสียงให้อ่อนโยน ซุกซ่อนสายตาเหยียมหยามไว้ให้ลึกที่สุดแล้วยิ้มแย้มแจ่มใสแทน
“ได้ยินมาว่าพี่ใหญ่เชิญข้ามาดื่มสุราชมจันทร์ ข้าก็ร้อนใจอยากมาเร็วๆ ข้าไม่ได้มาเร็วเกินไปใช่หรือไม่” สายตาเหียดหยามกับท่าทางที่จงใจแสดงนั้น ทำไมเขาจะดูไม่ออก เพียงแต่การแสดงละครเป็นเรื่องที่เขาเยี่ยซิงหวงเชี่ยวชาญที่สุด
“มา น้องรอง พวกเราดื่มสุราไป พูดคุยกันไป” เยี่ยซิงขวงเชื้อเชิญอีกฝั่ง แล้วรินเหล้าให้หนึ่งจอก ดวงตาเยี่ยซิงหวงกระตุกน้อยๆ เป็นแบบนี้นี่เอง
“ขอรับ พี่ใหญ่” เช่นนี้เขาเล่นไปตามน้ำแล้วกัน แต่จะสิ้นเปลืองพลังมารในร่างกายพี่ใหญ่ไม่ได้ แล้วเยี่ยซิงหวงก็คิดได้
“มา น้องรอง ข้าขอดื่มให้เจ้าแล้วกัน” เยี่ยซิงขวงดื่มเหล้าจอกตรงหน้าตนเอง เมื่อเยี่ยซิงหวงเห็นเช่นนั้นก็ดื่มตาม เพียงแต่ดื่มเร็วเกินไป จึงสำลักจนดวงตาแดงก่ำราวเป็นกระต่าย เมื่อเยี่ยซิงขวงเห็นเยี่ยซิงหวงดื่มเหล้า ก็ดีใจอย่างมาก พวกเขาสองคนดื่มกันต่อจนเหล้าหมดกา เยี่ยซิงขวงก็เรียกให้คนไปเอาเหล้ามาอีก เยี่ยซิงหวงใบหน้าแดงก่ำ สายตาเริ่มพร่ามัว
“มิน่า เสด็จพ่อถึงไม่สนใจว่าแม่ของเจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสายธรรม อย่างไรก็จะเอาเจ้ากลับมาให้ได้ น้องรองเจ้าช่างงดงามจริงๆ” เยี่ยซิงขวงไม่รู้ว่าเพราะตนเองดื่มมากเกินไปหรือไม่อย่างไร แต่เขากลับรู้สึกว่าสาวงามทั้งหมดก็ไม่อาจเทียบความงามของคนชั้นต่ำอย่างน้องรองของเขาได้
“พี่ใหญ่ ดื่ม ดื่ม” เยี่ยซิงหวงไม่รู้จะพูดอะไร จึงโบกมือบอกให้อีกฝ่ายดื่มเท่านั้น
“น้องรองเจ้าเมาแล้ว” ดีเหลือเกิน ในที่สุดความปรารถนาของเขาก็จะกลายเป็นจริง ว่าแต่ทำไมแขนขาของเขาถึงไม่มีแรง หรือเพราะเขาดื่มมากไป ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอจัดการธุระให้เสร็จ เดินพลังกำจัดสุราภายในร่างก็เรียบร้อย
“ข้าไม่ได้เมา ข้าไม่ได้เมาสักหน่อย เอ่อ ทำไมรู้สึกร่างกายไม่มีแรงเลย เอิ๊ก พี่ใหญ่ ท่านพี่ต้องโดนหลอกแน่ๆ โดนคนอื่นหลอกให้ซื้อเหล้าปลอมมา ท่านพี่ดูสิ พวกเราไม่มีแรงเหลือเลย เอ่อ ทำไมพลังมารของข้าเหมือนจะค่อย ๆ หายไป พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วย” เยี่ยซิงหวงแกล้งทำท่าจะดื่มต่อ แต่ร่างกายไร้เรี่ยวแรง สายตาที่มองพี่ใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“น้องชายคนดีของข้า อีกครู่เดียวก็จบลงแล้ว” ยาออกฤทธิ์แล้วหรือ ช่างดีจริงๆ
“พี่ใหญ่ ท่านพี่หมายความว่าอะไร” เยี่ยซิงหวงแสร้งทำเป็นงุนงง
“หมายความว่าอะไรน่ะหรือ น้องชาย พี่ดีกับเจ้าขนาดไหน ดูสิของดีๆอย่างยาสลายพลังมาร พี่ให้เจ้าแค่คนเดียวเท่านั้น” เยี่ยซิงหวงพูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
“พี่ใหญ่ ทำไม ทำไมท่านต้องทำลายพลังมารของข้า” ในที่สุดเยี่ยซิงหวงก็ได้สติ ใบหน้าซีดขาว มองเยี่ยซิงขวงอย่างหวาดกลัว
“เพราะอะไรน่ะหรือ ก็การมีชีวิตอยู่ของเจ้าเป็นเสี้ยนหนามในใจข้ามาโดยตลอด แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ ข้าแค่ทำลายพลังมารของเจ้า ให้เจ้ากลายเป็นคนธรรมดาเท่านั้น ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตเจ้า รอพี่ทำลายจุดชี่ไห่ของเจ้า พวกเราก็จะกลายเป็นพี่น้องที่รักกันแล้ว” เยี่ยซิงขวงเดินโซเซไปข้างกายเยี่ยซิงหวง ในขณะที่เพิ่งเจอจุดชี่ไห่ของอีกฝ่าย ก็ถูกยัดอะไรไม่รู้เข้าปาก และลายทันทีที่เข้าในปาก เยี่ยซิงหวงที่โดนยาพิษกลับลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าตนเอง และเยี่ยซิงขวงค้นพบว่าพลังมารในร่างกายของเขาโดนผนึกเอาไว้
“เยี่ยซิงหวง เจ้าไม่ได้เป็นอะไรเหรอ แล้วเจ้าให้ข้ากินยาอะไร ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” เยี่ยซิงขวงพบว่าคนที่ขยับตัวไม่ได้คือเขา เยี่ยซิงหวงกินยาสลายพลังมารเข้าไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
“ปล่อยเจ้างั้นหรือ แล้วใครจะปล่อยข้า พี่ชายคนดีของข้า ข้าทนท่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ท่านกลับอยากจัดการข้า ท่านคิดว่าจะเป็นไปได้หรือ บอกท่านตรงๆเลยแล้วกัน ยาสลายพลังมารนั่นน่ะ ข้าเป็นคนปรุงเอง” ตอนนี้เยี่ยซิงหวงไม่ใช่แกะน้อยที่เชื่อฟังอีกต่อไป แต่เป็นหมาป่าในชุดคลุมแกะ
“เจ้าเป็นคนปรุงหรือ” เยี่ยซิงขวงแทบไม่อยากจะเชื่อหูของเขาเอง
“ใช่ ข้าเป็นคนทำขึ้นมาเอง คนสนิทของท่านก็ช่างช่วยได้มากจริงๆ นำยาที่ข้าปรุงขึ้นมาจัดการกับข้า ข้าก็เลยใช้แผนซ้อนแผน เพียงแต่ข้าไม่ได้สิ้นเปลืองแบบท่านที่คิดจะทำลายพลังมารของข้า ทำลายไปก็น่าเสียดาย เอามาให้ข้าจะดีกว่า” เยี่ยซิงหวงเลียมุมปาก แล้วมองเยี่ยซิงขวงราวเขาเป็นอาหารรสเลิศที่รอให้เขาลิ้มลอง
“เยี่ยซิงหวง เจ้าคนชั้นต่ำ หากเจ้ากล้าทำเช่นนี้ เสด็จพ่อไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่” เยี่ยซิงขวงพบว่าน้องชายชั้นต่ำของเขาพูดเรื่องจริง
“เสด็จพ่อ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะช่วยเจ้าหรือ ตัวเขาเองยังเอาตัวเองไม่รอดเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมเสด็จพ่อต้องเข้าฌานตลอดเวลา นั่นเพราะอายุขัยของเขาใกล้จะสิ้นสุด หากไม่สามารถบรรลุขั้นได้ ก็จำต้องใช้ร่างคนอื่น เขามีเจ้าแค่คนเดียวอาจไม่ปลอดภัย ดังนั้นเขาเลยจำเป็นต้องมีลูกอีกคน” พูดถึงเรื่องนี้ สายตาของเยี่ยซิงหวงเต็มไปด้วยความอาฆาต ใช่แล้ว ท่านพญามารเกรงว่าหากมีร่างเพียงร่างเดียวอาจไม่ปลอดภัย จึงบังคับให้แม่ของเขาให้กำเนิดเขาออกมา
“เจ้าพูดอะไร ไม่ ไม่มีทาง เสด็จพ่อต้องมอบตำแหน่งพญามารให้ข้า มันเป็นของข้า เป็นของข้า” เยี่ยซิงขวงเสียสติ
“หึ พี่ใหญ่คนดีของข้า เจ้าก็ไปฝันว่าได้ขึ้นครองบัลลังก์พญามารไปก็แล้วกัน ส่วนพลังบำเพ็ญเพียรของท่าน ข้าขอเก็บไปแค่ส่วนหนึ่งก่อน” เยี่ยซิงหวงยื่นมือออกมาจับมือของเยี่ยซิงขวง ดูดพลังของเขาส่วนหนึ่งเข้ามา
“พี่ชายคนดีของข้า พลังของท่านบริสุทธิ์จริงๆ ไร้ซึ่งสิ่งแปดเปื้อน รสชาติดีจริงๆ น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเอาท่านกลับไปด้วยได้ อย่างนี้แล้วกัน กินนี่เข้าไป แล้วบอกกับคนอื่นว่าเจ้าจะเข้าฌาน จากนั้นทุกวันที่ 15 ของเดือน จงจำไว้ว่า ท่านต้องสั่งบ่าวในวังให้ไปที่อื่น ข้าจะได้มาดูดพลังได้สะดวกๆ” เยี่ยซิงหวงยัดยาเข้าปากของเยี่ยซิงขวงอีกหนึ่งเม็ด
“แค่กๆ เจ้าให้ข้ากินอะไรเข้าไป” เยี่ยซิงหวงมองดูน้องชายตัวร้ายด้วยแววตาหวาดกลัว
“ของดีแล้วกัน ยาหุ่นเชิด ต่อไปพี่ใหญ่เป็นหุ่นเชิดที่เชื่อฟังก็พอแล้ว” เยี่ยซิงหวงพูดจบ ยาที่เยี่ยซิงขวงกินก็ออกฤทธิ์ อีกฝ่ายกลายเป็นหุ่นเชิดโดยสมบูรณ์
“หุ่นเชิดคนดี รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร?”
“ขอรับ”
“ใครก็ได้ น้องรองดื่มเหล้าเมาแล้ว ส่งเขากลับที” ประสาทเซียนของเยี่ยซิงขวงถูกจำกัด เขาต้องเห็นตนเองพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับใจปรารถนา ทำในสิ่งที่เขาไม่ได้อยากจะทำ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้
“พี่ชายคนดี ท่านรู้สึกสิ้นหวังใช่หรือไม่ เรื่องสิ้นหวังจริงๆ มันอยู่หลังจากนี้ต่างหาก ในเมื่อท่านให้ความร่วมมือดีเช่นนี้ ข้าก็จะเร่งมือเสียหน่อย ตาแก่นั่นคงทนได้อีกไม่นานนักแล้ว” เยี่ยซิงหวงหรี่ตามองบัลลังก์พญามาร
ข่าวเรื่ององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองปรองดองร่วมดื่มสุราแพร่กระจายไปทั่วโลกมารอย่างรวดเร็ว เพียงแต่วันถัดมา องค์ชายทั้งสองต่างประกาศว่าจะเข้าฌาน ทำให้มีกลิ่นความผิดปกติลอยออกมาจากเรื่องนี้
เพียงแต่หลิวหลีที่อยู่แดนไกลก็ไม่ได้รับรู้อะไรในเรื่องนี้ด้วย นางแค่ทนสีหน้าซับซ้อนของพวกศิษย์พี่ไม่ได้จริงๆ นางจึงรีบหาข้ออ้างหนีไป ให้นางกลับไปปล่อยน้องสาวที่เป็นแกะตัวเดียวจะยังดีกว่า อย่างน้อยน้องสาวของนางก็คงจะไม่มองนางด้วยสีหน้าแบบนั้น รู้สึกกดดันมากจริงๆ
หนานกงเวิ่นเทียนไหว้บรรพบุรุษบ้านสกุลหนานกงเสร็จก็บอกว่าเขาจะเข้าฌาน แต่จริงๆแล้วเขาเข้าไปอยู่ในมิติหลิวหลี ฮัวจิงเฟยไปเยี่ยมหลงหลิวหลีที่สกุลหลง แต่กลับพบว่าหลิวหลีกลับสำนักไปแล้ว จึงต้องกลับไป หลิวหลีเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเรื่องนี้เข้า ช่างมาได้ผิดเวลาจริงๆ
……………………………………….