แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 24 เกือบถูกกิน
หลิวหลีกำลังจะออกไป แต่ทันใดนั้นเองมีควันกลุ่มหนึ่งลอยเข้ามาในธารประสาทสัมผัสของหลิวหลี นางตกอยู่ในภวังค์ เอ๋าเลี่ยลอบอุทานออกมา “แย่แล้ว”
บำเพ็ญเพียรบรรลุช่วงพื้นฐานแล้วจะเท่ากับว่าหลุดออกจากความเป็นมนุษย์แล้ว ถึงกายหยาบจะสลายไป แต่ดวงจิตยังคงอยู่ เอ๋าเลี่ยนึกออกเสียทีว่าตนเองละเลยอะไร เขาหวังว่านังหนูจะอดทนผ่านมันไปได้
หลิวหลีพบว่ารอบตัวมีแต่สีขาว ที่นี่คือเหมือนจะเป็นธารประสาทสัมผัสของตนเอง ตอนนี้ตัวเองคงเป็นเพียงดวงจิตเท่านั้น หลิวหลีขมวดคิ้วและครุ่นคิด ใช่แล้ว แล้วมีแสงสว่างวาบ
“ฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงเลย ข้าถูกขังอยู่ที่นี่หลายปี จะได้เจอร่างกายที่คุณสมบัติดีเยี่ยมเช่นนี้ ทั้งแกนวิญญาณเพลิงนภา ร่างเพลิงสุริยา ฮ่า ฮ่า สวรรค์เจ้าคงจะชื่นชมข้ามากกระมัง”
“ใคร” หลิวหลีระแวง
“ใครล่ะ ข้าก็คือวิญญาณโครงกระดูกที่เจ้าฝังให้นั่นอย่างไร ช่างเป็นเด็กสาวที่มีใจเมตตาจริงๆ น่าเสียดาย คนที่มีเมตตาเช่นนี้มักอายุไม่ยืนด้วยสิ” คนผู้นั้นละม้ายคิดอะไรบางอย่างได้ ท่าทางเขาโหดเหี้ยม
“เจ้าไม่มีเหตุผลเลย ข้าอุตส่าห์ส่งเจ้าไปสู่สุคติแล้ว เจ้ายังวิ่งวุ่นในหัวข้า ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปจริงเลย เจ้าต้องถูกฟ้าผ่าแน่” ใบหน้าหลิวหลีแดงก่ำด้วยความโมโห
“เฮ้อ ดูไม่ออกเลยว่าเป็นเด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงก็เด็กผู้หญิงเถอะ ผู้บำเพ็ญไม่สนใจว่าหญิงหรือชายอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าคิดว่าของล้ำค่าสามสิ่งนั้นได้มาง่ายมากเลยหรือ นังหนู มอบร่างเจ้าให้ข้าเสียดีๆ” พูดจบก็กลายเป็นแสงพุ่งเข้าหาหลิวหลี
หลิวหลีตกใจ แล้วลนลานหนีไปสะเปะสะปะ
“แม่หนู เจ้าอย่าคิดหนีเลย ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ข้าบรรลุช่วงอมตะแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าสู้ข้าไหวเหรอ”
“เจ้าหวังมากเกินไปแล้ว นี่คือร่างกายข้า ทำไมต้องให้เจ้าด้วย เจ้าเป็นอะไรกับข้า” หลิวหลีพูดพลางหลบไปพลาง
“ถือว่าใจสู้นัก ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหนเชียว”
ด้านนอกหนานกงเวิ่นเทียนเพิ่งออกจากฌาณ พลังบำเพ็ญเพียรรักษาระดับอยู่ในช่วงฝึกลมปราณขั้นที่ 10 เท่านั้นและรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงตัดสินใจจะไปสำรวจดู ไม่รู้ว่าแม่หนูนั่นเป็นอย่างไรแล้ว
“อาเทียน ไปทางทิศตะวันออก ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย” หงส์เหมันต์เฟิ่งอิงเสวี่ยส่งเสียงบอก
“ทางตะวันออกหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนพูดจบ ก็กลายร่างเป็นแสงพุ่งไปทิศตะวันออกในทันที
หลิวหลีรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เรี่ยวแรงลดลงไปช้าๆ หลบไปหลบมาก็ไม่ทัน ถูกฉีกทึ้งจนเนื้อตัวเจ็บปวด หลิวหลีจึงหดตัวไปซ่อนในมุม นี่คือความแตกต่างของพลังบำเพ็ญเพียร คนแข็งแกร่งกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะไป แต่รู้สึกคับแค้นใจอย่างยิ่ง นางช่วยเขาชัดๆ แต่เขากลับตอบแทนเช่นนี้ เห็นทีจะเป็นคนดีไม่ได้แล้ว ยิ่งเห็นดวงวิญญาณจอมโอหังนั่นเข้าใกล้ตนเองมาเรื่อยๆ นางก็ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น อยากจะกลืนกินข้าเหรอก็ต้องดูว่าเจ้าจัดการข้าได้หรือไม่ หลิวหลีใช้พลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ เรียกเพลิงบุปผาเหมันต์หลอมรวมเข้าไปในดวงวิญญาณ ในตอนที่ดวงวิญญาณนั้นโอบล้อมดวงวิญญาณนาง เพลิงบุปผาเหมันต์เผาไหม้จากด้านในออกมา ดวงวิญญาณนั้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด อยากจะหนีเอาตัวรอดแต่กลับถูกหลิวหลีรัดรั้งเอาไว้อย่างแน่นหนา เพลิงบุปผาเหมันต์นั้นเผาไหม้ดวงวิญญาณดวงนั้นจนเหลือเพียงแต่ร่างวิญญาณสีขาวโพลนดำดิ่งลงไปในธารประสาทสัมผัสของนาง แล้วธารประสาทสัมผัสของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที พลังเซียนจำนวนมากกลายเป็นทรัพยากรเพิ่มความแข็งแกร่งธารประสาทสัมผัสของนางหลายเท่าตัว
เอ๋าเลี่ยที่อยู่ด้านนอกเห็นหลิวหลีดิ้นรนจนนิ่งสงบ นี่คงจบแล้วเขายังสัมผัสได้ว่าพันธสัญญาระหว่างพวกเขายังอยู่ แปลว่านังหนูเอาชนะดวงวิญญาณดวงนั้นได้ เอ๋าเลี่ยถอนหายใจเด็กคนนี้ทำให้เหนื่อยใจได้ตลอดจริงๆ
ด้านนอกเกิดความเคลื่อนไหว เอ๋าเลี่ยรู้ดีว่านี่ถือเป็นโชคชะตาและของนังหนู เขาตัดสินใจว่าถ้าเป็นคนนอกก็จะจัดการคนเหล่านั้น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้หลิวหลีตกอยู่ในอันตราย เขาตั้งท่าโจมตีไว้พร้อม แต่กลับพบว่าคนที่เข้ามาคือ
“หนานกงเวิ่นเทียน ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่” ใช่แล้ว คนที่เข้ามาก็คือหนานกงเวิ่นเทียนผู้ที่มาตามการบอกทางของหงส์เหมันต์
“ท่านอาเอ๋าเลี่ย ข้าเป็นคนให้เขามาเอง เกิดอะไรขึ้นกับคู่พันธสัญญาของท่าน” หงส์เหมันต์เฟิ่งอิงเสวี่ยบินออกมาและเอ่ย
“ไม่เป็นไรแล้วแม่หนูนี่เกือบพลาดน่ะสิ แต่ตอนนี้กลับได้ผลดีเพราะความซวยแทน อิงเสวี่ยเจ้าดูแข็งแรงขึ้นไม่น้อยเลย” เอ๋าเลี่ยเองย่อมเห็นความเปลี่ยนแปลงของเฟิ่งอิงเสวี่ย
“ท่านอาเอ๋าเลี่ย ข้ารู้สึกว่าที่นี้มีกลิ่นอายชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ซึ่งส่งผลดีต่อการฟื้นฟูของข้า” เฟิ่งอิงเสวี่ยเอ่ย
“กลิ่นอายชีวิตหรือ เช่นนั้นรอให้นังหนูตื่นขึ้นมาก่อน ข้าคิดว่านางน่าจะรู้เรื่อง” เอ๋าเลี่ยคาดเดา แต่ยังต้องดูว่านังหนูยินดีหรือไม่ ไม่ว่าจะอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสที่นางเจอ
หลิวหลีดูดซึมพลังดวงวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไป จนตัวส่องแสงเปล่งประกาย พลังบำเพ็ญเพียรพุ่งไปอยู่ในช่วงพื้นฐานระยะกลาง พลังบำเพ็ญวิญญาณไปช่วงบำเพ็ญศีลระยะปลายขั้นสุดยอด อีกเพียงก้าวเดียวจะบรรลุช่วงอมตะแล้ว
ในขณะเดียวกันก็ได้ข้อมูลมาไม่น้อย คนผู้นี้ชื่อชิงเฟิงจริงๆ เริ่นชิงเฟิง เป็นศิษย์สำนักเหนือนภา เขาโดนศิษย์น้องร่วมสำนักปองร้าย ต่อสู้กันจนตกลงมาที่นี่ เส้นเอ็นแขนทั้งสองข้างขาดสะบั้น มังกรเหมันต์ที่โชคร้ายข้างนอกที่ถูกหลิวหลีเหยียบใส่จุดตายตัวนั้น ในตอนนั้นเพิ่งจะอยู่ในขั้นที่ 1 เท่านั้นจึงซวยตกลงมาเช่นกัน มังกรเหมันต์ทำอะไรชิงเฟิงไม่ได้ ส่วนชิงเฟิงเองก็เช่นกัน จึงต้องอยู่กันเช่นนี้ต่อมาอีก 500 ปี เริ่นชิงเฟิงไปพบความลับของถ้ำเซียนแห่งนี้เข้า แต่ต่อให้เริ่นชิงเฟิงจะรู้เรื่องสมบัติทั้ง 3 ชิ้น แต่ก็ครอบครองไม่ได้ คิดว่าหลิวหลีเป็นเหยื่อ ใครจะรู้ว่าเหยื่อผู้นี้จะมีเพลิงอัคคี และยังเป็นดาวซวยอีกด้วย ผลสุดท้ายเลยต้องกลายเป็นอาหารให้หลิวหลี
หลิวหลีตรวจตราข้าวของของเริ่นชิงเฟิง แอบรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ครอบครองเพลิงอัคคี สมบัติทั้ง 3 ชิ้นนั้นไม่ใช่ว่าเริ่นชิงเฟิงไม่อยากได้ เพียงแต่เขาใช้มันไม่ได้เท่านั้น อย่างหินนิลกาฬ หากไม่ใช่เพราะหลิวหลีมีหม้อปรุงยาก่อนก็จะไม่อาจครอบครองหินนิลกาฬได้ ถึงหินนิฬกาลจะสร้างมิติได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใส่อะไรลงไปก็ได้ หม้อปรุงยาสร้างจากหินมิติ เก็บได้หินมิติได้ก่อน แล้วจึงเก็บหินนิลกาฬ หลิวหลีลอบยินดีที่ตนเองถูกใจหม้อปรุงยาใบนี้ และยังเก็บหินนิลกาฬชิ้นนี้ติดมือมา
ส่วนเรื่องวิญญาณภูตพฤกษานั้น เซียนท่านนี้มีสวนพืชศักดิ์สิทธิ์อยู่ เริ่นชิงเฟิงไม่อาจเข้าไปได้ ไม่ใช่เพราะพลังบำเพ็ญเพียรสูงไม่พอ แต่เพราะทางเข้าสวนพืชศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณ แต่ถุงเก็บของของเริ่นชิงเฟิงโดนขโมยไปแล้ว จึงไม่มีหินวิญญาณติดตัวแม้แต่น้อย นอกจากวิญญาณภูตพฤกษาแล้วก็น่าจะมีหยดน้ำพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ด้วย ถึงแม้จะเทียบวิญญาณภูตพฤกษาไม่ได้ แต่ก็ไม่ด้อยไปกว่ากันนัก
ส่วนเพลิงวิญญาณไม้เป็นเพียงแผนที่เท่านั้น แผนที่ถูกแบ่งออกเป็นสองชิ้น เซียนท่านนี้มีแผนที่อยู่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่มันก็ถือว่าเป็นโอกาส
พอคิดไปคิดมาแล้ว หลิวหลีก็ออกจากธารประสาทสัมผัสของตัวเอง
พอหลิวหลีลืมตาขึ้นก็เห็น “เสี่ยวเทียน ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่”
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หนานกงเวิ่นเทียนพูดขึ้น พลังบำเพ็ญช่วงพื้นฐานระยะกลาง กำลังจะเข้าสู่ช่วงพื้นฐานระยะกลางขั้นสุดยอด โชคดีจริงๆ
“ดีมากเลยล่ะเพียงแต่อันตรายอย่างยิ่ง” หลิวหลีคิดๆดูแล้ว ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ช่วงเวลาแบบนี้ไม่ควรเป็นคนดี คนดีมักอายุไม่ค่อยยืน
“จริงสิ เจ้ารู้ว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้นไหม ที่นี่มีของที่อิงเสวี่ยต้องการ” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ย
“รู้สิ ว่าแต่อิงเสวี่ยเป็นใครกัน” อิงเสวี่ย ฟังดูแล้วเหมือนชื่อผู้หญิง ยังไม่ทันโตเลยก็หาผู้หญิงเสียแล้ว หรือว่าสายตานางจะมีปัญหา? เลี้ยงเขาออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก
“อิงเสวี่ยคือคู่พันธสัญญาของข้า” หนานกงเวิ่นเทียนอธิบาย
“คู่พันธสัญญา? เหมือนข้ากับอาเลี่ยหรือ?” หลิวหลีคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ย
หนานกงเวิ่นเทียนผงกศีรษะ ตราประทับลายหงส์บนหน้าผากเปล่งแสงลายมังกรบนหน้าผากของหลิวหลีก็เคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัว ดีจังเลย ในที่สุดก็เจอคนที่เหมือนกับนางแล้ว มังกรหงส์ เข้ากันได้พอดิบพอดี
…………………………………………….